หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/66 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 2% ต่อปี โดยให้มีผลทันที
ซึ่งก่อนหน้านี้ มี 7 ธนาคาร แจ้งปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิม แบงก์), ธนาคารทหารไทยธนชาต และธนาคารออมสิน
ถัดมา วานนี้ (7 มิ.ย.66) กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.30% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.20-0.25% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.66 เป็นต้นไป
อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
• เงินฝากออมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 0.05%
• เงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน เพิ่มขึ้น 0.10%
• เงินฝากประจำ 24 เดือน เพิ่มขึ้น 0.20%
• เงินฝากประจำ 36 เดือน เพิ่มขึ้น 0.25%
• เงินฝากประจำ 48 เดือน เพิ่มขึ้น 0.30%
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้
• สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (เอ็มแอลอาร์) เพิ่มขึ้น 0.20% เป็น 7.03%
• สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (เอ็มโออาร์) เพิ่มขึ้น 0.20% เป็น 7.325%
• สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) เพิ่มขึ้น 0.25% เป็น 7.15%
ขณะเดียวกัน ‘ธนาคารอาคารสงเคราะห์’ (ธอส.) ก็ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ เงินฝากประจำ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.66 เช่นกัน
โดยมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ และเงินฝากประจำ 0.05-0.35% ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออมและให้ผู้ฝากเงินได้รับประโยชน์ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
โดยเห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธอส. ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ พร้อมกันนี้ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ ‘ทำให้คนไทยมีบ้าน’ ยังมีสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ สำหรับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอีกด้วย