เกษตรกร จ.นครราชสีมา หลายคนเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชกันใหม่ จากการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว ด้วยการ ปลูกมันสำปะหลัง และอ้อย หันไปปลูก กะหล่ำปลี กันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่มีผู้ทดลองปลูกแล้วได้ผลดี และยังมีตลาดรับซื้อรองรับ ทำให้ เกษตรกร ไม่ต้องแบกรับภาระค่าขนส่งที่สูงมากนัก
ซึ่งจันลั่นทุ่งได้สอบถาม นางพวงเพ็ญ ชโลมกลาง หนึ่งในเกษตรกรบ้านใหม่สมบูรณ์ ได้บอกว่า ตนเองมีพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 4 ไร่ ก่อนหน้านี้ ก็ปลูก มันสำปะหลัง เป็นประจำทุกปี คุ้มทุนบ้างขาดทุนบ้าง เพราะราคามันสำปะหลังผันผวน แต่พอมาช่วงหลัง จึงเริ่มที่จะหาพืชอายุสั้นมาปลูกทดแทน เพาะเก็บเกี่ยวได้เร็วได้เงินไว อีกทั้งยังมีตลาดรับซื้ออยู่ใกล้บ้าน ไม่ต้องลงทุนค่าขนส่งมากนักอีกด้วย
จากนั้น ตนจึงได้หันไป ปลูกกะหล่ำปลี ขาย เพราะใช้ระยะเวลาในการเพาะปลูกเพียง 60 วันเท่านั้น ราคาก็เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งตอนนี้ กะหล่ำปลี ขายส่งอยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 8 – 10 บาท และหากช่วงไหนราคาดี ก็จะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 15 บาทเลยทีเดียว โดยเมื่อช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตนเองปลูกกะหล่ำปลี 3 ไร่ สร้างรายได้มากกว่า 3 แสนบาท
ทั้งนี้ พืชอายุสั้นจึงเป็นที่สนใจ และกำลังเป็นที่นิยมของ เกษตรกร ในพื้นที่อย่างมาก โดยเฉพาะ กะหล่ำปลี ที่ตอนนี้ เกษตรกร กำลังเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกต่อเนื่อง เพราะเป็นพืชที่ลงทุนไม่สูงมากนัก โดยต้นทุนในการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณไร่ละ 7 – 8 พันบาท ในขณะที่รายได้จากการ ปลูกกะหล่ำปลี สูงมากกว่า 1 แสนบาทต่อไร่ ทำให้ขณะนี้มีเกษตรกรในหมู่บ้านหันไป ปลูกกะหล่ำ กันแล้วมาก 10 ราย มีพื้นที่เพาะปลูกมากกว่า 30 ไร่
