‘บิ๊กตู่’ โยนคลัง-พลังงาน รับมือเลิกช่วยภาษีดีเซล

ลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร ไม่ไหว ‘บิ๊กตู่’ โยนกระทรวงการคลัง-พลังงาน รับมือเลิกช่วย 21 ก.ค.66 เป็นต้นไป

ตามที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 พ.ค.66 เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 34) พ.ศ. 2566 โดยสาระสำคัญคือ การยกเลิกประกาศการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ตั้งแต่ 21 ก.ค.66 เป็นต้นไป หรือกล่าวคือ ไม่มีการขยายมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.66 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อนุมัติก่อนที่จะมีการยุบสภา

โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ 

ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (1) และ (2) ในประเภททที่ 01.05 น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ตอนที่ 1 สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติ่มโดยกฎกระทรงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2515 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

ขณะที่ นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เผยว่า หากรัฐบาลและกระทรวงพลังงาน ต้องการขยายมาตรการต่อเนื่อง จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเสนอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อไป ซึ่งการพิจารณาลดภาษีน้ำมันดีเซลนั้น ถ้ารอรัฐบาลชุดใหม่คงไม่ทันที่จะต่อมาตรการให้ต่อเนื่อง

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลชุดนี้ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 28 พ.ค.66 ได้ถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แนวโน้มน่าจะลดลงได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่เข้ามาด้วย

“หลายอย่างก็ช่วยฟังด้วย อย่ามัวแต่ฟังเรื่องวุ่นๆ ในประเทศเรา ฟังต่างประเทศเขาบ้าง จะได้รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ไหนและต้องแก้กันอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ด้าน แหล่งข่าวจากสำนักงานกองทุนน้ำเชื้อเพลิง (สกนช.) ของมติชนออนไลน์ เผยว่า เบื้องต้นทาง สกนช.อยู่ระหว่างจัดทำแผนรับมือสถานการณ์ หากท้ายที่สุดกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุลดภาษีดีเซลที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.66 และจะกลับมาเก็บภาษีเท่าเดิมตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.66

โดยจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าอุดหนุนแทนส่วนต่างภาษีที่หายไปในอัตรา 5 บาทต่อลิตร เพราะหากไม่ดำเนินการใดจะทำราคาดีเซลเพิ่มขึ้นสูงระดับ 37 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาระดับราคาไม่ให้กระทบประชาชนผู้ใช้น้ำมันและภาคขนส่งที่จะมีผลต่อราคาสินค้าปลายทาง

ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลอยู่ที่ 5.43 บาทต่อลิตร ณ วันที่ 25 พ.ค.66 ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังผ่อนคลาย ไม่ผันผวนรุนแรง เบื้องต้น อาจเก็บเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยระดับกว่า 6 บาทต่อลิตร เพื่อนำ 5 บาทต่อลิตรทดแทนส่วนลดภาษีที่หายไป หรือให้ประชาชน เพื่อคงราคาขายไว้ระดับ 32 บาทต่อลิตรหรือเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลิตร และเก็บเงินกว่า 1 บาทต่อลิตรเข้ากองทุนน้ำมันแทน

ทั้งนี้ เชื่อว่าระดับนี้จะเพียงพอกับหนี้กองทุนน้ำมัน ซึ่งล่าสุดวันที่ 21 พ.ค.66 บัญชีน้ำมันติดลบ 26,111 ล้านบาท ขณะที่หนี้บัญชีแอลพีจีอยู่ที่ 46,620 ล้านบาท ส่งผลให้หนี้กองทุนน้ำมันรวมอยู่ที่ 72,731 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์โลกเปลี่ยน ผันผวน ก็ต้องพิจารณาแนวทางอื่นร่วมด้วย