
สถานการณ์ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถิติกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าจำนวนผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 ก.ย.2566 มีผู้ป่วยสะสม 216,600 คน และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 7 คน โดยจังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ระยอง ภูเก็ต พัทลุง กรุงเทพมหานคร อุบลราชธานี ยโสธร เชียงใหม่ ลำพูน ตราด และชุมพร ตามลำดับ
โรคไข้หวัดใหญ่ มักระบาดในฤดูฝน ช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค. และฤดูหนาว ช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งโรคที่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) โดยไข้หวัดใหญ่ที่แพร่กระจายในคนมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธ์ A, B และ C
แต่สายพันธุ์ที่ระบาดทั่วไปคือ สายพันธุ์ A และ B ซึ่งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A พบบ่อย คือ H1N1, H3N2 ส่วนไข้หวัดสายพันธุ์ B พบบ่อย คือ สายพันธุ์ Victoria, Yamagata ส่วนสายพันธุ์ C ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ จึงทำให้ไม่เกิดการระบาด
อาการไข้หวัดใหญ่
- มีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป
- มีอาการปวดศีรษะ และปวดตามร่างกาย
- มีอาการหนาวสั่น และอ่อนเพลีย
- มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล
- มีอาการไอแห้ง และเจ็บคอ
ทั้งนี้ ไข้หวัดใหญ่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน บางคนอาจมีอาการระบบทางเดินหายใจผิดปกติ ได้แก่ หลอดลมอักเสบ รวมถึงหูชั้นกลางอักเสบ และไซนัสอักเสบ นอกจากนี้ยังพบอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะเป็นอย่างมาก ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ยากและมีอาการรุนแรงคือ โรคปอดอักเสบหรือปอดบวม โดยเฉพาะในผู้ป่วยเป็นโรคปอดหรือถุงลมโป่งพองจะยิ่งทำให้อาการทวีความรุนแรงมากขึ้น
ไข้หวัดใหญ่จะติดต่อทางการหายใจ ซึ่งจะได้รับเชื้อที่ปะปนอยู่ในอากาศเมื่อมีผู้ไอหรือจาม การแพร่ระบาดเกิดขึ้นได้ง่ายเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด เช่น โรงเรียน หรือโรงงาน ทั้งนี้ยังสามารถแพร่เชื้อได้จากการสัมผัสฝอยละอองในอากาศ เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ ของผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ รวมถึงการใช้มือสัมผัสไปที่พื้นผิวที่มีเชื้อไข้หวัดใหญ่ แล้วนำมาสัมผัสที่จมูกและปากเช่นกัน ขณะที่ระยะการฟักตัวของโรคอยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน โดยผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีอาการ และสามารถแพร่เชื้อไปได้อีก 3-5 วัน ส่วนการแพร่เชื้อในเด็กสามารถแพร่เชื้อได้ยาวนานถึง 7 วัน
ดังนั้นอาชีพที่เสี่ยงจะติดไข้หวัดใหญ่ มักจะเป็นอาชีพที่ต้องพบปะกับผู้คนเป็นจำนวนมาก และอยู่ในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น
• แพทย์
• พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดที่คนหนาแน่น
• คุณครู อาจารย์
• เซลล์ พนักงานขายของ
• นักประชาสัมพันธ์
• ดารา นักแสดง ฯลฯ
นอกจากอาชีพที่จันยกตัวอย่างมา ยังมีกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ดังนี้
• เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี
• ผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
• ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม
• ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ในระยะที่ 2 หรือ 3 หรือผู้หญิงหลังคลอด 2 สัปดาห์
• ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีโรคประจำตัว หรือมีโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต และโรคเบาหวาน
วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่
• ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
• หลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
• หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสตา จมูกและปาก
• หากพบว่าตนเองป่วยควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อไปในที่สาธารณะ
• ล้างมือด้วยสบู่เป็นประจำ
แม้ว่าเราจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงแต่ถ้าดูแลรักษาร่างกายให้ดี ทำตามแพทย์แนะนำ ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้นะคะ