คลาวเดีย จักรพันธุ์ เปิดใจเล่าอาการป่วย​ จนเกือบเดินไม่ได้

คลาวเดีย จักรพันธุ์ เปิดใจเล่าอาการป่วย​ ​หมอนรองกระดูก​ อักเสบ จนเกือบเดินไม่ได้​ เผยเคยเฉียดตายในกองถ่ายละคร​ พร้อมอัปเดตความรัก​ 12​ ปี

นักแสดงสาว​ คลาวเดีย จักรพันธุ์ เปิดใจครั้งแรกหลังป่วยหนัก​ หมอนรองกระดูก​ ทับเส้นประสาท​ จนเกือบเดิน​ และพูดไม่ได้ พร้อมเผยนาทีเฉียดตาย​ อินกับบทบาท​ พลาดกรีดข้อมือกลางกองถ่าย พร้อมอัปเดตความรัก 12 ปี กับหนุ่มนักธุรกิจชาวพม่า ออง ทีฮา ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ​ Show

ไม่ได้เล่นละครมานานเท่าไรแล้ว?

คลาวเดีย : จริงๆ ก็เล่นเรื่อยๆ นะ กระเช้าสีดา​ นี่ถ่ายต่อจาก คลับฟรายเดย์ เราถ่ายทีละเรื่อง คนก็เลยคิดว่าเราไม่ค่อยรับงานหรือเปล่า แต่จริงๆ เริ่มรับมาเรื่อยๆ ประมาณ 3-4 ปี

กระเช้าสีดา​ กระแสตอบรับเป็นอย่างไร?

คลาวเดีย : ดีมาก ดิฉันจะถูกตั้งฉายาว่าเป็นตัวแทนหมู่บ้าน คนดูเหมือนจะอินเวลาเราเล่น เราจะรักนางเอกมาก และจะคอยช่วยนางเอกกับน้องตลอดเวลา เรื่องนี้ทุกคนเล่นกันเต็มที่มาก มีบางฉากที่ตบกับกรีนฉันจะเป็นลม

มีการพลาดอะไรไหม?

คลาวเดีย : ก็มีนะ มีฉากหนึ่งที่ตลกมากเลย เหมือนนุ่นเลิกกับปีเตอร์ แล้วไปเซ็นใบหย่า แล้วลงมาข้างล่าง กรีนก็เหมือนกวนๆ โห…เราหมั่นไส้มาก ก็ตบ ถีบ พอถีบเสร็จไถลลงเลย ล้มลงไปกับพื้น แต่มันไม่ได้ออนแอร์นะ เราไถลลงไปทุกคนเขาก็เล่นต่อ แล้วเราก็ลุกขึ้นมาเหมือนจะต่อ พอคัทปุ๊บก็หัวเราะกันใหญ่เลย

เห็นบอกว่าบางฉากหน้ามืดเลย?

คลาวเดีย : หน้ามืด คือเป็นดาวสีทองๆ ส่วนใหญ่จะเป็นฉากตบ พอคัทปุ๊บเราคงเปลี่ยนฟิลเร็วไปสักพักก็วูบเลย ลงไปนั่ง กองถ่ายก็ต้องวิ่งเอายาดมมาให้ ดาวเต็มเลย

มันมีคอมเมนต์ว่าคุณอวบจังเลย?

คลาวเดียร์ : เรื่องนี้มันอวบจริงนะ วันนี้ที่มา จากตอนนั้นลงไป 3 โลกว่า คือผอมลง ตอนนั้นหยุดไป​ โควิด​ ด้วย กินเยอะ บวกกับอายุเราไม่น้อยแล้ว รู้สึกว่าหายใจก็อ้วนแล้ว เราไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เจ็บหลัง ก่อนจะเปิดกล้อง​ กระเช้าสีดา​ ก็เข้าโรงพยาบาลไปด้วย แล้วมันก็อ้วนขึ้น มีช่วงหนึ่งเราเป็นผีตู้เย็น ชอบกินตอน 3 ทุ่ม

เรื่องความรักดูสุกงอมมากเลย?

