นายกฯสั่งลุย แก้หนี้ 4 กลุ่ม ผ่อนนาน-ดอกเบี้ยน้อย ใครได้บ้าง เช็กด่วน!

นายกฯสั่งแก้หนี้ทั้งระบบ ต้องจบที่รัฐบาลนี้ 4 กลุ่มลูกหนี้โดนใจเต็มๆ ได้ผ่อนนาน-ดอกเบี้ยน้อย ใครได้บ้าง เช็กด่วน!

วันนี้ (12 ธ.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงการจัดการหนี้ทั้งระบบ ระบุว่า วันนี้เราไม่สามารถจะปล่อยให้ลูกหนี้ต้องเผชิญปัญหาอยู่อย่างลำพัง ถึงเวลาที่ภาครัฐจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้ทุกคนกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยแบ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับลูกหนี้ ดังนี้

1.กลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 กลุ่มนี้ โดยปกติจะมีประวัติการชำระหนี้มาโดยตลอด แต่สถานการณ์โควิดทำให้ธุรกิจต้องสะดุดหยุดลง  ขาดสภาพคล่อง จนไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ อีกส่วนหนึ่ง บางรายเป็นหนี้ครั้งแรกในช่วงโควิด เพราะต้องการเงินทุนไปหมุนเวียน แต่สุดท้ายกลายเป็นหนี้เสียจนไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อได้ กลุ่มนี้จะต้องได้รับการช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้เสีย  หรือได้รับการพักชำระหนี้เพื่อผ่อนปรนภาระเป็นการชั่วคราว

สำหรับลูกหนี้รายย่อย  ซึ่งส่วนใหญ่มีหนี้เสียกับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.  รัฐบาลจึงกำหนดให้ธนาคารทั้งสองแห่งติดตามทวงถามหนี้ตามสมควร  และให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้กลุ่มนี้ เพื่อให้ไม่เป็นหนี้เสียอีกต่อไป โดยคาดว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในกลุ่มนี้ ได้ประมาณ 1.1 ล้านราย

ส่วนลูกหนี้เอสเอ็มอี สถาบันการเงินของรัฐจะเข้าไปช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้  และพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้เอสเอ็มอี ที่อยู่กับแบงค์รัฐ ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยคาดว่าจะช่วยเหลือลูกหนี้เอสเอ็มอี เหล่านี้  ได้ครอบคลุมมากกว่า 99% ของจำนวนลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียในกลุ่มนี้ นับเป็นจำนวนกว่า 100,000 ราย

2.กลุ่มลูกหนี้ที่มีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมากจนเกินศักยภาพ โดยอาจจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อยได้แก่ กลุ่มข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร ที่มักจะมีหนี้กับสถาบันการเงิน และกลุ่มที่เป็นหนี้บัตรเครดิต กลุ่ม ข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศึกษา  ตำรวจ ทหาร จะได้รับการช่วยเหลือผ่าน 3 แนวทางด้วยกัน

แนวทางแรก คือการลดดอกเบี้ยสินเชื่อไม่ให้สูงจนเกินไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ประจำและถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ แนวทางที่สอง จะต้องโอนหนี้ทั้งหมดไปไว้ในที่เดียว  เช่น ที่สหกรณ์ เพื่อให้การตัดเงินเดือนนำมาชำระหนี้ทำได้สะดวก  และสอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ และแนวทางสุดท้าย คือบังคับใช้หลักเกณฑ์การตัดเงินเดือน ให้ลูกหนี้มีเงินเดือนเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งทั้งสามแนวทางนี้ จะต้องทำ ‘พร้อมกัน’ ทั้งหมด

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ มีระเบียบกำหนดให้ครูต้องมีเงินเดือนเหลือจ่าย อย่างน้อย 30% หลังการตัดหนี้แล้ว แต่ได้ขอให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับให้ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้อย่างทั่วถึง รวมถึงกระทรวงอื่นๆ มีหลักเกณฑ์ในลักษณะเดียวกันนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้ข้าราชการให้สังกัดของตน

ส่วนลูกหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หากเป็นนี้เสียก็จะสามารถเข้าร่วม โครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่บัตรเครดิตรายใหญ่ ทั้งหมดเพื่อช่วย ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับ ลูกหนี้โดยนำเงินต้น คงค้างมาทำตารางผ่อนชำระใหม่ให้ยาว ถึง 10 ปี และลดดอกเบี้ยจาก 16-25% เหลือเพียง 3-5% ต่อปี เท่านั้น

ทั้งนี้ ล่าสุดได้มีการปรับเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการให้ง่ายและยืดหยุ่นขึ้น เพื่อให้สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้มากยิ่งขึ้น โดยผู้มีหนี้ส่วนบุคคล ที่ไม่มีหลักประกันสามารถ สมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ผ่าน เว็บไซต์ debtclinicbysam.com

