ไดอารี่ เรื่องเล่าเร้าพลัง ช่วงชีวิตที่โหดร้าย “ส้ม” ผ่านมาได้อย่างไร

ไดอารี่ เรื่องเล่าเร้าพลัง ชีวิตไม่สิ้นหวัง สู้ด้วยพลังแห่งความดี เปิดช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ของ เจ้าสาวเสียโฉม ที่ใช้ความดีก้าวข้ามความเจ็บปวด

ลูกเพจทุกคนคะ จันได้มีโอกาสไปเจอเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งมาค่ะ ซึ่งเรื่องเล่านี้ มันเปลี่ยนชีวิตและเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตของจันไปอย่างสิ้นเชิง เรื่องร้ายๆของใครหลายๆคน อาจจะกำลังทำร้ายจิตใจ ให้เราไม่อยากจะเผชิญหน้ากับมัน แต่จันอยากให้ทุกคนลองอ่านเรื่องนี้ดูค่ะ จันเชื่อว่ามันจะช่วยให้ทุกคนเปลี่ยนมุมมองบางอย่างไปได้ เรื่องราวจาก ส้ม เจ้าสาวเสียโฉม

เรื่องนี้ถูกเล่าโดยเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อของเธอคือ “ส้ม” ส้มอายุ 13 ปี เป็นเด็กมัธยม 3 ที่กำลังมีความสุข กับวันเปิดภาคเรียน 11 ต.ค. 51 แต่แล้วสิ่งที่โหดร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นกับเธอ หลังจากที่เพื่อนของส้ม 2 คน ขี่จักรยานยนต์มารับส้ม เพื่อไปเก็บข้อมูลทำโครงงาน ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ จังหวัดชัยนาท ทุกอย่างเป็นปกติ ส้มและเพื่อนเก็บข้อมูลเพื่อทำโครงงานกันไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าพอแล้ว ก็ตัดสินใจกลับกัน พอถึงขากลับ ฝันร้ายที่ไม่มีวันลืมก็เกิดขึ้น ส้มและเพื่อนจอดติดไปแดงอยู่ที่สี่แยก

จู่ๆสิ่งรอบตัวก็มืดไป เมื่อลืมตาขึ้นมาได้ ก็รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล มีคุณครูและแม่ ยืนอยู่รอบเตียง ณ นาทีนั้น ส้มไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง แต่หลังจากส้มตื่นขึ้น แม่ก็ค่อยๆใช้เวลา เพื่อจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับส้ม ทีละเล็ก ทีละน้อย จนส้มได้รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด และได้รับรู้ว่า เธอได้สูญเสียขาหนึ่งข้าง และมืออีกหนึ่งข้างไป เพราะตัวเธอนั้น ถูกรถบรรทุกสิบล้อที่ฝ่าไฟแดงมาชน ลากไปพร้อมกับรถจักรยานยนต์ พร้อมกับไฟที่ลุกไหม้ทั่วตัว เพื่อนของเธอที่เป็นคนขับ บาดเจ็บหนักมาก เคราะห์ยังดีที่ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ เพื่อนที่รักที่สุดของส้ม จบชีวิตลงในที่เกิดเหตุ

หลังจากรับรู้เรื่องราวแล้ว ทุกครั้งที่ส้มลืมตา ส้มก็จะร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ทั้งความรู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิด ทั้งความเสียใจที่เพื่อนของเธอจากไป และที่สุดของคราบน้ำตา นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง ส้มนอนโรงพยาบาล 4 เดือน ต้องเข้าผ่าตัดทั้งสิ้น 11 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมันเจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ร่างกายของเธอเปลี่ยนไป ต้องตัดขา ตัดนิ้วมือ ตัดหู เสียโฉม ต้องใส่วิกตลอดชีวิต

ส้มต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ประหนึ่งว่าตายทั้งเป็น คิดเพียงแค่ว่า “อยากจะตาย” ด้วยความสงสัยว่าตัวเองเคยทำกรรมอะไรไว้ในชาติก่อน แต่ทุกครั้งที่เห็นภาพแม่ซึ่งอยู่เฝ้าที่ขอบเตียงทุก ๆ วัน ต้องร้องไห้ทุกครั้งเพราะความคิดอยากจะตายของเธอ ทำให้ส้มได้ฉุกคิดขึ้นมาว่า แม่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาดูแลส้ม ต้องหยุดรับจ้าง ไม่มีรายได้ ยอมกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อแลกกับการมีชีวิตอยู่ของส้ม ส้มจึงเลือกที่จะกลับมาต่อสู้ และเผชิญกับสิ่งที่ต้องเจอ

