ฝนมาต้องระวัง กรมประมง เตือนเกษตรกร เฝ้าระวัง โรคสัตว์น้ำ ที่มาพร้อมกับหน้าฝน

กรมประมง เตือน เกษตรกร เฝ้าระวัง โรคสัตว์น้ำ ที่มาพร้อมกับหน้าฝน พร้อมแนะแนวทางการเลี้ยงและการป้องกัน ช่วยลดความสูญเสีย

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้มีฝนตกในหลายพื้นที่และมีสภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งส่งผลให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และอาจกระทบต่อคุณภาพน้ำในบ่อดิน กระชัง และระบบเลี้ยงอื่น ๆ ทั้งในด้านอุณหภูมิ ปริมาณออกซิเจน ความเป็นกรด–ด่าง และความขุ่น สิ่งเหล่านี้ทำให้สัตว์น้ำเกิดความเครียด ปรับตัวไม่ทัน เสี่ยงต่อการติดโรคและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ประกอบกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มี แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ซึ่ง นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแลกรมประมง ได้มีความห่วงใยต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กรมประมงจึงได้มีแผนเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย ปี 2568 (ด้านประมง) และสั่งการหน่วยงานที่มีที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัด พร้อมทั้งมีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัย ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ

ด้วยเหตุนี้ กรมประมงจึงขอแจ้งเตือนให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเฝ้าระวังโรคสัตว์น้ำในช่วงฤดูฝน หมั่นดูแลสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมประมงอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น สำหรับโรคสัตว์น้ำที่มักพบและควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน มีดังนี้
1.โรคที่มีสาเหตุจากเชื้อปรสิต สัตว์น้ำที่ติดปรสิตมักจะมีลักษณะอาการว่ายน้ำผิดปกติ ว่ายน้ำถูตามข้างบ่อ ขับเมือกมาก มีจุดแดงหรือมีแผลถลอกตามผิวลำตัว โดยปรสิตที่พบได้บ่อย ได้แก่ เห็บระฆัง ปลิงใส เห็บปลา อิพิสไทลิส และซูโอแทมเนียม
2.โรคที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ โรคตัวด่างหรือโรคติดเชื้อฟลาโวแบคทีเรียม เกิดจากเชื้อ Flavobacterium columnare ปลาที่ติดเชื้อจะมีรอยโรคที่ผิวหนัง ลำตัวเป็นด่าง ครีบกร่อน และเหงือกเน่า โรคสเตรปโตคอคโคซีส (Streptococcosis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม Streptococcus sp. ส่งผลให้ปลาว่ายน้ำผิดปกติแบบควงสว่าน เสียการทรงตัว ตาขุ่นตาโปน และท้องบวม และโรคตับและตับอ่อนวายเฉียบพลัน (AHPND) เกิดจากเชื้อ Vibrio parahaemolyticus สายพันธุ์ที่สร้างสารพิษ ส่งผลให้กุ้งมีอาการว่ายน้ำเฉื่อย กินอาหารลดลง ตับซีด และมีอัตราการตายสูง

  1. โรคไวรัส TiLV สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ Tilapia Lake Virus (TiLV) มักจะพบในปลานิล ลักษณะอาการ ที่พบ ปลามีอาการเซื่องซึม ปากเปื่อย ตาขุ่นหรือโปน ท้องบวม ลำตัวสีเข้ม ผิวหนังด่าง แผลเลือดออก กินอาหารน้อยหรือไม่กินอาหาร และจะทยอยตายในอัตราที่สูงถึง 50-100% โรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาหรือสารเคมี ต้องป้องกันโดย คัดเลือกลูกพันธุ์จากแหล่งพันธุ์ที่น่าเชื่อถือ ไม่มีประวัติการระบาดโรค และในระหว่างการเลี้ยงควรให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสมตามช่วงอายุของปลา เพื่อลดของเสียและสิ่งขับถ่ายสะสมในบ่อ

โดยแนวทางในการป้องกันโรคข้างต้นรวมถึงโรคอื่นที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางในการดูแลสัตว์น้ำในช่วงฤดูฝน มีดังนี้
1.เลือกใช้แหล่งลูกพันธุ์หรือพ่อแม่พันธุ์ของสัตว์น้ำที่มีความน่าเชื่อถือ และปลอดโรค
2.วางแผนการเลี้ยงให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เลือกใช้อาหารสัตว์น้ำที่ขึ้นทะเบียนมีคุณภาพดี และให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งหมั่นทำความสะอาดพื้นบ่อหรือกระชังเพื่อลดสารอินทรีย์สะสม เนื่องจากช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน อุณหภูมิน้ำจะลดลงทำให้สัตว์น้ำกินอาหารน้อยลง หากให้อาหารในปริมาณมากเกินจะทำให้มีอาหารเหลือตกค้างที่พื้นบ่อ ทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์น้ำได้
3.ช่วงที่อากาศปิดหรือมีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลงอย่างฉับพลันส่งผลให้เกิดอาการน็อคน้ำและตายได้ เกษตรกรควรติดตั้งเครื่องให้อากาศหรือเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ หากค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ของน้ำในบ่อลดลง ควรเติมวัสดุปูน เช่น ปูนขาว หรือปูนมาร์ล เป็นต้น และควรเติมเกลือ เพื่อลดความเครียดของสัตว์น้ำ
4.เสริมภูมิคุ้มกันสัตว์น้ำ โดยการเสริมอาหารหรือวิตามิน เช่น โปรไบโอติก วิตามินซี วิตามินรวม แร่ธาตุต่าง ๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยกรมประมง เป็นต้น

ทั้งนี้ หากเกษตรกรพบปัญหาด้านโรคสัตว์น้ำ สามารถขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำได้ที่กองวิจัยและพัฒนาสุขภาพสัตว์น้ำ กรมประมง หมายเลขโทรศัพท์ 0-2579-4122 หรือรายงานสัตว์น้ำป่วยหรือตายผ่านระบบ กพส.สร.1 ตาม QR Code ที่แนบมานี้ รวมทั้งสามารถติดต่อสำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานประมงอำเภอหรือหน่วยงานอื่น ๆ ของกรมประมงทุกแห่งทั่วประเทศ