ร้อนจัด! ‘เวียดนาม’ เวียนดับไฟทั่วประเทศ หวั่นไฟฟ้าขาดแคลน

เอลนีโญคัมแบ็ก!’เวียดนาม’ หวั่นใช้ไฟสะดุด เริ่มแล้ว เวียนดับไฟทั่วประเทศ บางที่ดับนาน 7 ชั่วโมง

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า การไฟฟ้าเวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม (Vietnam Electricity) ได้แจ้งถึงระดับน้ำในเขื่อน ที่ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ที่ใช้เป็นปัจจัยหลักในการผลิตไฟฟ้า ลดลง 30-40% เมื่อเทียบกับระดับน้ำโดยเฉลี่ยในปี 2565 


เนื่องจากอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นถึง 44 องศาเซลเซียสในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำลายสถิติที่เดิมเมื่อปี 2562 ที่ ‘สำนักพยากรณ์อากาศแห่งชาติ’ เคยบันทึกไว้

ขณะเดียวกัน ได้คาดว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญจะกลับมา ทำให้ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีอุณหภูมิสูงอีก หากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงเป็นวงกว้าง ไม่มีน้ำท่วมหรือระดับน้ำท่วมต่ำ ยิ่งทำให้ระดับน้ำลดต่ำลงอีก สถานการณ์การจ่ายไฟฟ้าอาจประสบปัญหาต่อเนื่อง


การไฟฟ้าเวียดนาม จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมาก อย่างเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องอบผ้า และเตารีด โดยเฉพาะช่วงเที่ยงวันและในช่วงตอนเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง

ขณะเดียวกัน เวียดนามก็เริ่มวางแผนเวียนดับไฟฟ้าทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจในเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ตั้งแต่วันนี้จนถึง 25 พ.ค.66 บางพื้นที่อาจต้องดับไฟนานถึง 7 ชั่วโมง เพื่อรับมือกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากสภาพอากาศร้อนจัด


ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง เนื่องจากราคาถ่านหินค่อนข้างสูง หลายโรงไฟฟ้าไม่เสนอความพร้อมในการผลิตเพื่อจ่ายไฟฟ้า รวมถึงถ่านหินที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียล่าช้าไม่เป็นไปตามแผน ประกอบกับเขื่อนขนาดใหญ่ 13 แห่งของเวียดนามได้เดินเครื่องไปในช่วงที่ก๊าซมีราคาแพง จึงมีปริมาณน้ำอยู่ในระดับวิกฤตทำให้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้นั้น

ด้าน นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยว่า สำหรับประเทศไทย กฟผ. ให้ความมั่นใจได้ว่า ระบบไฟฟ้าของไทยมั่นคง มีเสถียรภาพ สามารถผลิตและส่งไฟฟ้าให้กับประชาชนได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญวิกฤตราคาเชื้อเพลิงมาตั้งแต่ปี 2564 


และปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด จนทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ของปีนี้ทะลุถึง 34,826.5 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แต่ก็ไม่พบปัญหาไฟตกไฟดับแต่อย่างใด เนื่องจากการดูแลระบบผลิตและส่งไฟฟ้าให้มีความทันสมัยและพร้อมใช้งาน บริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในแต่ละช่วงเวลา และเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน


นอกจากนี้ ประเทศไทยยังพยายามลดความเสี่ยงการขาดแคลนเชื้อเพลิงด้วยการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ เพิ่มถ่านหินลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะซึ่งเป็นถ่านหินภายในประเทศที่มีต้นทุนต่ำ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เชื้อเพลิงชีวมวล รวมถึงไฟฟ้าที่นำเข้าจาก สปป.ลาว

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีดัชนีคุณภาพการบริการไฟฟ้าอยู่ในลำดับต้น ๆ ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศอาเซียนหลายเท่าตัว โดยในปี 2565 ค่าดัชนีจำนวนครั้งที่ไฟฟ้าดับ (SAIFI) มีค่าเท่ากับ 0.0904 ครั้งต่อจุดจ่ายไฟ และค่าดัชนีระยะเวลาไฟฟ้าดับ (SAIDI) มีค่าเท่ากับ 0.9041 นาทีต่อจุดจ่ายไฟ 


สะท้อนให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพและคุณภาพของระบบไฟฟ้า รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักลงทุน สร้างโอกาสในการแข่งขันของประเทศในระดับนานาชาติ