เลิกกลุ้ม! แบงก์ชาติ เปิดวิธีปรับโครงสร้างหนี้ ที่คนเป็นหนี้ต้องรู้

คนเป็นหนี้ต้องรู้!’แบงก์ชาติ’ เปิดวิธีปรับโครงสร้างหนี้ เลี่ยงผิดนัด-ดอกเบี้ยโหด-หนี้เสีย จ่ายได้สบายใจ

เมื่อเกิดเหตุที่ทำให้รายรับลดลง รายจ่ายเพิ่มขึ้น หรือทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน แม้จะลองลดค่าใช้จ่ายแล้ว แต่ก็มีแววว่าจะเริ่มจ่ายหนี้ไม่ไหว จะหาเงินก้อนมาปิดทันทีก็เป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้ สิ่งแรกที่ต้องรีบดำเนินการคือ รีบติดต่อกับสถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นเจ้าหนี้ เพื่อเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่

ก่อสร้าง-อสังหา-ร้านอาหาร ตัวท็อป เจ๊งมากสุดเดือน มี.ค.66

ซึ่ง ‘ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน’ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้อธิบายถึงการปรับโครงสร้างหนี้ คืออะไร โดยระบุว่า

การปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญากู้เงินที่เคยทำไว้กับเจ้าหนี้ได้อีกต่อไปได้  ด้วยการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่ให้เหมาะสมกับรายรับที่ลดลงหรือความสามารถในการชำระหนี้ที่เปลี่ยนไป โดยที่ไม่ต้องรอให้เป็นหนี้เสีย (Non-Performing Loan : NPL) เพราะหากปล่อยปัญหาหนี้ไว้นานเกินไปอาจส่งผลเลวร้ายกว่าที่คิด เช่น ถูกฟ้องร้อง ยึดทรัพย์ และหาทางออกได้ยากยิ่งขึ้น

ก่อนจะเริ่มกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ เราควรเริ่มต้นจากการศึกษาทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้และลองคิดไว้ล่วงหน้าว่าแบบไหนที่เหมาะกับความสามารถในการผ่อนชำระของเรามากที่สุด ตัวอย่างรูปแบบของการปรับโครงสร้างหนี้มีดังนี้

1.ขอขยายเวลาชำระหนี้ หรือการยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไปซึ่งจะทำให้ค่างวดลดลง เช่น สัญญาฉบับเดิมมีระยะเวลาการกู้อยู่ที่ 10 ปี ค่างวดอยู่ที่ 10,000 บาทต่อเดือน ผ่อนชำระมาแล้ว 7 ปี เหลือระยะเวลาผ่อนอยู่ 3 ปี 

แต่เมื่อเริ่มผ่อนไม่ไหว จึงขอเจรจาขยายเวลาชำระหนี้กับเจ้าหนี้ออกไปจาก 3 ปีเป็น 5 ปี เพื่อให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลงต่ำกว่า 10,000 บาท เพื่อลดภาระในการจ่ายค่างวดแต่ละเดือนให้แก่ลูกหนี้ได้ 

2.รีไฟแนนซ์ (refinance) คือ “การเปลี่ยนเจ้าหนี้” หรือการ “ปิดหนี้” จากเจ้าหนี้รายเดิมมาเป็นเจ้าหนี้รายใหม่หรือทำสัญญาใหม่กับเจ้าหนี้เดิมที่เงื่อนไขดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยถูกลง แล้วนำเงินที่ได้มาปิดหนี้ก้อนเดิมที่มีอยู่ 

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ควรคำนึงถึงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ ค่าประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนเจ้าหนี้ การทำสัญญาใหม่ รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้กับเจ้าหนี้

ซึ่ง ปัจจุบัน ธปท. มีโครงการ “คลินิกแก้หนี้” เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน โดยรวมหนี้เสียจากเจ้าหนี้หลายเจ้ามาปรับปรุงโครงสร้างหนี้และเหลือผ่อนชำระกับเจ้าหนี้รายเดียวคือ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางเชื่อมโยงระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ทุกราย โดยสามารถผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 10 ปี ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงมาก ควบคู่กับการให้ความรู้ทางการเงิน  สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.debtclinicbysam.com/

3.ขอลดอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ค่างวดที่เราจ่ายในแต่ละเดือนสามารถนำไปตัดเงินต้นได้มากขึ้น หมดหนี้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ เจ้าหนี้อาจมีเงื่อนไขการพิจารณาอนุมัติปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่แตกต่างกัน เช่น พิจารณาจากอายุของลูกหนี้ ประวัติการผ่อนชำระ และความสามารถในการชำระหนี้หลังปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 

นอกจากที่กล่าวมา การปรับโครงสร้างหนี้หรือเงื่อนไขการชำระหนี้ยังมีอีกหลายรูปแบบ โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่  https://www.bot.or.th/covid19/Pages/content/retail/restructuring/default.aspx

หากไม่รู้ว่าจะเริ่มกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้อย่างไรดี เริ่มจากติดต่อสถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นเจ้าหนี้ของเราเสียก่อน เพื่อสอบถามแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ร่วมกัน จากนั้น ลองศึกษาวิธีการหรือเงื่อนไขในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้รูปแบบต่างๆ จัดเตรียมเอกสาร หรือข้อมูลตามที่กำหนดก่อนเข้าสู่กระบวนการขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ 

ที่สำคัญที่สุดคือ ควรประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของเราให้ดีเสียก่อน และไม่รับเงื่อนไขการชำระหนี้ที่ทำไม่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการผ่อนชำระหนี้ไม่ไหวตามมาอีก 

ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ต้องไม่ลืมตรวจสอบสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้แก่ จำนวนเงินต้น อัตราดอกเบี้ย หรือระยะเวลา ว่าเป็นไปตามที่เจรจาตกลงไว้หรือไม่และในอนาคต หากปรับโครงสร้างหนี้แล้วแต่สถานการณ์ยังแย่ลงอีก ก็สามารถติดต่อเจรจาเจ้าหนี้ได้อีกครั้งเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป

คลิปแนะนำอีจัน
ทนายร้อง ตำรวจทำร้าย ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ?
ร่วมโหวตกับ Poll อีจัน
var d=document,w=”https://tally.so/widgets/embed.js”,v=function(){“undefined”!=typeof Tally?Tally.loadEmbeds():d.querySelectorAll(“iframe[data-tally-src]:not([src])”).forEach((function(e){e.src=e.dataset.tallySrc}))};if(“undefined”!=typeof Tally)v();else if(d.querySelector(‘script[src=”‘+w+'”]’)==null){var s=d.createElement(“script”);s.src=w,s.onload=v,s.onerror=v,d.body.appendChild(s);}