กานต์ วิภากร เผยสาเหตุตัดสินใจฟ้องลูก

กานต์ วิภากร ตัดสินใจฟ้องลูก เพราะต้องการเจอหน้า บอกยินดีให้อภัย แค่ลูกกลับมาเป็นคนเดิม

จากกรณีที่ภรรยาร็อกเกอร์ชื่อดัง เสก โลโซ อย่าง กานต์ วิภากร ได้ออกมาโพสต์​อินสตาแกรม​พร้อมเผยว่า ได้ทำการ​ฟ้องลูกๆ ทั้งสองคน งานนี้ทางทีมข่าวอีจันบันเทิงจึงได้รีบติดต่อไปสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าสาเหตุในการฟ้องร้องครั้งนี้เกิดจากอะไร ซึ่ง กานต์ ได้เผยถึงสาเหตุที่ตัดสินใจฟ้องลูกๆ ว่า “จริงๆ เพิ่งคิดได้ประมาณอาทิตย์กว่าแล้วก็ตัดสินใจฟ้องเลย เพราะว่าอันดับแรกที่คิดจะฟ้องคือแค่ต้องการเจอลูก แค่อยากเห็นลูก เพราะติดต่อเขาไปอย่างไรก็ไม่ได้ เขาบล็อกพี่ทุกทาง พี่เสกติดต่อไปขอเจอแค่พ่อลูก เขาก็ไม่ยอมมาเจอ พี่ไม่เข้าใจว่าขนาดพ่ออยากเจอ ไม่เกี่ยวกับแม่ ก็ไม่อยากเจอพ่อ หายไปเลย เข้าเดือนที่ 4 แล้วไม่คิดถึงพ่อ ไม่คิดถึงแม่ไม่เป็นไร แม่มีประเด็นกันอยู่ แต่ว่าไม่คิดถึงพ่อเลยมันเป็นไปได้อย่างไร เด็กเกเรดื้อขนาดไหน 3 เดือนกว่าอย่างไรก็ต้องคิดถึงพ่อคิดถึงแม่หรือเปล่า ที่ตัดสินใจคือต้องการเจอแค่นั้นเอง เพื่อที่จะให้ศาลเรียกมาไกล่เกลี่ย มาเคลียร์ มาคุยกันว่ามันเป็นอย่างไร ทำไมถึงต้องทิ้งพ่อทิ้งแม่ทิ้งน้องแบบนี้ แล้วก็แบบจะได้ปรับความเข้าใจว่า ไหนมีอะไรก็พูดมา”

“ไหนคุณไปร้องศาล ไม่เห็นมีอะไรเลย หมายอะไรก็ไม่มี แล้วก็ที่บอกอยากให้รักษาสุขภาพจิต พี่โทรไปหาโรงพยาบาลไปเช็กว่าพี่ขอไปตรวจสุขภาพจิต เขาไม่รับสักโรงพยาบาลนะ ซึ่งพี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ทนายอาจจะหาว่าพี่แบบว่าหลบเลี่ยง แต่คือมันเป็นแบบนี้จริงๆ แต่ถ้าเขาอยากให้พี่ไปตรวจจริงๆ ถ้าพี่เป็นเกี่ยวกับสุขภาพจิตจริง ทำไมเขาไม่ประสานโรงพยาบาลเองล่ะ เขามีสิทธิในตัวพี่อยู่แล้ว เขาเป็นลูก พี่ก็ยอมไปอยู่แล้ว ขนาดเขาไม่ติดต่อ พี่ยังติดต่อเองเลย พี่ย้ำนะว่าแค่อยากเคลียร์ เคลียร์ที่ว่าทิ้งพ่อทิ้งแม่ได้อย่างไร ทิ้งพ่อทิ้งแม่ตอนที่เดือดร้อน พ่อมีคดีใหญ่โตขนาดนั้น ไม่คิดที่จะมาดูแล แม่แขนเจ็บขนาดนี้ เป็นข่าวไปทั่วประเทศ ไม่แม้จะทักหาพ่อ มันผิดปกติของคนเป็นลูก มันต้องถามสารทุกข์สุกดิบบ้าง ทำไมถึงแบบไม่สนใจอะไรพ่อแม่เลย พี่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขนาดนั้น ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีโอกาสเจอกันเลย พี่โมโหมากที่เขาปฏิเสธการเจอพ่อ แต่เขาก็มีการตอบไลน์ หรือได้พูดคุยกันบ้างกับพี่เสก แต่กับพี่เขาบล็อกหมดทุกช่องทางเลย ซึ่งพี่ไม่แน่ใจว่าเสือบล็อกหรือใครบล็อกกันแน่ ฝากถามหน่อย”

