ถามกันมาเยอะ ถึงข้อแตกต่างระหว่าง ‘รีเทนชั่น’ vs ‘รีไฟแนนซ์’ แตกต่างกันอย่างไร ‘อีจัน’ จึงขอหยิบยกตารางเปรียบเทียบของ FINSTREET มาเล่าให้ฟังเพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนค่ะ
โดยในโจทย์เขาอยากลดดอกเบี้ย ซึ่งมียอดหนี้อยู่ 3 ล้านบาท ดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.5% ต่อปีผ่อนเดือนละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากเขาต้องการ ‘รีเทนชั่น’ โดยไปที่ธนาคารเดิม ยื่นบัตรประชาชน สินเชื่อก็จะดูประวัติการผ่อน ประวัติที่ดีคุณสามารถ ‘รีเทนชั่น’ ได้ ธนาคารก็จะดำเนินการให้ ซึ่งบางธนาคารไม่ต้องเตรียมเอกสาร หรือบางธนาคารต้องเตรียมบางเอกสาร และมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1-2% ของยอดกู้ อีกทั้ง เราจะต้องจ่ายค่าประกันอัคคีภัยเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ธนาคารจะอนุมัติเร็วมาก คือไปปุ๊บอนุมัติปั๊บ หรือบางธนาคาร อาจต้องรอสักเล็กน้อย แล้วดอกเบี้ยของคุณจะมีโอกาสเลือกน้อย เพราะเขากำหนดดอกเบี้ยที่ชัดเจนไว้เลยว่า ลูกค้าเก่าพอมา ‘รีเทนชั่น’ ดอกเบี้ยจะอยู่ที่เท่าไร เช่นตัวอย่าง เขาบอกว่า หลัง ‘รีเทนชั่น’ ดอกเบี้ยเหลือประมาณ 5% ต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 6.5% หรือลดลง 140,000 บาท
ส่วนหาก ‘รีไฟแนนซ์’ โดยหลักการง่ายๆ คือ ไปผ่อนกับธนาคารใหม่ โดยที่เราสามารถเลือกดอกเบี้ยได้ว่า ดอกเบี้ยธนาคารไหนถูก ดอกเบี้ยไหนดี มีเงื่อนไขที่ดี เราสามารถเลือกได้ โดยสิ่งที่เราต้องเตรียม ก็คือเอกสารเหมือนเรายื่นกู้ใหม่ เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หลักฐานการประกอบอาชีพ สลิปเงินเดือน สเตตเมนต์ (Statement) ใครค้าขายก็ต้องเก็บหลักฐานการค้าขายมาทั้งหมด เพราะธนาคารจะต้องพิจารณาใหม่ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
ขณะที่ ค่าใช้จ่ายก็จะมีเรื่องของค่าจดจำนอง ค่าประเมิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ เพราะธนาคารจะต้องประเมินทรัพย์สินให้เราใหม่ โดยค่าธรรมเนียม และค่าจดจำนอง อยู่ที่ประมาณ 1% แต่ตอนนี้ให้อยู่ที่ 0.01% ของวงเงินกู้ โดยจะใช้เวลาพิจารณานานหน่อย แต่ดีตรงที่จากตัวอย่าง ‘รีไฟแนนซ์’ ช่วยให้ดอกเบี้ยลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 2.8% ต่อปี หรือประหยัดไป 340,000 บาท
ดังนั้น จะพบว่า การรีไฟแนนซ์จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ว้าวุ่นเลยทีนี้! ‘กนง.’ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2.5% มีผลทันที เข้าใจหัวอกคนเป็นหนี้ ‘ธอส.’ ประกาศตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ถึงสิ้นปี 66ลูกหนี้เงินกู้สุดฟิน แบงก์ออมสิน ประกาศตรึงดอกเบี้ยทุกประเภทนานที่สุด