3.กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน / ทำให้การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อ  และลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กลุ่มนี้จะได้รับการช่วยเหลือ  โดยการพักชำระหนี้เป็นการชั่วคราว การลดดอกเบี้ย หรือลดเงินผ่อนชำระในแต่ละงวดให้ต่ำลง เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ เช่น ลูกหนี้เกษตรกร ซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน เนื่องจากรายได้ของพวกเขา ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปริมาณผลผลิต/เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้กลุ่มนี้ รัฐบาลได้มีโครงการพักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรแล้ว โดยพักทั้งหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี  ซึ่งโครงการนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมการพักหนี้กว่า 1.5 ล้านราย เป็นต้น

สำหรับลูกหนี้ กยศ. ซึ่งบางส่วนไม่มีงานทำหรือมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้หลังจบการศึกษา กยศ.ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการลดดอกเบี้ย ลดเบี้ยปรับ เปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้ และยกเลิกผู้ค้ำประกัน ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยลูกหนี้กยศได้กว่า 2.3 ล้านราย

สำหรับลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศ เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ เช่น ในกรณีเช่าซื้อรถใหม่ต้องคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% ต่อปี และกรณีรถจักรยานยนต์ต้องไม่เกิน 23% ต่อปี และลดดอกเบี้ยผิดนัดให้ต่ำลง รวมทั้งให้ส่วนลดหนี้สามารถปิดบัญชีได้ก่อนกำหนด

นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ร่วมกับ แบงก์ชาติ และ สคบ. อยู่ระหว่างการปรับแนวทางกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ลดความเสี่ยง เชิงระบบและรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ การเงินในภาพรวมต่อไป

4.กลุ่มนี้เป็นหนี้เสียคงค้างกับสถาบันการเงินของรัฐ มาเป็นระยะเวลานาน กลุ่มนี้จะโอนไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์  ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินของรัฐ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะทำให้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้เป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น คาดว่ามาตรการนี้จะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มนี้ได้ประมาณ 3 ล้านราย

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งในและนอกระบบ เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ในระยะเร่งด่วน เพื่อต่อลมหายใจให้ลูกหนี้ทุกกลุ่ม ในระยะยาวควรมีการแก้ปัญหาในระดับโครงสร้าง โดยยกระดับให้บริการสินเชื่อให้เหมาะสมและเป็นธรรม

“ทั้งหมดที่กล่าวมา คาดว่าจะช่วยแก้หนี้ให้กับประชาชนกว่า 10.3 ล้านราย และจะเห็นได้ว่า ครั้งนี้รัฐบาลได้กำหนดแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้หลากหลายกลุ่มด้วยกัน มีทั้งมาตรการ ที่ ครม. ได้เห็นชอบไปแล้ว เช่น การพักหนี้เกษตร มาตรการที่สามารถดำเนินการขยายผลได้ทันที เช่น เรื่องหนี้ครู หนี้ข้าราชการ หนี้บัตรเครดิต หนี้เช่าซื้อรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้เริ่มเปิดรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบ ซึ่งหวังว่าจะมีการติดตามเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยต่อไป อย่าให้หายเงียบ ตามแนวทางที่ตนเองได้มอบไว้

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุในระยะเร่งด่วน เพื่อต่อลมหายใจให้ลูกหนี้ทุกกลุ่ม ในระยะยาว ควรมีการแก้ปัญหาในระดับโครงสร้าง  โดยยกระดับการให้บริการสินเชื่อให้เหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งกระทรวงการคลังได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ  จัดทำแนวทางเพื่อยกระดับการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ ให้สะท้อนความเสี่ยงของลูกหนี้ได้มากขึ้น  เป็นธรรม  มีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมาะสม และป้องกันปัญหาการก่อหนี้เกินศักยภาพ” นายเศรษฐา กล่าว และว่า

“ทั้งนี้ ผมไม่ได้กล่าวว่าการเป็นหนี้เป็นสิ่งที่ชั่วร้าย โลกนี้มีหนี้ที่ดีอยู่ ซึ่งถือว่าหนี้ที่ไปจับจ่ายใช้สอย หรือประกอบธุรกิจ โดยไม่เกินความสามารถเป็นหนี้ที่จะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มจำนวนในระบบทั้งประเทศ ดังนั้น การมีลูกหนี้ที่ดีจึงเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม แต่ต้องเข้าใจว่า สภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาอาจทำให้กลไกเหล่านี้มีข้อติดขัด กลายเป็นปัญหาสั่งสมมา เกินจะแก้ไข โดยปราศจากการช่วยเหลือจากภาครัฐ”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ให้สำเร็จและมีผลอย่างยั่งยืนหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมกันเสริมความรู้ ยืนยันรัฐบาลห่วงใยลูกหนี้ทุกกลุ่มและได้มีแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว การดำเนินมาตรการให้สำเร็จได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากลูกหนี้ เจ้าหนี้ และหน่วยงานต่างๆ หลายภาคส่วน ขอมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน  ให้มาร่วมกันแก้หนี้ทั้งระบบให้จบภายในรัฐบาลนี้ ร่วมกันสำรวจและซ่อมแซมกลไกทางเศรษฐกิจ เพื่อทำให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจเราทำงาน เติบโต และขยายตัวต่อไปได้

คลิปอีจันแนะนำ
ช่วยลุงเร่ร่อน เดินข้ามจังหวัด 300 กิโล