
พล.ต.อ. ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบูรการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ ณ อาคารหอประชุมชั้น 2 สำนักงาน กสทช.


วาระสำคัญที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ คือ มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคม ซึ่งกฎหมายใหม่กำหนดให้ผู้ประกอบการร่วมรับผิดหากไม่ปฏิบัติตามที่ กสทช. กำหนด และเกิดความเสียหายต่อประชาชน



โดยก่อนจะเริ่มการประชุม พล.ต.อ.ณัฐธร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเผยแพร่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 เม.ย.68 ที่ผ่านมานั้น กสทช. ได้เรียกประชุมด่วน คณะอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ เพื่อหารือแนวทางในการกำหนดมาตรฐาน หรือมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทันที

โดยในส่วนของ กสทช.นั้น เพื่อให้เป็นไปตาม มาตรา 8/10 ที่กำหนดให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานหรือมาตรกร เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งในส่วนของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่นนั้น กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก ในการกำหนดมาตรฐานหรือมาตรการป้องกันต่างๆ ตาม พ.ร.ก. ที่ออกมาใหม่ ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด รวมทั้งต้องรีบวางมาตรการป้องกันการหลอกลวงรูปแบบใหม่ๆ เช่น การใช้วิดีโอคอล, Deep fake และ AI generate AI มาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง เป็นต้น

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะเสนอให้ ที่ประชุม กสทช. มีมติกำหนดมาตรฐานหรือมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สอดรับกับ พ.ร.ก.ที่ออกมาใหม่ โดยเน้นไปที่การเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบอย่างจริงจังของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรคมนาคมต่างๆ ในการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตลอดจนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการส่งข้อมูลที่จำเป็น เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ประกอบการทุกรายยังต้องมีหน้าที่ตามมาตรการต่างๆ ที่กำหนด เช่น

- ตรวจสอบคัดกรองผู้ใช้บริการที่มีลักษณะที่ผิดปกติ แล้วระงับการใช้ทันที (เช่น โทรออกอย่างเดียว, โทรหาผู้รับที่ไม่ซ้ำ , โทรเป็นจำนวนมาก, โทรออกจากตำแหน่งเดียวกันทุกครั้ง หรือโทรจากพื้นที่แนวชายแดน)
- ผู้ให้บริการจะต้องระงับการใช้ทันที ที่ได้รับการแจ้งจาก กสทช. ว่าเป็นเบอร์ที่ต้องสงสัย
- ผู้ให้บริการมีหน้าที่ตรวจสอบย้อนกลับเบอร์ที่จดทะเบียนใหม่ภายในสัปดาห์แรกว่า ข้อมูลที่รับจดทะเบียนถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่
- ผู้ประกอบการ มีหน้าที่ตรวจสอบ SMS และ Links ก่อนจัดส่ง
- ผู้ประกอบการต้องป้องกัน ไม่ให้ซิมบ็อกส์ (Sim box) ที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือซิมบ็อกซ์ผี เชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมได้
- มาตรการบริหารจัดการซิมการ์ดสำหรับคนต่างชาติ ที่ออกไปก่อนหน้านี้ โดยการจำกัดจำนวนการลงทะเบียน ไม่เกิน 3 ซิมการ์ด/คน/ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกำหนดให้ใช้พาสปอร์ตในการยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนใช้ซิมการ์ดเท่านั้น โดยไม่อนุญาตให้ใช้เอกสารประเภทอื่น
- ซิมนักท่องเที่ยว (Tourist SIM) ใช้งานได้ไม่เกิน 60 วัน โดยไม่สามารถเติมเงินเพื่อขยายระยะเวลาการใช้งานได้ และกรณีผู้ใช้บริการประสงค์ใช้งาน Tourist SIM ต่อเนื่อง ภายหลังครบกำหนดระยะเวลาใช้งาน จะต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการอีกครั้งหนึ่งก่อน จึงจะขยายระยะเวลาการใช้งานได้

ทั้งนี้เชื่อว่ามาตรการต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้การป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพมากขึ้น สกัดผู้กระทำผิดให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรคมนาคมต่างๆ ได้

ด้าน พล.ต.ต.เอกธนัช ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. ในฐานะ อนุกรรมการชุดเดียวกัน กล่าวว่า ขอให้ผู้ใช้บริการ Application ธนาคารออนไลน์ ที่เปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 และมีชื่อบัญชีธนาคาร ไม่ตรงกับชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ รีบติดต่อไปยังผู้ให้บริการ เครือข่ายโทรศัพท์ของตนเอง เพื่อยืนยันตัวตน ก่อนที่ Application จะไม่สามารถใช้งานได้ ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ จากข้อมูลที่มีในตอนนี้ ทราบว่า มีผู้ที่ชื่อบัญชีไม่ตรงกันอยู่จำนวนมาก แบ่งเป็นคนไทยราวๆ 2 ล้านบัญชี และมีชาวต่างชาติที่ชื่อไม่ตรงกันอยู่ราวๆ 800,000 รายชื่อ
ที่ผ่านมา ปปง. และกสทช. ได้เคยสั่งให้ผู้ให้บริการ รวมถึงธนาคารเจ้าของ Application ส่งข้อความแจ้งเตือนให้แก่ผู้ใช้บริการแล้ว และให้เวลามานานถึง 90 วัน สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา หากผู้ใช้บริการท่านใดยังไม่ได้ยืนยันตัวตน ขอให้รีบทำ เพื่อการใช้งานธนาคารออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