คลาวเดีย : ก็พอได้อยู่ เขาเป็นหนุ่มพม่า ทำงานที่นี่ เกิดที่นี่นะ เรียนที่นี่ ก็เจอกันที่นี่ด้วย เหมือนเขาเรียนหนังสือกับเพื่อนของเพื่อนเรา เรียนอินเตอร์ แต่เราเด็กโรงเรียนไทยนะ แล้วไปเจอกันโดยบังเอิญ  แล้วก็ตอนนั้นเขาอยู่อเมริกาแหละ เราก็ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันจะสานต่อกันได้ ปรากฎว่าเราก็คุยกันแบบวันละเป็น  10 ชั่วโมง แล้วเวลามันแตกต่างกันมาก 6 โมงเช้าเรา คือ 6 โมงเย็นเขา  ช่วงนั่นพอคุยไปแล้วถูกคอ เจอกันที่เมืองไทยก่อน เขามาอยู่ที่นี่แค่ 2 อาทิตย์เอง​ ปีละครั้ง อยู่ดีๆ ก็เจอกัน เสร็จปุ๊บ เขากลับไปโทรมาจีบ จนเรายอมคุยด้วย คือคุยกันเยอะมาก ตอนนั้นยอมนอนดึก ตอนกลางวันนอน ตอนกลางคืนคุยกับแฟน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วนะ คุยไม่ถึง 1 นาทีก็วางละ

ตอนนั้นคุยไป คุยมา ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเลย?

คลาวเดีย : ก็ไปเที่ยวด้วย แล้วด้วยความคิดถึง เหมือนพอเรากลับมา เราคิดถึงเขาเยอะ ก็กลับมาแป๊บหนึ่ง ตอนแรกไปแป๊บเดียว กลับมาแล้วไปใหม่

เห็นบอกว่ากลับไปครั้งนี้ไม่ต้องกลับมาแล้ว คุณผู้ชายบอกไม่ต้องรับงานเลย ให้ไปอยู่ที่อเมริกาเลย?

คลาวเดีย : ไม่จริงนะ เขาก็คิดถึงแหละ เขาบอกว่ามาอยู่ด้วยกัน เราก็เริ่มไปเยอะขึ้น แต่เราก็ไม่ได้ไปอยู่แบบตลอดนะ เพราะวีซ่าเราก็อยู่ไม่ได้นาน ก็ไปๆ กลับๆ แต่ก็เหมือนอยู่ที่นู่นเยอะอะเนอะ ไปยาวเหมือนกันนะ

สรุปไปกี่ปี?

คลาวเดีย : นานอะ ไปๆ กลับๆ คบมาเกือบ 13 ปี แฟนกลับมาได้ประมาณ 6-7 ปี ก็ไปประมาณ 3-4 ปี​ ที่เทียวไป เทียวมา พอเราไปอยู่ตรงนู่นนาน อยู่ตรงนี้ก็รับงานไม่เต็มที่ เพราะละครเวลาถ่ายมันต้องถ่ายหลายเดือน จริงๆ มองย้อนกลับไปก็เสียดายเหมือนกันนะที่เราไม่ได้รับงาน แต่ก็คิดว่าเหมือนโชคชะตามันเป็นแบบนี้ ก็มีความสุขดี

พอเรากลับมารับงานละครครั้งนี้เขาว่าอย่างไรบ้าง?

คลาวเดีย : เขาไม่ว่าเลย คือเขาเป็นคนทำงาน เขาก็ชอบให้เราทำงาน แล้วเขาก็รู้ว่าเราทำงานแล้วเรามีความสุข เขาสนับสนุนเต็มที่เลย บางทีงานเราเสร็จดึกเหมือนกันนะ เขาก็เข้าใจไม่เคยว่าอะไรเลย ให้กำลังใจด้วย บี๋เก่ง

เห็นเขาบอกดูแลดีดั่งเจ้าหญิงเลย จริงไหม?

คลาวเดีย : ก็ไม่เชิง

นกน้อยในกรงทองจริงไหม?

