ครอบครัว ไฮโซแบงค์ เข้าพบตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อเหตุฆ่าตัวตาย

พ่อและน้องสาว พร้อมทนาย เข้าพบ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เพื่อเร่งรัดผลสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของ ไฮโซแบงค์ กัลยรัตน์ หลังพบว่าผ่านมากว่า 80 วัน แต่คดียังไม่คืบหน้า พร้อมบอกยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

จากกรณีการเสียชีวิตของนักธุรกิจด้านความงามชื่อดัง ไฮโซแบงค์ กัลยรัตน์ เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา โดยสภาพศพมีร่องรอยถูกของมีคมบาดที่ลำคอ และที่แขน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ทางครอบครัวของ ไฮโซแบงค์ ยังไม่ปักใจเชื่อ และยังคงข้องใจในสาเหตุการเสียชีวิต ที่สำคัญทางครอบครัวก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเพื่อเข้าให้ปากคำใดๆ ซึ่งปัจจุบัน ไฮโซแบงค์ เสียชีวิตมาเป็นเวลากว่า 80 วันแล้ว

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (23 พ.ย.2564) นายไตรรัตน์ ณ พัทลุง และ นางสาวกิรัติมา ณ พัทลุง คุณพ่อและน้องสาว ไฮโซแบงค์ พร้อมด้วย นายเกรียงศักดิ์ อิ่มสมบูรณ์ ทนายความ ได้เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าการเสียชีวิตของ ไฮโซแบงค์ โดยนางสาวกิรัติมา ระบุก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า

“ที่ต้องเดินทางมาในวันนี้เพราะเหตุเกิดผ่านมานานกว่า 80 วันแล้ว แต่ทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ไม่มีการแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินคดีใดๆ กับทางครอบครัว ทั้งยังไม่เคยมีการเรียกสอบครอบครัวของผู้ตาย มีเพียงการเรียกสอบ สามี และแม่บ้าน ที่อยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุเท่านั้น ส่วนพ่อแม่และน้องสาว ไม่เคยถูกเรียกสอบแต่อย่างใด”

“เรื่องการฆ่าตัวตายทางครอบครัวไม่เชื่อว่าพี่สาวจะเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าตัวตาย เพราะพี่สาวเป็นนักสู้ เป็นคนเข้มแข็ง มองโลกในแง่บวก ไม่มีปัญหาหนี้สิน ธุรกิจที่ทำอยู่ก็ไม่มีปัญหา และแม้ว่าพี่สาวจะมีอาการป่วยหนักที่ต้องรักษาตัวแต่ก็อยู่ในขั้นตอนการรักษาด้วยเคมีบำบัด (คีโม) ใกล้ครบขั้นตอนการรักษาแล้ว ซึ่งตัวพี่สาวเองก็ไม่ได้มีสัญญาณบ่งชี้ใดๆ ว่าจะมีการก่อเหตุฆ่าตัวตาย ประกอบกับทางครอบครัวมีประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับเวลาการตายที่ระบุในเอกสารใบมรณะบัตร ที่มีการลงเวลาไว้ 20.45 น. ทั้งๆ ที่ทางครอบครัวทราบเรื่องจากทางบ้านพี่สาวว่ามีการพบศพพี่สาวเสียชีวิตในห้องน้ำประมาณ 19.30 น. จึงเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คลาดเคลื่อน และอีกประเด็นคือเรื่องของอาวุธที่ใช้ตอนแรกมี การระบุว่า มีการใช้อาวุธมีดทำครัวในการก่อเหตุ แต่ภายหลังมีการระบุว่าใช้คัตเตอร์ ซึ่งในวันนี้ได้นำเอกสารหลักฐานใบรับรองการตายที่มีการระบุว่าพี่สาวเสียชีวิตจากการสำลักเลือดจากบาดแผลถูกของมีคมบริเวณลำคอมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน”

ภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวน นายเกรียงศักดิ์ อิ่มสมบูรณ์ ทนายความ ระบุว่า “ภายหลังจะเข้าพบพนักงานสอบสวนทราบว่าขณะนี้ในส่วนของเรื่องสำนวนยังต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานที่ทางตำรวจส่งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผล โดยตามขั้นตอนปกติจะมีการแจ้งผลภายใน 60 วันหลังจากส่งตรวจพิสูจน์ แต่สามารถยื่นขอเลื่อนการส่งผลได้รอบละ 30 วัน จึงเป็นเหตุให้ทางตำรวจยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตได้ โดยภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนทางครอบครัวได้ทราบความคืบหน้าบ้างเล็กน้อยก็มีความสบายใจมากขึ้น และต่อจากนี้ทราบว่าจะมีการเรียกสอบครอบครัวเพิ่มเติมอีกครั้ง

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินและมรดกของผู้เสียชีวิต ต่อจากนี้ทางครอบครัวจะมีการยื่นขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก แม้ว่าผู้เสียชีวิตจะจดทะเบียนสมรสกับทางสามี แต่ผู้เสียชีวิตไม่มีบุตร ทำให้ทายาทลำดับขั้นมีพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิตรวมถึงสามี จึงต้องมีการร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก เพื่อแบ่งมรดกที่ขณะนี้ต้องแบ่งออกเป็นสองส่วน คือสินส่วนตัวและสินสมรส ซึ่งคาดว่าจะมีการยื่นขอให้ศาลพิจารณาตั้ง นางสาวกิรัติมา น้องสาวผู้เสียชีวิตเป็นผู้จัดการมรดก”

ด้านนางสาวกิรัติมา ระบุภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า “สำหรับประเด็นที่ทางครอบครัวต้องรอถึง 80 วัน ถึงมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ยืนยันว่าทางครอบครัวมีการสงสัยตั้งแต่วันแรก แต่รอเวลาให้ทางตำรวจดำเนินการ และรอให้ทางตำรวจเรียกเข้าให้ปากคำ แต่ทางตำรวจไม่มีการเรียกเข้าให้ปากคำจึงมีการส่งหนังสือเพื่อขอเข้าพบในวันนี้ สำหรับตัวสามีของพี่สาวตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่ค่อยได้มีการพูดคุยมากนัก และโดยส่วนตัวจะพบสามีของพี่สาวตามช่วงโอกาสสำคัญของทางครอบครัวเท่านั้น และทราบว่าในวันเกิดเหตุสามีของพี่สาวเป็นผู้แจ้งคนแรกว่าพบศพพี่สาวเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ แต่ไม่ทราบว่าขณะเกิดเหตุภายในบ้านมีใครอยู่บ้าง”

ภายหลังจากการเข้าพบพนักงานสอบสวน ทางครอบครัวยังยืนยันว่า ยังไม่มีการสงสัยบุคคลใดเป็นพิเศษ โดยจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวนและพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด

ด้านพันตำรวจเอกดวงโชติ สุวรรณจรัส ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวโดยไม่ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องสำนวนการสอบสวนผู้เสียชีวิต พนักงานสอบสวนได้สอบพยานที่เกี่ยวข้องและพยานในที่เกิดเหตุ คือ แม่บ้าน, สามีผู้เสียชีวิต และได้สอบพยานแวดล้อมอื่นๆ แล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปสำนวนคดีนี้ได้ เนื่องจากผลการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ หากครอบครัวผู้เสียชีวิตติดใจสาเหตุการเสียชีวิต หรือมีพยานหลักฐานใหม่ ก็สามารถนำมาร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือนำมาให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณาได้ ซึ่งตำรวจยินดีที่จะสอบสวนให้ละเอียดขึ้น หากพบว่ามีพยานหลักฐานใหม่ที่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไป ก็พร้อมจะสอบสวนจนกว่าจะหมดข้อสงสัย เพื่อสรุปสำนวนและสาเหตุการตายให้ครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป