ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุด วันนี้ (2 ม.ค.67) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยมาตรการสำคัญที่มีเป้าหมายเสริมสร้างและยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยมีจุดเน้นในการปรับปรุงโครงสร้างภาษีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีสินค้าสุราและไวน์ และการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีสถานบริการบันเทิง
โดยมาตรการเหล่านี้ประกอบด้วยการปรับปรุงอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าสุรา และการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับบางประเภทของไวน์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสุราพื้นบ้านและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไทย รวมถึงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดภาษีสถานบริการจาก 10% เป็น 5% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
ในส่วนของการปรับปรุงหลักเกณฑ์การตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยว กรมสรรพากรได้เพิ่มวงเงินซื้อสินค้าที่ต้องแสดงต่อศุลกากรและปรับเพิ่มมูลค่าสินค้าบางประเภทที่ต้องแสดงต่อสรรพากร เพื่อลดความยุ่งยากและคิวยาวของนักท่องเที่ยวในการขอคืนภาษี การดำเนินการเหล่านี้คาดว่าจะเพิ่มรายได้ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร และขยาย GDP ของประเทศ
ทั้งนี้ นายลวรณ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการตรากฎกระทรวงและประกาศกระทรวงการคลังเพื่อให้มาตรการเหล่านี้มีผลบังคับใช้อย่างเร็วที่สุดภายในเดือน ม.ค.67 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ร้านค้า, ร้านอาหาร, ภัตตาคาร, ธุรกิจบริการ, สถานบันเทิง, โรงแรม, ผู้ให้บริการขนส่ง และสายการบิน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
การปรับปรุงนโยบายและมาตรการดังกล่าว ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ โดยมีความหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยให้เพิ่มการใช้จ่ายในประเทศ และยกระดับภาพลักษณ์ของไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการค้า
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คาดว่า จะช่วยสร้างและส่งเสริมโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบันนี้อีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการสร้างฐานรากที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