คลาวเดีย : ทุกคนชอบคิดอย่างนี้ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะ ก็แฟนกันดูแลกันปกติ มีเซอร์ไพรส์วันเกิดบ้าง ซื้อนู่นนี่ให้ เพราะเราไม่เคยขออะไร ยิ่งช่วงนี้เรารู้สึกว่ามันสิ้นเปลือง ไม่ต้องก็ได้นะ ขอเงินสด พูดเล่น ก็ไม่ได้ขออะไร

แฟนซื้อกระเป๋าให้แพงมาก คุณคลาวเดียบอกขอเงินสดดีกว่า กระเป๋าก็ยังอยู่ เงินสดก็ตามมา?

คลาวเดีย : ก็มา แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะว่าตอนนี้อยู่ด้วยกันเขาก็ดูแลเราหมด เราจะกินอะไร เขาก็ดูแลเราหมด

แม้กระทั่งไปสปาเขายังให้บัตรเครดิตไปรูด?

คลาวเดีย : ใช่ เขาบอกบี๋ๆ มาๆ เอาไปใช้ เราก็รีบรับเลย แต่เราไม่เคยขอนะ

เห็นว่าแฟนรวยมาก?

คลาวเดีย : ไม่ๆ เขาเป็นคนทำงาน แล้วก็ธุรกิจเขาคนอาจจะมองว่ามันเป็นธุรกิจใหญ่ คือเขาทำโรงไฟฟ้า แต่ว่าเขาก็คือคนทำงานคนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเหมือนในข่าวขนาดนั้น คือปกติ

คบกันมาเกือบ 13 ปี เห็นว่าต้องปรับตัวเยอะเลย?

คลาวเดีย : จริงๆ ตอนนี้ไม่ค่อยมีแล้วนะ ช่วงแรกๆ มันก็มีบ้าง ช่วง 2 ปีแรกจะเป็นอะไรที่สวยงาม พอเริ่มเข้าปีที่​ 3 ตัวจริงก็จะเริ่มออกละ บางทีก็จะมีตีกันเรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ อย่าง บี๋ อยากกินอะไร เราก็แบบอยากกินอินเดีย เขาก็บอกไม่เอาๆ ไม่อยากกิน นึกในใจแล้วจะถามทำไม ถามเราแต่ละที พอสรุปก็ต้องกินแบบเขา พอถามบางทีเราบอกอย่างไรก็ได้ เขาก็บอกทำไมไม่ช่วยเขาคิดเลย

เห็นบอกว่ามีเรื่องนอนด้วย?

คลาวเดีย : คือเขาจะชอบนอนกรน จริงๆ ตอนกรนมันอันตรายนะ บางทีเราก็แบบจะโอเคหรือเปล่า บางทีเราก็ปรึกษาเพื่อน เพราะบางคู่ก็เป็น ตอนเราปรึกษาหมอ เขาก็บอกว่ามันอันตราย แล้วมันต้องใส่เครื่องที่คล้ายๆ เอเลี่ยน เรามีความรู้สึกว่าจริงๆ มันไม่ดี บางทีเรานอนไม่หลับด้วย มันสนั่นหวั่นไหวจริงๆ เราต้องชิงนอนก่อนเลย เพราะว่าถ้าเราไม่ได้นอน แล้วมันมีเสียงกรน บางทีเราก็ไม่หลับเหมือนกัน ก็จะมีตีกันเรื่องนี้ เราอยากให้เขาไปซื้อเครื่องอันนี้มา เขาก็โมโหใหญ่เลย เขาบอกไม่ใส่หรอก จริงๆ ถ้าเขายอมนะ เพื่อนเราที่ใช้มันดีมากเลย

คบกันมาเกือบ 13 ปี มีวางแผนอนาคตการ แต่งงาน​ ไหม?

