ครม.ไฟเขียว ตั้งกองทุน Thai ESGX ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท

ปลุกตลาดหุ้น! “ครม.” เห็นชอบตั้งกองทุน Thai ESGX ลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท เปิดขาย พ.ค. – มิ.ย.68

วันนี้ (11 มี.ค.68) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.68 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ร่างกฎกระทรวงฯ) ตามมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพและยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการบริหารเงินลงทุนของผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

โดยมาตรการดังกล่าว มีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้

  1. จัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX
  • ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จัดตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่ โดยยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และจะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ ของ NAV

ทั้งนี้ บลจ. จะเปิดให้ผู้ลงทุนสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของ LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ในทุก บลจ. เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX รวมทั้งเปิดขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป

2.มาตรการภาษีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยตามร่างกฎกระทรวงฯ ประกอบด้วย

2.1 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX

สิทธิประโยชน์ทางภาษี

1..เงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยจะต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งวันที่ 1 พฤษภาคม – วันที่ 30 มิถุนายน 2568

2.เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

  • ผู้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน

2.2 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX

สิทธิประโยชน์ทางภาษี

1.มูลค่าของหน่วยลงทุนทั้งหมดที่ผู้มีเงินได้ถือในกองทุน LTF และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 500,000 บาท

โดยปีภาษี 2568 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และปีภาษี 2569 – 2572 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคลลธรรมดาเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี กล่าวคือ ไม่เกินปีละ 50,000 บาท

2.เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

  • ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF จะต้องแสดงความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดในกองทุน LTF ทั้งจำนวนเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่กองทุน Thai ESGX เปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน

ทั้งนี้ การคำนวณเงินได้ที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ใช้จำนวนหน่วยลงทุน ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ และมูลค่าหน่วยลงทุนให้ถือราคา ณ วันที่แจ้งความประสงค์

นายพรชัยกล่าวว่า สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX เป็นวงเงินเพิ่มเติมจากวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG

และสำหรับในปี 2569 เป็นต้นไป วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX จะรวมอยู่ในวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดียวกับวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG

“ร่างกฎกระทรวงฯ จะช่วยเพิ่มการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนไม่ให้เงินลงทุนไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน”นายพรชัยกล่าว