เมื่อส้มมีความคิดที่จะต่อสู้ต่อไปแล้ว ก็เริ่มเรียนรู้การใช้หลักธรรม ทำสมาธิ แผ่เมตตาในการบำบัดความเจ็บปวดของบาดแผลทั่วร่างกาย จนส้มสามารถที่จะกลับมาเรียนร่วมกับเพื่อนๆได้อย่างปกติ แม้ว่าร่างกายของส้มจะมีขาเทียม มือเทียม และวิกผมปลอม ที่ปิดบังส่วนศีรษะที่ถูกไฟคลอกจนผมไม่ขึ้น สภาพร่างกายของส้มกลายเป็นคนพิการ แต่พลังใจจากคนรอบข้างทั้งแม่ พ่อเลี้ยง คุณครู รวมทั้งเพื่อนๆที่ให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้าน ทั้งด้านทุนทรัพย์ การสอนพิเศษให้ และอื่นๆอีกมากมาย ที่ส้มจะจำไปชั่วชีวิต ในความโชคร้ายของส้ม ก็ยังมีแสงเทียนเล็กๆให้ได้เห็น แสงเล็กๆนั้นมาจากน้ำใจของเพื่อน ความเมตตาของแม่และครู ที่มาในรูปของกำลังใจ ทำให้ส้มมีพลังใจเต็มเปี่ยมที่จะสู้ชีวิต ด้วยหนึ่งมือและหนึ่งขาที่เหลืออยู่

คุณครูบอกกับส้มเสมอว่า กำลังใจ ความรัก ความเมตตา และความช่วยเหลือทั้งหมดที่ส้มได้รับ ล้วนแล้วแต่มาจากความดีที่ส้มได้เคยทำไว้ ทุกครั้งที่มีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม กิจกรรมวิชาการ กิจกรรมทางพุทธศาสนา หลายต่อหลายกิจกรรม ส้มก็เต็มใจเข้าร่วมและให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนทุก ๆ ครั้ง สิ่งเหล่านั้นก็หวนกลับมาสู่ส้ม ในรูปของกำลังใจจากทุกๆคน ในวันนี้ส้มอยากจะบอกว่า ส้มมีความสุขมาก แม้จะมีปัญหาทางร่างกายเกิดขึ้น ทำให้ส้มเป็นคนพิการ แต่จิตใจของส้มไม่พิการตามไปด้วย ส้มมุ่งมั่นตั้งใจเรียน เป็นคนดี ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ไม่ท้อแท้ ตั้งใจสู้ชีวิตเพื่ออนาคต จะดูแลตัวเอง แม่ พ่อ น้อง และจะไม่เป็นภาระของสังคมให้จงได้

เรื่องนี้ถูกบันทึกไว้ในไดอารี่ ชื่อ “เรื่องเล่าเร้าพลัง ชีวิตไม่สิ้นหวัง สู้ด้วยพลังแห่งความดี” เขียนโดยเด็กหญิง อรธีรา รสหอม หรือ ส้ม เจ้าสาวเสียโฉม ซึ่งในขณะที่เขียนนั้น เธอเรียนอยู่ระดับชั้น ม.3 ที่โรงเรียนศรีวิชัย จังหวัดชัยนาท เป็นหนึ่งเรื่องที่จันเชื่อว่า จะสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คน แม้แต่คนที่พิการ สูญเสียทั้งชิ้นส่วนร่างกายและชิ้นส่วนของจิตใจ ก็ยังสามารถลุกขึ้นสู้ และกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ โลกนี้คงไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่ทุกคนจะก้าวข้ามไปได้หรอกค่ะ จันเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ ความพยายามนะคะ และขอให้ทุกคน ร่วมกันสดุดีกับความรักที่เกิดขึ้น ของส้มและเจมส์ ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวของเราไปด้วยกันนะคะ

เปิดใจ เจ้าสาวเสียโฉม สู้คดี 7 ปี รถสิบล้อพุ่งชน เผาเธอทั้งเป็น
คลิปอีจันแนะนำ
เส้นทางชีวิต “ส้ม” เจ้าสาวเสียโฉม EP.1 อุบัติเหตุ