คลาวเดีย : จริงๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น เคยคิดแบบเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เรามีความรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ว่าคนอยู่ด้วยกัน 2 คนแล้ว​ แต่งงาน​ แล้วทุกอย่างมันจบ เราคิดว่าคนสองคนมันจะอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า เข้ากันได้หรือเปล่า คลาวเดียคิดว่าพอเราผ่านการอยู่ด้วยกันมาประมาณ 7-8 ปี มันเริ่มจูนกัน มันเริ่มรู้แล้วว่าตอนนี้เขาหงุดหงิดอะไรตรงนี้อยู่ เราก็ตีเพลิน ตีเนียนไป คนเรามันมีอารมณ์ มันก็จะมีการหงุดหงิดใส่กันบ้าง ถ้าคนหนึ่งหงุดหงิด แล้วอีกคนบอกทำไมมาหงุดหงิดใส่ฉัน มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้น แต่ละคนมีความคิดที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่พอเรามาถึงตรงนี้แล้วเรารู้จักเขาแล้วว่าจริงๆ เขาเป็นคนนิสัยจิตใจดีมาก มีขี้หงุดหงิดบ้าง เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนไม่ได้สมบูรณ์​แบบร้อยเปอร์เซ็นต์

ฝั่งผู้ชายซีเรียสไหม ถ้าไม่​ แต่งงาน​ ?

คลาวเดีย : เขาก็มีพูดๆ บ้าง แต่ก็เห็นเงียบๆ ไป แต่ก็มีคนที่แบบชอบพูดเยอะมากๆ คือคุณพ่อ คุณแม่แฟน เหมือนเขาอยากให้เรา​ แต่งงาน เขาอยากมีหลาน อยากให้เรามีลูกมากกว่าเหมือนบิ๊วลูกชายตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าพูดเยอะ

แล้วเราวางแผนเรื่องการมีลูกไหม เห็นบอกว่าแอบไป​ ฝากไข่​ มาแล้ว?

คลาวเดีย : จริงๆ ไม่ได้แอบหรอกนะ รู้สึกว่าเราโค้งสุดท้ายตอนนั้น 39 ปี มีหลายคนบอกว่า ถ้า 40 ปี ไข่มันจะดิ่งลง เราก็เลยไปฝากดีกว่า เราก็รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกนะ ถ้าสมมติสักวันเราอยากจะมีขึ้นมา มันก็มีไข่ที่เราฟีดไว้ ถ้าเรามีธรรมชาติไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่คิดภาพเรามีลูกเลยนะ ถ้าถามตัวเราเองก็ไม่ได้อยากจะมีขนาดนั้น

ทำไมถึงไม่พร้อมมีลูก?

คลาวเดีย : เคยอยากมีแล้วด้วยความที่แก่แล้วมั้ง 40 ปีขึ้นไปแล้ว เราก็ไม่ได้อะไร แต่จริงๆ เรามีลูกนะ เป็นชิวาว่า คือเรารักหมามาก คือหายใจเข้า หายใจออกเป็นหมา รักเหมือนลูก คือมีพ่อ มีแม่ และมีลูกเป็นน้องหมา เราเลยรู้สึกว่าอาจจะมีน้องหมาด้วยมั้งก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้ขาดอะไร เราก็รู้สึกว่าเรามีลูก ก็เหมือนมีครอบครัว พ่อ แม่ ลูก อยู่ ก็เลยยังไม่ได้อะไร แต่ถ้าวันหนึ่งแฟนลุกขึ้นมาแล้วบอกว่าอยากมี เราก็คงจะมี

หลายคนไม่ค่อยรู้เรื่องอาการป่วย หมอนรองกระดูก​ ?

คลาวเดีย : ใช่ๆ อันนี้หนักมากเลย เราเป็นมาสักพักแล้วนะ ประมาณ 8-9 ปี ตอนอายุประมาณ 33-34 ปี ช่วงนั้นเราบินเยอะด้วยมั้ง แล้วนั่งเครื่องมันนาน เรามีความรู้สึกว่าทำไมเราปวดมากเลย ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวก็หาย ก็เริ่มปวดมาก ก็ไปหาหมอ หมอเอ็กซ์สเรย์ดู หมอบอกว่า​ หมอนรองกระดูก​ เราเสื่อม L4-L5 ข้างล่างที่สุดมันเสื่อม เรามีความรู้สึกว่าเมื่อก่อนเราสูงเกือบเท่าแฟน แต่ทำไมเราเหมือนตัวเล็กลง ปรากฏไปทำพาสปอร์ตใหม่เตี้ยลงจริงๆ ลงมา 3 เซ็นติเมตร​ เลยนะ จาก 170 เหลือ 167 ลงมาเยอะมาก

คุณหมอบอกไหมว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่าสมัยก่อนตอนเด็กๆ เคยมีอุบัติเหตุในการตกหล่น?

