บ้านหรู ‘กทม.-ปริมณฑล’ แห่ขายลดราคา ฉุดดัชนีราคาบ้านใหม่ติดลบ

ไม่ว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะเพื่อวัตถุประสงค์ไหน การเข้าซื้อในราคาที่ถูกที่สุดถือเป็นโจทย์สำคัญ ที่จะทำให้เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงที่สุด

ดังนั้น การมีข้อมูลที่ช่วยให้ประเมินทิศทางราคาอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างถูกต้อง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คนลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ทุกคนจำเป็นต้องรู้

ซึ่งล่าสุด นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยว่า ผลสำรวจดัชนีราคาที่อยู่อาศัยใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 1/2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดลงของการปรับราคาขายบ้านเดี่ยวที่มีราคาแพงในกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป

สำหรับในพื้นที่ กทม. พบมากในโซนราษฎร์บูรณะ-บางขุนเทียน-ทุ่งครุ-บางบอน-จอมทอง โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ และโซนลาดพร้าว-บางกะปิ-วังทองหลาง-บึงกุ่ม-สะพานสูง-คันนายาว

และตามจังหวัดในปริมณฑล ซึ่งเป็นการลดลงในกลุ่มระดับราคา 7.51-10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งพบมากในโซนบางกรวย-บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด และโซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก

ส่วนดัชนี ราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ภาพรวมเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งดัชนีภาพรวมราคาห้องชุดที่อยู่ระหว่างขายในพื้นที่กรุงเทพฯมีการปรับตัวขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

และเพิ่มขึ้น 2.9% โดยห้องชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการปรับตัว 2.9% แต่ในปริมณฑล (สมุทรปราการและนนทบุรี) เริ่มปรับลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการส่งเสริมการขายห้องชุดที่เปิดมาก่อนหน้าและยังเหลือขายอยู่

ส่วน ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล มีค่าดัชนีเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 0.3% โดยกรุงเทพฯเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.0% เป็นเพราะเป็นโครงการราคาสูงที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน

ส่วนปริมณฑลลดลง 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าลดลงร้อยละ เป็นผลมาจากการปรับราคาลงเพื่อการส่งเสริมการตลาด เนื่องจากยังมีอุปทานมากในพื้นที่ปริมณฑล โดยเฉพาะในระดับราคา 3-5 ล้านบาท

“การเปลี่ยนแปลงราคาที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่เป็นการปรับราคาลงจากโครงการประเภทบ้านเดี่ยว ที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่าที่เปิดขายมาก่อนหน้าไตรมาสนี้ และการผลิตส่วนใหญ่ยังเป็นต้นทุนเดิม และพบว่าส่วนมากเป็นโครงการในพื้นที่ปริมณฑล แต่อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจภาคสนามได้พบว่าโครงการบ้านจัดสรรที่เกิดขึ้นใหม่มีการปรับราคาขายสูงขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้นแล้ว” นายวิชัยกล่าว

สำหรับรายการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ 38.7% เป็นของแถมมากที่สุด เช่น ฟรีแอร์ ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า จัดสวน ปูหญ้า แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งมีสัดส่วน 36.2% ถัดมา 38.1% ให้ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 40.4% และ 23.2% เป็นการให้ส่วนลดเงินสด ลดลงจากไตรมาสก่อนซึ่งมีสัดส่วน 23.4%

ส่วนรายการส่งเสริมการขายห้องชุดใหม่ ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้พบว่าส่วนใหญ่ 39.9% เป็นส่วนลดเงินสด ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 42.7% สำหรับรูปแบบการส่งเสริมการขายรองลงมาเป็นการให้ของแถม มีสัดส่วน 35.1% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 32.6% และการให้ส่วนลดฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ มีสัดส่วน 25.0% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 24.7%