นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความกังวลเกี่ยวกับการปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ ที่ยังไม่เข้าถึงความต้องการของประชาชน โดยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.66 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แจ้งว่า จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการและพิจารณารายละเอียด ทั้งรายอาชีพ และรายอำเภอ
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่มีความสุขกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากกลไกในการกำหนดค่าแรงที่มีอยู่ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมและความต้องการของทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง นายเศรษฐา ยังได้กล่าวถึงการพบปะกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยระบุว่า การไม่สามารถปรับค่าแรงขั้นต่ำอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของประเทศ
ทั้งนี้ ยังกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของค่าแรงในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา โดยระบุว่าค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเพียง 12% จาก 300 บาทเป็น 337 บาท และเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนของลูกเจ้าของกิจการ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความไม่สมดุลในการเติบโตของรายได้ในสังคม
นายเศรษฐา ย้ำว่า การหารือเกี่ยวกับการปรับค่าแรงงานควรพิจารณาถึงความเห็นใจซึ่งกันและกัน และความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจประเทศกำลังเผชิญความท้าทาย นายเศรษฐา กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการพิจารณาถึงชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ใช่เพียงแค่การยึดติดกับกฎหมายเท่านั้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการหาจุดสมดุลระหว่างฝ่ายต่างๆ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย โดยเน้นว่า จะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และการสื่อสารอย่างชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการนี้
เมื่อถูกถามถึงความคาดหวังในเศรษฐกิจประเทศในปีหน้า นายเศรษฐา กล่าวว่า หวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น และย้ำว่าเขาไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ประเด็นค่าแรงงานขั้นต่ำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุน การเจรจาสนธิสัญญาทางการค้า สิทธิพื้นฐานทางสังคม และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน
อีกทั้ง ย้ำว่า มีแผนที่จะเยี่ยมชมภาคเหนือของประเทศหลังจากปีใหม่ เพื่อดูแลและช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นนั้นอย่างใกล้ชิด และหวังว่าปีใหม่นี้จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีในการทำงานเพื่อประชาชนทุกคน