ชาวเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ได้เฮ! เช้ามืด พรุ่งนี้ (27 มิ.ย.66) ลง 30 สต.

อั้นได้ อั้นไว้ก่อน! เช้ามืด พรุ่งนี้ (27 มิ.ย.66) ‘เบนซิน-แก๊สโซฮอล์’ ลง 30 สตางค์/ลิตร ส่วน ‘ดีเซล’ ราคาเดิม

เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (26 มิ.ย.66) ปั๊ม PTT Station ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 30 สตางค์/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 27 มิ.ย.66 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป

โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 42.94, GSH95 = 35.15, E20 = 32.84, GSH91 = 34.88, E85 = 33.29, พรีเมี่ยม GSH95 = 42.64, HSD-B7 = 31.94, HSD-B10 = 31.94, HSD-B20 = 31.94, พรีเมี่ยมดีเซล B7 = 41.06 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

เช่นเดียวกับ ปั๊มบางจาก แจ้งลดราคาน้ำมันเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 30 สตางค์/ลิตร สำหรับกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม มีผล 27 มิ.ย.66 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เช่นกัน

BCP Retail Price : GSH95S EVO 35.15 / GSH91S EVO 34.88 / GSH E20S EVO 32.84 / GSH E85S EVO 33.29 / Hi Premium 97 (GSH95++) 46.34 / Hi Diesel B20S 31.94/ Hi Diesel S 31.94 / Hi Diesel S B7 31.94 / Hi Premium Diesel S B7 41.16 (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่กทม.)

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ฉบับวันที่ 26 มิ.ย.66 ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบได้รับทรงตัว หลังเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง ท่ามกลางอุปทานที่ลดลงจากกลุ่มโอเปก

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (26-30 มิ.ย.66)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่เผชิญความไม่แน่นอนและมีแนวโน้มเติบโตช้าลง แม้ว่ารัฐบาลจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก็ตาม นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดจะส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน

อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลง รวมถึง ปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกที่ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง ตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

• เศรษฐกิจจีนในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้และคาดว่าจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมัน หลังภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับลดคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ลงมาอยู่ที่ราว 5.1-5.7% ลดลงจากเดิมที่ 5.5-6.3% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัทน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของจีน (CNPC)

ที่มีการปรับลดความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้ลงจากเดิมที่ 14.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาเหลือ 14.80 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้มีการออกมาตรการเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนลง 0.1% นับเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน

• ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและคาดว่าจะส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีการเปิดเผยถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสว่า FED มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ปรับลดลงมา โดยตลาดคาดว่า FED จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 5.0-5.25% ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ค.66

• ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเพื่อการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน รวมถึงการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง

โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 16 มิ.ย. ปรับลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากการส่งออกน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น

• จับตาการประชุมสัมมนาของกลุ่มโอเปกในวันที่ 5-6 ก.ค.66 ว่ากลุ่มผู้ผลิตโดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย จะมีการออกมาตรการในการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมหรือไม่ โดยล่าสุดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน พ.ค.66 ปรับลดลง 0.46 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 28.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน

เนื่องจากซาอุฯ และประเทศพันธมิตรมีการปรับลดกำลังการผลิตลงด้วยความสมัครใจเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.66 ที่ราว 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยทั้งนี้ปริมาณการผลิตมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องเนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการไปถึงสิ้นปีหน้า และซาอุดิอาระเบียมีการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่ราว 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ค. 66

• ปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันของอิหร่านปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดกลุ่มประเทศตะวันตกเริ่มกลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านอีกครั้ง ส่งสัญญาณที่ดีถึงการกลับมาเพิ่มขึ้นของอุปทานจากอิหร่านหากสามารถบรรลุข้อตกลงได้

จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์อุปทานจากอิหร่านสามารถเพิ่มขึ้นได้มากถึง 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยล่าสุดปริมาณการผลิตและการส่งออกของอิหร่านในเดือน พ.ค.66 อยู่ที่ราว 3.0 และ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงสุดตั้งแต่ปี 61

• จับตาการเจรจาระหว่างอิรักและตุรกีว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการเปิดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบจากอิรักผ่านท่อ Kirkuk-Ceyhan ซึ่งมีกำลังการขนส่งน้ำมันดิบราว 450,000 บาร์เรลต่อวัน ได้หรือไม่ หลังมีการปิดดำเนินการไปตั้งแต่เดือน มี.ค.66 โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานมีการเข้าพบประประธานาธิบดีตุรกีและอยู่ระหว่างการเจรจาในการเปิดดำเนินการท่อดังกล่าว

• เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ เดือน พ.ค.66 ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/66 ของสหรัฐฯ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและบริการของจีน เดือน มิ.ย.66

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (19-23 มิ.ย.66)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 2.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 69.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 2.76 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 73.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 73.96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงเพราะการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกในเดือน พ.ค.66 ชะลอตัวลง

รวมทั้ง แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีนับตั้งแต่ปี 51

อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงสนับสนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง เนื่องจากแรงกดดันทางเงินเฟ้อที่ลดลง นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เลี้ยวเข้าปั๊มด่วน! เช้ามืด พรุ่งนี้ (20 มิ.ย.66) เบนซิน ขึ้น 50 สต.ชาวเบนซินดี๊ด๊า เช้ามืด พรุ่งนี้ (17 มิ.ย.66) ราคาลง 30 สต./ลิตรชาวเบนซินปลื้ม เช้ามืด พรุ่งนี้ (14 มิ.ย.66) ราคาลง 50 สต./ลิตร