ต่อข้อคำถามที่ว่าพอมีหมายศาลไป ทางลูกๆ ได้มีติดต่อกลับมาบ้างไหม กานต์ เผยว่า “มันจะติดต่ออะไร ตำรวจโทรไปมันยังบอกว่าขอปรึกษาคนก่อน ปรึกษาใครล่ะ ไปคิดเอาเอง”

ทางด้านแฟนน้องเสือได้ติดต่อมาบ้างไหม “เขาก็หายไปพร้อมกันไง นั่นก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวพี่นะน่ะ รู้ไหมว่าพี่รักเขาจะตาย หยอกเล่นกับเขาตลอดเวลาเขามา ทะเลาะกับเสือ ขนเสื้อผ้าหนีไป พี่ก็เป็นคนโทรไปตาม เขาก็สนิทกับพี่ แล้วก็รักกันดี”

จากที่ฟ้องลูกทั้งสองคนไป ยังมีฟ้องใครอีกหรือไม่ กานต์ กล่าวว่า “ก็คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด น้องสองคน แล้วก็ลูกสะใภ้พี่ แล้วก็อาเขา แล้วก็มีอีกบางส่วนเล็กน้อย และก็ยังมีแก๊งลูกพี่ ที่ผ่านมา 4 เดือนที่พี่ไม่ทำอะไร เพราะพี่รอให้เขาคิดถึงพี่กับพี่เสก กับน้องลอนดอน ให้เขากลับมาเยี่ยมเอง พี่แขนยังไม่หายเลย พี่เสกจะพาไปหาหมอ พี่ก็บอกว่าไม่ แค่ลูกมาเยี่ยมพี่ก็หายแล้ว ทุกคนที่เขาก่อเรื่องขึ้นมา คือเขาทำความรุนแรงในครอบครัวนะ พี่กับพี่เสกเป็นผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวนะ ทั้งทางด้านจิตใจ และทุกอย่าง แล้วก็ความเครียดสะสม และพี่ก็ซึมเศร้ามาก ถึงขั้น 2 วันที่ผ่านมา พี่ไม่เคยคิด ตั้งแต่เกิดมาผิดหวังอะไร มีเรื่องหนักอะไร ไม่เคยคิดอยากฆ่าตัวตาย พี่ก็มาอยากฆ่าตัวตายเมื่อวานซืน แล้วพี่ก็อยากตายจริงๆ พี่ยกมือไหว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ขอให้ลูกอย่าบาปนะ ลูกไม่อยากฆ่าตัวตายนะ แต่ว่าลูกไม่อยากอยู่ที่นี่ อยากย้ายไปอยู่ที่อื่น อะไรอย่างนี้ ตอนนั้นที่เขาบอกให้แม่ไปตรวจจิตเวช ตอนนี้เราก็อยู่เฉยๆ ใช่ไหม ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่ตอนนี้เป็นแล้ว ซึมเศร้า บอกเขามารับหน่อย ซึมเศร้าหนักด้วย เพราะว่าเขาทำ”

ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจฟ้องร้อง ได้มีการปรึกษากับพี่เสกไหม กานต์เล่าว่า “พี่บอกทุกอย่าง บอกหมดเลย ว่าพี่ต้องทำอย่างนี้ เพราะเธอไม่ไปเอาลูกกลับมา กานต์ก็ต้องให้ศาลเรียกให้มาเจอกัน ก่อนที่ลูกจะพังไปมากกว่านี้ เธอไม่จัดการอะไรเลย เธอเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นผู้ชายไม่เข้มแข็ง เธอทำไม่ได้ กานต์ ก็ต้องให้ศาลเรียกลูกมาเจอหน้ากานต์ เพราะกานต์ไม่ได้เจอหน้าลูกมา 3 เดือนกว่า มันไม่ได้ กานต์คิดถึง ซึ่งพี่เสกเขาก็โอเค เพราะว่าความตั้งใจของพี่จริงๆ คือต้องการคุยกับลูก ต้องการเจอ คิดถึงลูก อยากจะกอดลูก ถ้าเขายังเกลียดพี่อยู่ก็ช่างเขา ไม่เป็นไร ขอให้พี่ได้เจอหน้าก็ยังดี หรือว่าได้คุย อย่างน้อยมีคนกลาง ไหนเขาบอกว่าอยากคุยแบบมีคนกลางไง ก็นี่ไงให้ศาลเรียก