คลาวเดีย : ก็เป็นไปได้ เราเรียนเต้นด้วย แล้วตอนเด็กๆ เลย เคยก้นกบหัก เหมือนเราคุยโทรศัพท์ แล้วแม่ไม่รู้ว่าเราจะนั่ง เอาเก้าอี้ออก เราก็นั่งลงไป แล้วมีตกม้า ตอนถ่ายละคร แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นอะไรมาก พอเริ่มเป็นตอนนั้นก็เป็นโรคนี้แล้ว แล้วมาเป็นหนักมากๆ เลย แปลกมากชอบมาเป็นหนักก่อนเปิดกล้อง เคยมีช่วงก่อนรับ​ กระเช้าสีดา เราเล่น​ ทะเลแปร ก่อนหน้านั้นก็เป็นหนักเหมือนกัน ตอนนั้นเราไม่มีแรงเดิน มันเป็นตรงหลังแล้วลงขา

เวลาอาการกำเริบคือเดินไม่ได้เลย?

คลาวเดีย : คือมันไม่มีแรง มันทับเส้นประสาท มันชาด้วย ปวดมาก ต้องไปแอดมิท ต้องฉีดยาเข้าเส้น แล้วก็ต้องทำกายภาพ แล้วต้องกินยาเยอะมากๆ เลย อันนั้นคือก่อน​ ทะเลแปร พอหลังจากนั้นก็ดีขึ้น แล้วมาออกกำลังกายจนติด ตอนนั้นหุ่นดี หุ่นเฟิร์ม ออกเสร็จปุ๊บก็มาเป็นอีกแล้ว เหมือนไปทำท่าผิดแหละ แล้วกลับมาเป็น คราวนี้เป็นที่คอด้วย แล้วเป็นข้างบนมันจะลงแขน แล้วก็ชาขึ้นหัว ตอนแรกเราก็คิดว่าเราเป็นหมอนรองกระดูก แล้วชาแขน ก็ธรรมดา สักพักมันขึ้นปาก สักพักมันไม่มีแรงพูด แล้วมันไปที่ปลายประสาท แล้วมันเป็นหนักถึงขั้นที่แบบเราไม่มีแรงพูดเลย อันนี้ก่อนที่จะเริ่ม​ กระเช้าสีดา ก็ต้องเข้าโรงพยาบาล หมอคิดว่าเป็นสโตรก คือต้องเข้าอุโมค์แล้วฉีดสีเข้าไป เพื่อที่จะเช็กให้ชัวร์ว่าเรามีเส้นเลือดอะไรแตกหรือเปล่า สรุปไม่มี ถือว่าดี ก็เข้าโรงพยาบาลเป็น 10 วันเลย คราวนี้เข้าหนัก พูดไม่ได้ แล้วก็เครียด เพราะว่าจะถ่ายละคร ตอนนั้นก็เลยหยุดออกกำลังกายเลย แล้วเป็นสาเหตุในการน้ำหนักขึ้น แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว วิธีการรักษาคือเราจะต้องยืดเยอะๆ

เห็นบอกว่าอยู่โรงพยาบาล ทานยาเยอะมาก?

คลาวเดีย : เยอะมากเป็นกำๆ เครียดจนเพื่อนมาเยี่ยมต้องเอาหนังสือสวดมนต์มาให้ เราก็อ่านแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น แล้วสักพักมันก็ดีขึ้น เราห่วงงานด้วยไง เราจะหายทันไหม แล้วช่วงแรกๆ ที่ถ่ายยังคุยกับพี่​ เอ๋ ผู้กำกับอยู่เลยว่าเพิ่งหาย เป็นโรคนี้ ก่อนจะเล่นฉากแรกๆ เลย เหมือนพูด รอ​ เรือ​ ลอ ลิง ไม่ชัด แล้วเราเป็นคนชอบพูดภาษาชัดเจน เราต้องแบบมานั่งคิดว่าจะพูดได้ไหม แต่ตอนหลังก็ดีขึ้น

กลัวอะไรมากที่สุด?

