
วันนี้ (13 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรียกให้ผู้แทนบริษัทมือถือบริษัทมือถือ บริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ฟ จำกัด (OPPO) และบริษัท โปรทา จำกัด (Realme)


เข้าชี้แจงกรณีแอปฯ สินเชื่อความสุข และ Fineasy ถูกติดตั้งมาระบบปฏิบัติการ System App บนสมาร์ทโฟน โดยแอปฯ ดังกล่าวถูกติดตั้งมาตั้งแต่โรงงานผู้ผลิต โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งาน
โดยผู้แทนจากทั้ง 2 บริษัทที่เป็นผู้นำเข้าชี้แจงว่า แอปฯ ดังกล่าวเป็นบุคคลที่สาม (Thrid Party) ที่ร่วมกับโรงงานผู้ผลิต จึงต้องใช้เวลาในการติดต่อประสานงานกับทางผู้ผลิตที่จีนว่าแอปฯ เป็นของใคร ก่อนจะประสานให้มีการอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ และ รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) สั่งการให้ทั้ง 2 บริษัทระงับการจำหน่ายโทรศัพท์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันสินเชื่อและแอปฯ อื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่แจ้งหรือขอความยินยอมจากผู้ใช้งาน เพราะเข้าข่ายความผิดฐานละเมิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากยังพบการจำหน่ายโทรศัพท์เหล่านี้ อาจถูกปรับสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อกรณี

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้ผลิตปรับปรุงระบบอัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถลบแอปฯดังกล่าวออกจากเครื่องได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์บริการ
“นับจากวันนี้โทรศัพท์ทั้ง 2 ยี่ห้อ แม้จะออกรุ่นใหม่ หรือกำลังจะวางจำหน่ายจะต้องไม่มีแอปฯ สินเชื่อความสุข และ Fineasy ติดตั้งไปกับเครื่องโทรศัพท์”นายไตรรัตน์กล่าว
ขณะเดียวกัน ลูกค้าที่ได้ซื้อโทรศัพท์เครื่องเก่าไปแล้ว ทาง OPPO และ Realme จะดำเนินการทำ OTA (Over the Air) การส่งลิ้งค์ให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิในการลบแอปฯ ดังกล่าวออกจากเครื่องด้วยตนเอง เบื้องต้นใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในระยะเวลา 1 เดือน มองว่านานเกินไป โดย กสทช. ขอให้ส่งรายงานให้กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เพื่อจะประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 16 ม.ค.68 อีกครั้งหนึ่ง
รวมถึงในวันดังกล่าว ทาง OPPO และ Realme จะมีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับแอปฯ ได้แก่ 1.ขอสัญญาการแต่งตั้งตัวแทนของไทย ตามมาตรา 37(5) 2.พิจารณามาตรการทางกฎหมายติดตั้งแอปพลิเคชันตามมาตรา 23 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 3.ข้อมูลไม่ได้รับความยินยอมเปิดช่องทางให้ลบได้อย่างไร 4.เครื่องใหม่ต้องไม่มีแอปพลิเคชันอยู่ในเครื่อง และ 5.ใครเป็นผู้รับเงินกู้ แหล่งทุน
เนื่องจากหากมีการใช้ข้อมูลและละเมิด พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ตามกฎหมายของ สคส. หากไม่ดำเนินการจะเป็นกรณีที่ฝ่าฝืนมาตรา 83 ของของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ระวางโทษปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตัวเครื่องโทรศัพท์ตั้งแต่รุ่นปี 2566 เป็นต้นไป แอปฯจะถูกฝังไว้บนเครื่อง แต่ในโทรศัพท์รุ่นใหม่ยังตรวจไม่พบข้อมูล อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อัปเดตซอฟ์ตแวร์ใหม่ ระบบอาจติดตั้งแอปฯดังกล่าวพ่วงไปด้วย
การลบแอปฯ ที่เป็นปัญหานี้ จะดำเนินการใน 2 แนวทาง ดังนี้
1.ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ด้วยตนเองผ่าน OTA ซึ่งจะมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้สามารถถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ละเมิดได้อย่างสมบูรณ์
2.สำหรับผู้ที่ไม่สามารถอัปเดตผ่าน OTA ได้ จะมีช่องทางพิเศษในการให้บริการลบแอปพลิเคชันที่ศูนย์บริการ โดย สคส. ได้สั่งให้บริษัทจัดเตรียมขั้นตอนที่ชัดเจนและต้องดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน
พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กล่าวว่า ทั้ง 2 บริษัท จะต้องแต่งตั้งตัวแทนในประเทศไทย เพื่อรับผิดชอบต่อการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยตัวแทนต้องมีอำนาจเต็มและรับผิดชอบไม่จำกัดกรณี
หากไม่ดำเนินการแต่งตั้งตัวแทน จะถูกปรับตามกฎหมาย และหากเกิดการฝ่าฝืนหรือการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอีกในอนาคต อาจมีโทษทั้งทางแพ่ง อาญา และปกครอง
“การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะนี้ เป็นภัยต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและจะเร่งดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจในมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป” พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ หากมีประชาชนเจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถร้องเรียนมายัง PDPC ผ่านทางเว็บไซต์ pdpc.or.th หรือสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องเรียน สคส. โทร. 02-1118800 กด 2