ที่เดินทางไปสถานีตำรวจคือ ไปจัดการเรื่องคดีอันเดิมหรือว่าไปฟ้องใครเพิ่มหรือเปล่า กานต์ ยอมรับว่า “เพิ่มค่ะ มีเพิ่ม แต่ว่าขอยังไม่บอก (กับความคืบหน้าเรื่องคดีที่ฟ้องลูกๆ ไปถึงไหนแล้ว จะมีการนัดไก่เกลียเมื่อไร) วันที่ 6 มิถุนายน ที่ศาลเยาวชนครอบครัวมีนบุรี และวันที่ 4 มิถุนายน ฟ้องอาของดรีม เป็นการนัดไต่สวนมูลฟ้อง”

การตัดสินใจฟ้องในครั้งนี้กลัวหรือเปล่าว่าจะเป็นการสร้างรอยร้าวเพิ่มขึ้นไปอีก “ไม่เป็นไรค่ะเพราะว่าตอนนี้เขาก็เป็นคนอื่นอยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้คิดถึง ไม่ได้รัก และเขาก็ไม่เคยห่วงพี่กับพร่เสกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่างไรมันก็ร้าวอยู่แล้ว อย่างไรมันก็ร้าวเท่าเดิมนั่นแหละ และอีกอย่างหนึ่งก็คืออาจจะดีขึ้น มันไม่มีการร้าวไปกว่านี้หรอก และถ้าเขาจะกลับมาหาก็ขอให้เขาเป็นลูกคนเดิม ไม่ใช่คนที่เป็นปัจจุบันที่นิสัยก็ไม่ใช่คนที่พี่เคยเลี้ยง คนที่พี่เคยชิดใกล้ แล้วก็ทุกอย่างมันไม่ใช่คนเดิม มันไม่เหมือนเป็นลูกพี่ นิสัยจากหน้ามือเป็นหลังเท้า มันไม่ใช่ เพราะคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้ แต่มันค่อยๆ เปลี่ยนไง มันจะไม่เป็นแบบนี้ ก็ถ้าเป็นคนแบบนี้พี่ก็ไม่เอา แต่ถ้าเขากลับมาแล้วเป็นคนเดิมพี่ก็โอเค”

สุดท้ายอยากให้พูดฝากถึงลูกๆ ทั้งสองคน งานนี้ กานต์ ได้กล่าวว่า “อยากให้น้องเสือกับน้องกวางคนเก่านะคะ ให้เขาดึงสติตัวเองกลับมา แล้วก็ให้คิดทบทวนอะไรในอดีตตั้งแต่เขาเกิดมา ถ้าคิดได้ก็ลองย้อนอดีต เสียเวลานิดหนึ่ง นึกถึงพ่อกับแม่ความสัมพันธ์ที่เคยมีกันมาว่ามันเป็นอย่างไร และลูกจะบอกเลยว่าลูกโกรธเกลียดแม่ที่ทำแบบนั้นกับลูก แค่นั่นน่ะเดือนหนึ่งมันก็ซาแล้ว แต่นี่หนักขึ้นๆ ลูกต้องการอะไร อยากรู้แค่นี้ ถ้าไม่รัก ไม่ห่วง ไม่สนใจ หรือว่าเกลียดพ่อเกลียดแม่ ก็ถือว่าไม่ใช่คนเดิมแล้ว แม่ก็จะดำเนินคดีไปทุกเรื่องตามที่ลูกได้ก่อเอาไว้ แต่ถ้าเกิดว่าลูกคิดได้ คิดถึงแม่ขึ้นมาเมื่อไร แม่คิดเสมอว่าถ้าแม่นอนอยู่ แค่ลูกกลับมา ไม่ต้องมาขอโทษแม่ ไม่ต้องมากราบอะไรทั้งนั้น มาพูดคำว่า แม่ แล้วแม่ก็ลืมตามาเห็นหน้าลูกเท่านี้ แม่ก็กอดลูก หอมลูก แม่ก็ดีใจแล้ว และแม่ก็จะไม่พูดเรื่องเก่าอะไรอีก แม่ก็มีความสุขแล้ว แม่ก็จะไม่คิดอะไรเลย แล้วก็ไม่มีอะไรที่ค้างคาในใจแม่ทั้งนั้น เพราะแม่ไม่เคยมีอคติกับใครอยู่แล้ว ถ้าแม่โอเคแล้วคือโอเค ถ้าแม่ยังไม่โอเคก็พูดเลยว่าไม่โอเค แต่นี่แม่เฝ้ารอวันที่ลูกจะแอบเข้ามาเปิดประตูแล้วก็เซอร์ไพรส์ แค่เห็นหน้าแล้วก็ยิ้มให้แม่ เรียกแม่คำเดียวแค่นี้แม่ก็มีความสุข ก็เป็นเหมือนเดิมแล้ว