คลาวเดีย : พอเริ่มมาขนาดนี้เราไม่ขออะไรมากเลย เราอยากมีสุขภาพที่ดี เรื่องสุขภาพมันเป็นเรื่องสำคัญ มันซื้อกันไม่ได้ คือตอนนี้ใช้ชีวิตแบบ 2 ทุ่มครึ่งอาบน้ำแล้วจ้า 4 ทุ่มพยายามนอนแล้ว ตื่นเช้า กินอาหารที่มีประโยชน์ พยายามไม่กินของหวาน

ตอนนั้นคุณหมอก็ให้ตัวเลือกหนึ่งในการผ่าตัดใส่เหล็กเข้าไปด้วย?

คลาวเดีย : ถ้าเป็นหนักมาก มันเป็นตัวเลือกหนึ่งอยู่แล้วถ้าสมมติเป็น​ หมอนรองกระดูก คือการผ่าตัด คือแทนที่จะเป็นกระดูกของเราเขาจะใส่เหล็กไว้ แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มากเลย คือโรคนี้มีการรักษาทางเลือกเยอะมากเหมือนกัน ก็คือไปกายภาพ ไปหาหมอจัดกระดูก หรือไปหาหมอยืด คือเราก็ไปมาเยอะนะ บางทีเขาก็จะยืดหลังเรา หรือทำท่ายืดเป็นประจำ มันก็จะดีขึ้น การที่เสื่อมมันไม่หายเสื่อมหรอก แต่ว่ามันจะไม่เคลื่อนไปทับเส้นประสาท เราก็จะใช้ชีวิตปกติได้ แต่เราก็ต้องดูร่างตัวเองด้วยนะ ไม่ใช่เราเป็นอย่างนี้แล้วเราจะไปออกกำลังกายแบบหักโหมก็ไม่ได้ มันจะมีท่านอนออกกำลังกาย เกร็งตัวอะไรแบบนี้

ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ?

คลาวเดีย : รองเท้าอย่าสูงเกินไปนั่งให้ดี ท่าที่เราใช้ชีวิต อย่าไปเผลอเล่นโทรศัพท์แล้วก้ม แต่ด้วยความที่เราเป็นอย่างนี้มาเยอะ เพราะฉะนั้นเราระวังอยู่แล้ว

เห็นเขาหน้าฝรั่งแบบนี้เขาเห็นผีนะ?

คลาวเดีย : ตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู้หรอก จำไม่ได้ คือเด็กมากเลย แล้วคุณแม่มาเล่าให้ฟังตอนอายุ 13 ปี คือเรากลัวผีมาก แม่ก็ไม่กล้าเล่าให้ฟัง ตอนปนะมาณ 3-4 ขวบ ย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณยาย เพราะที่บ้านยังทำไม่เสร็จ มาอยู่บ้านยายได้สัก 1-2 วัน อยู่ดีๆ ตื่นตอน 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน มาเล่นกับใครก็ไม่รู้ ซึ่งไม่มีตัวตน ซึ่งตอนเด็กๆ เราไม่รู้จักคำว่าผี เวลากลัวอะไรก็จะพูดคำว่า​ ซ่อนกลิ่น เหมือนตอนนั้นมันมีละครหรืออะไรสักอย่างที่น่ากลัว เราก็แบบ​ ซ่อนกลิ่น​ ๆ แม่ก็บอกพี่เลี้ยงใครไปสอนคำว่าผี ทำไมลูกรู้จักคำนี้ ก็ไม่มีใครสอน แล้วแม่ก็เริ่มเครียดมากเลย พอกลับมาถึงบ้านทุกวันจะหลับไปแล้ว เป๊ะๆ เลยนะ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืนจะตื่นมาเล่นขายขนม คุณแม่เขาหลอนมาก เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ปรึกษาญาติ แล้วไปปรึกษาพระ แล้วมาที่บ้านเหมือนมาทำบุญ ทำพิธีให้ แล้วก็ทางพระก็บอกว่าเจ้าที่เป็นเด็ก แล้วพอฟังแม่ก็รู้สึกขนลุก แล้วเราก็ชอบได้กลิ่น เวลานอน เซ้นต์

เห็นว่าตอนโตมาก็เคยเจอด้วย?

คลาวเดีย : ไปเจอที่พม่า ไปพักที่บ้านแฟน เจอครั้งแรกเหมือนนอนอยู่แล้วเราขยับไม่ได้ แล้วมีคนมานั่งดู แต่อันนี้เรารู้สึกว่าเขามาดี ใส่ชุดขาว เห็นหน้าไม่ชัด เหมือนมีหมวก ก็เล่าให้แม่ฟัง แม่บอกไหว้เจ้าที่หรือยัง ก็ไปไหว้เจ้าที่​ ก็จะเก็บองค์เล็กๆ อยู่ข้างใน แฟนเขาชอบหาว่าเพี้ยน บี๋อย่าหลอนได้ป่ะ คือเขาไม่เก็ทไง แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งนอนอยู่เหมือนมีคนมากระซิบเป็นภาษาเราก็ไม่ค่อยได้ศัพท์ เราก็ขยับตัวไม่ได้ ก็สวดมนต์ แผ่เมตตา พอสักพักเหมือนฟังเขารู้เรื่อง เขาบอกว่าเดี๋ยวฉันจะจับเธอให้ร้องสะบั้น พอสิ้นสุดคำพูด เราก็หลับไป พอออกจากบ้านไปแล้วแฟนบอกฉันเจอ หลังจากเธอเจอ 5 นาที เหมือนมีใครมาตบเท้า ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่ว่าเราอีกเลย

ช่วงวัยรุ่นมันเกิดอะไรขึ้น คุณถ่ายละครแล้วคุณไปกรีดแขนตัวเอง เกือบเสียชีวิตเลย?

คลาวเดีย : เป็นฉากฆ่าตัวตาย เป็นฉากต้องกรีดมือ เหมือนตอนถ่ายเขาจะใช้ของปลอม มีเลือดมีอะไรตลอด อันนี้เป็นความผิดเราเอง เหมือนเขาจะอินเสิร์ชแค่เลื่อนขึ้นมา แต่เขาใช้ของจริง เหมือนเราจำไม่ได้ แล้วเราอิน แล้วเขาบอกว่าจะอินเสิร์ช แล้วเขาเปลี่ยนแสง เปลี่ยนอะไรไป 20 นาที แล้วเราก็ลืม เป็นคนที่แบบว่าเป็นคนที่แสดงอะไรแล้วอิน เราก็ปาดไปอย่างแรง ตอนแรกมันไม่เจ็บนะ แต่ทุกคนคือช็อกมาก แล้วเราก็จับแต่ไม่ได้แรงนะ แต่มันปลิ้นออกมา เนี่ยรอยแผลเป็น เย็บไป 33 เข็ม คือมันเห็นกระดูก หมอบอกกรีดสวยมาก เราก็โชคดีและไม่วิตกกังวลจนเกินไป หมอบอกว่าถ้าขึ้นมาอีกนิดเดียวมันจะโดนเส้นประสาทใหญ่ แล้วจะทำให้มือเราไม่ฟังชั่น คือเป็นความผิดของเราเองนะ คือเราเองนี่แหละที่อินเกินไป จริงๆ มันไม่ได้ใช้ภาพตรงนั้น เรื่องนี้ซวยมากเลย หยุดถ่ายไปสักแป๊บมาโดนต่อเสือต่อยอีก เป็นไข้อีก

และนี่ก็คือเรื่องราวของสาว​ คลาวเดีย จักรพันธุ์​​ ที่ได้มาอัปเดตให้แฟนๆได้ฟังกัน​ ครบรสทั้งเรื่องความรัก​ และสุขภาพ​ อย่างไรก็ตามแอดก็ขอให้​ คลาวเดีย สุขภาพร่างกายแข็งแรง​นะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
นิกกี้-ก้อย รับมีทะเลาะกัน หลังควงสวีทอเมริกา