ในพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้นำเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม วานนี้ (2 ต.ค.66)
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมอบนโยบายว่า ขอมอบนโยบายและกรอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอเริ่มที่การฟื้นฟูรายได้ จะเริ่มต้นด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในต้นปี 67 จะมีเงินอัดฉีดเข้าไปในเศรษฐกิจ ด้วยกรอบประมาณ 560,000 ล้านบาท
ด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายนี้จะแตกต่างจากการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่ผ่านมา ครั้งนี้เงิน 560,000 ล้านบาท ที่เข้าไปกระตุ้นดีมานด์ (Demand) และจะขับเคลื่อนฝั่งซัพพลาย (Supply) หรืออุปทานให้โตขึ้น ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สิ่งที่ได้รับคืนมาคือภาษีที่กลับคืนสู่ภาครัฐ ทำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเศรษฐกิจนี้ระยะเวลา 6 เดือน
“ไม่ต้องห่วง ได้ใช้แน่นอนในเดือน ก.พ.67 แต่นี่เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ถัดไปจะขอพูดในระยะยาวว่า รัฐบาลมีมาตรการอย่างไรให้เศรษฐกิจโตได้อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายชัดเจน ด้านเศรษฐกิจคือการทำให้จีดีพีของประเทศโตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปีนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาประเด็นทั้งกรอบความสำคัญทั้ง 5 ข้อ ได้แก่
1.ทำงบประมาณตามนโยบายที่สัญญากับประชาชน 2.ทำอย่างบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อน 3.ทำอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาวินัยการเงินการคลัง 4.ทำอย่างมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย 5.ทำให้ครบทุกแหล่งเงินทุน และยึดวินัยการเงินการคลัง และขอให้จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 6 ต.ค.66″ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังโพสต์ภาพพร้อมข้อความลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัว Srettha Thavisin เพิ่มเติม โดยระบุว่า จุดประสงค์ของการประชุมวันนี้ คือมอบนโยบายและกรอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครับ
ซึ่งในการวางแผนใช้จ่ายงบประมาณปี 67 ผมได้วางกรอบความสำคัญ 5 ข้อต่อไปนี้
1) ทำงบประมาณตามนโยบายที่สัญญากับประชาชน
2) ทำอย่างบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อน
3) ทำอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาวินัยการเงินการคลัง
4) ทำอย่างมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย
5) ทำให้ครบทุกแหล่งเงินทุน และยึดวินัยการเงินการคลัง
ทั้งนี้ ผมตั้งใจที่จะบริหารจัดการการคลังด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และรักษาวินัยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และขอให้ทุกหน่วยงานวางแผนงบประมาณให้มีสิทธิภาพ เพื่อจะได้ใช้ภาษีของประชาชนทุกบาท ทุกสตางค์ อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์ต่อคนไทยทุกคนครับ
อีกทั้ง ช่วงบ่าย นายเศรษฐา ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความขณะร่วมทานอาหารและหารือกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ระบุว่า
“วันนี้ผมเชิญ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจและการเงิน เป็นการประชุมที่มีประโยชน์มากครับ และหลังจากนี้ก็จะมีการนัดพบปะหารือในลักษณะนี้เป็นประจำทุกเดือนครับ”
ซึ่งถัดมา นายเศรษฐา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า การพูดคุยเป็นไปด้วยดี ไม่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศ การที่เชิญผู้ว่าแบงก์ชาติมาคุยกันครั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นข้อกังวลและข้อเสนอแนะตามปกติ ซึ่งส่วนตัวเคารพความคิดเห็นของ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติแน่นอน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
“ไม่ได้เรียกมาจัดฉาก เรียกมาพูดคุยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งกันและกัน ท่านเองก็ดูแลเรื่องสถานภาพการเงินการคลังของประเทศอยู่ ถ้าเกิดผมเชิญท่านมา ผมก็จะต้องรับฟังความเห็นของท่านอย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ดังนั้น ที่มีกระแสเตรียมปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง และข้อเสนอแนะเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตนั้นพร้อมน้อมรับไปปฏิบัติ และพร้อมรับฟัง เพราะมีเรื่องที่ต่างเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เราต่างเป็นผู้ใหญ่ จะเห็นตรงกันทุกเรื่องไม่ได้ แต่พูดคุยกันด้วยเหตุและผล