‘ศิริกัญญา’ เอะใจ! หรือว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท จะถึงทางตัน?

เงินทองร่อยหรอ! ‘ศิริกัญญา’ เอะใจ หรือว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท จะถึงทางตัน? เหตุแบงก์ออมสิน สภาพคล่องไม่พอ ปล่อยกู้รัฐบาลขัดกฎหมาย

ตามที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายืนยันวานนี้ (23 ต.ค.66) ว่า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ไม่ได้ดึงต้นแบบมาจากประเทศญี่ปุ่น แต่ได้ศึกษาและเปรียบเทียบแบบจำลองการแจกคูปองของประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน

ที่มีต้นแบบในปี 1999 ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน โดยมีการแจกคูปอง เพื่อศึกษาข้อดีและข้อเสียของแบบจำลองดังกล่าว ด้วยบริบทเมื่อปี 1999 และปัจจุบันแตกต่างกัน ขณะเดียวกัน ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นก็แตกต่างกันอยู่ ดังนั้น จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

‘จุลพันธ์’ ยัน โมเดลแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ได้เลียนแบบญี่ปุ่นศิริกัญญา เจอแล้ว! ต้นกำเนิดแจก เงินดิจิทัล 10,000 บาท มาจาก ‘ญี่ปุ่น’

ซึ่งถัดมา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความ Sirikanya Tansakun ระบุว่า

[หรือว่า digital wallet จะถึงทางตัน…?]

ธ.ออมสินที่ยืนหนึ่งเป็นแหล่งที่มาของงบที่จะใช้สำหรับ ดิจิทัล วอลเล็ท 5.6 แสนล้าน อาจจะใช้ไม่ได้เสียแล้ว

ไม่ใช่แค่ว่าออมสินมีสภาพคล่องไม่พอ แต่เป็นเรื่องข้อจำกัดของกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้ออมสินปล่อยกู้ให้รัฐบาลได้

ตามมาตรา 7 ของพรบ.ออมสิน กำหนดวัตถุประสงค์เอาไว้ว่าให้ทำกิจการใดบ้าง ซึ่งก็เหมือนกับธนาคารพาณิชย์ รับฝากเงิน ปล่อยกู้ ซื้อขายพันธบัตร ลงทุน ไม่มีข้อไหนที่ให้รัฐบาลกู้เงินได้ แต่หากจะทำกิจการอื่น ต้องตราเป็นพรฎ.

ซึ่งเมื่อไปดูในพรฎ. กำหนดกิจการพึงเป็นงานธนาคาร ระบุกิจการไว้ 13 ข้อ ลงรายละเอียด ไปจนถึงธุรกิจเงินตราต่างประเทศ การออกบัตรเครดิต ที่ปรึกษาการเงิน แต่ก็ไม่มีข้อไหนเลยที่เข้าข่ายจะตีความว่านำเงินให้รัฐบาลกู้ยืมได้ ถ้าไม่เชื่อลองถามกฤษฎีกาดูก็ได้ค่ะ

ความหวังที่จะใช้เงินออมสินมาเป็นแหล่งเงินของโครงการดิจิทัล วอลเล็ทก็คงต้องจบลงแค่นี้ ยกเว้นแต่ว่าจะมีการแก้กฎหมาย ซึ่งไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียทีเดียว แต่ก็ไม่ควรทำ

สมัยประยุทธ์ทำรัฐประหารใหม่ๆ ก็เคยออกคำสั่งคสช. แก้พรบ.กสทช. ว่าด้วยวัตถุประสงค์ กองทุนวิจัยและพัฒนา ของกสทช. ให้เพิ่มว่ากองทุนสามารถให้กระทรวงการคลังกู้ยืมเงินได้ ซึ่งต่อมากระทรวงการคลังก็มากู้ไปจริงๆ 14,300 ล้านบาท (ที่ตลกก็คือ มีการออกคำสั่งคสช.อีกฉบับเพื่อแก้พรบ.กลับไปเป็นเหมือนเดิม พร้อมยกหนี้หมื่นล้านนี้ให้กระทรวงการคลังด้วย)

เราก็ต้องมาวัดใจกันดูว่าจะถึงขั้นแก้กฎหมายเพื่อให้รัฐสามารถกู้เงินออมสินได้หรือไม่

**ถ้าไม่แก้กฎหมาย เหลือทางเลือกอะไรอยู่บ้าง**

เหลือแค่ใช้เงินงบประมาณ กับออกพรก.กู้เงินเหมือนช่วงโควิด

Update ข้อมูลงบ 67 ที่ปรับปรุงใหม่ ตามภาพที่ 2 ถึงจะขยายงบเป็น 3.48 ล้านล้าน แต่ก็ต้องจ่ายหนี้เพิ่ม ลงทุนเพิ่มตามไปด้วย เมื่อหักรายจ่ายที่ยังไงก็ต้องจ่าย ทั้งเงินเดือนสวัสดิการบุคลากรภาครัฐ งบใช้หนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เงินชดใช้เงินคงคลัง งบท้องถิ่น และสวัสดิการตามกฎหมาย

งบที่เหลือมาจัดสรรใหม่ได้จริงเพิ่มมาเป็น 476,000 ล้าน ก็จริง แต่ขอย้ำว่านี่คือรายจ่ายประจำที่ต้องแชร์กับพรรคร่วมรัฐบาล 20 กระทรวง ถ้าใช้หมดนี่ก็หมายความว่า แต่ละกระทรวงได้เงินแค่พอจ่ายเงินเดือน กับงบลงทุน โครงการอื่นๆ ไม่ต้องทำกันแล้ว จะตั้งกองทุน soft power ก็ไม่ได้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพิ่มงบไม่ได้ งบอุดหนุนบรรเทาภัยแล้งก็ไม่ได้ งบอุดหนุนดับไฟป่าแก้ PM 2.5 ก็ไม่ได้ โครงการฝึกอบรม upskill-reskill อะไรก็ทำไม่ได้ทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงค่าตอบแทนอสม. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ก็หายหมดเช่นเดียวกัน ซึ่งเท่ากับว่าทางเลือกนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เหมือนเดิม

หรือ… จะให้ผู้ประกอบการเก็บเหรียญดิจิทัลไว้ ยังไม่ให้แลกคืน รออีกซักปี 2 ปี ให้มีงบประมาณพอ ก็อาจเป็นอีกทางเลือก แต่ก็เสี่ยงที่จะทำให้ไม่มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ

ทางเลือกสุดท้าย คือออกเป็นพรก.เงินกู้แบบที่ทำช่วงโควิด ก็จะถือเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองชัดๆ ซึ่งก็ทำไม่ได้อีกเพราะไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนตามรธน. น่าคิดนะคะ ว่าอาจจะถึงทางตันจริงๆ

อย่างไรก็ตาม สำหรับวันนี้ (24 ต.ค.66) มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แต่ยังไม่พบข้อมูลว่าจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

จึงต้องลุ้นกันต่อไปว่า การประชุมจะเกิดขึ้นเมื่อไร แล้วจะเริ่มแจกได้ทันตามกำหนดในเดือน ก.พ.67 หรือไม่ หรือจะต้องเลื่อนออกไปเป็นภายในไตรมาส 1/67 แทน

เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีแววเลื่อนแจกจาก ก.พ.67 เป็นไตรมาส 1/67 ดี๊ด๊า! นายกฯเศรษฐา ลั่น เงินดิจิทัล 10,000 บาท เดือน ก.พ.67 ได้แน่