ณวัฒน์ เดินหน้าฟ้อง ผู้ประกาศ และ นายกฯ เพื่อ เรียกร้องความยุติธรรม

ณวัฒน์ เดินหน้าฟ้อง ผู้ประกาศ หลังถูกด่าแรงถึงสัญชาติ ลั่น ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เผยฟ้อง นายกฯ เพื่อ เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง

เรียกว่าออกมาทวงความยุติธรรมให้กับตนเอง เดินหน้าฟ้อง ถึง 2 คดีเลยทีเดียวสำหรับ ณวัฒน์ อิสรไกลศีล อดีตพิธีกรชื่อดัง โดยในช่วงเช้าเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันนี้ 13 ส.ค. เจ้าตัวได้เดินทางไปศาลอาญา (รัชดา) พร้อมทนาย เพื่อฟ้องผู้ประกาศข่าวช่องดัง โดยหลังจากที่ ณวัฒน์ ได้เข้าไปไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ด้านใน ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เจ้าตัวเผยว่า

ณวัฒน์ : วันนี้ถือว่าเป็นคดีแรกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองเท่าไหร่ มาฟ้องหมิ่นประมาท กับ อ.กบ สถานี บลูสกาย ครับ เขาจัดรายการ ฟ้าวันใหม่นิวส์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. เขาละเมิดผมชัดเจน หมิ่นประมาทมาก ในคลิปยาวของเขาบอกว่า ผมไม่ได้ป่วย โกหก จัดฉากป่วย สร้างความดราม่า อาศัยโจมตีรัฐบาล เขาบอกว่าผมเป็นไบโพลาร์ สิ่งที่รู้สึกแย่มากคือ เขาพูดได้ชัดถ้อยชัดคำมากว่า ผมเป็นโรคสัญชาติ**** ดูคลิปได้นะครับ เป็นข้อความที่ผมรู้สึกว่า บ้านเมืองนี้จะพูดอะไรก็ได้ ก็เลยฟ้องเป็นตัวอย่าง เพื่อไม่อยากให้หลายคนสนุกกับการพูดที่มันไม่จริงเลย ซึ่งการป่วยของผม แพทย์ก็บอกแล้วว่าถึงขั้นระบบการหายใจล้มเหลว ชัดเจนมากนะครับ แต่เขาก็ด่าผมได้ ขณะที่ผมอยู่โรงพยาบาล เพราะวันที่แกด่าผม วันที่ออกอากาศ ผมก็อยู่โรงพยาบาล แล้วด่ายาวมากนะครับ จัดทำเป็นรายการพิเศษเลย มีการใส่แมสก์ ใส่เครื่องช่วยหายใจ ทำทุกอย่างเลียนแบบผมหมด สนุกสนาน ล้อเลียน คำพูดที่หมิ่นประมาทมันเยอะไปหมด ใครที่ฟังในนี้มันเยอะมาก แต่ผมคุยกับทนายก็หยิบมาแค่ 3 คำก่อน ที่เหลือมีการเย้ยหยัน เช่น หน้าผมเป็นเซินเจิ้น ไปทำศัลยกรรมมา ไม่แน่ใจไปนอนเพื่อแก้ศัลยกรรม รีแพร์หรือเปล่า แต่ผมไม่ได้ฟ้องนะครับ ผมถือว่า ผมเข้าใจได้ในบางอย่าง ลองไปดูนะครับว่ามันหนักหนาแค่ไหนนะครับ

ที่ฟ้องมีข้อหาอะไรบ้าง?

ทนายสาคร : เรื่องนี้เป็นการฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตาม พรบ.กฏหมายอาญามาตรา 328 ซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท ซึ่งคลิปที่คุณ ณวัฒน์ เรียนไป จะมีลักษณะในเชิงล้อเลียน มีตัวแสดงใส่ที่ครอบจมูก ทำคล้ายๆกับคุณ ณวัฒน์ ที่อยู่ในโรงพยาบาล ล้อเลียนในความเจ็บป่วยของบุคคลอื่น และมีถ้อยคำ ดูหมิ่น ถากถาง เปรียบเปรย ซึ่งคนอื่นฟังไปแล้วเนี่ยถ้าเป็นคนไม่รู้จักจริง จะเชื่อว่า คุณณวัฒน์ เป็นคนโกหกหลอกลวง เป็นโรคไบโพลาร์ อารมณ์ 2 ขั้ว แปรปรวน ขึ้นๆลงๆ ที่สำคัญคือระบุชัดถ้อยชัดคำว่าเป็นโรคสัญชาติ*** ซึ่งเป็นถ้อยคำที่รุนแรงมาก พูดถึงวงตระกูล ลักษณะขยายความ ถ้าตามพจนานุกรม คือว่าเป็นคนไม่ดี สัญชาติไม่ดี ซึ่งฟังแล้วแป็นการลดทอนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ของคุณ ณวัฒน์ วันนี้จึงมาฟ้อง เพื่อรักษาสิทธิ์ตรงนี้ ซึ่ง อ.กบ เป็นจำเลยที่หนึ่ง เป็นคนพูด และคลิปนี้มีการตัดต่อนำไปเผยแพร่หลายช่องทาง เรามองว่าเป็นการพูดย่ำยี ทั้งๆที่เรากำลังเจ็บป่วยอยู่แต่เอามาล้อเลียน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ไม่ควรทำในลักษณะนี้ เราจึงจำเป็นต้องฟ้อง ให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการลงโทษ

ณวัฒน์ : ตอนนี้ก็ยังมีอาการอยู่ ที่บ้านมีออกซิเจนนะครับ สามารถไปเปิดบ้านดูได้ ทุกอย่างต้องดูแลตัวเองหมด ก็เลยฟ้องไป 2 คน คือ ฟ้อง อ.กบ และฟ้องสถานีโทรทัศน์บลูสกายด้วย ทางศาลเองก็ได้นัดวัน คือวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งจะไต่สวนมูลฟ้อง แล้วก็ยืนยันว่าจะเต็มที่กับเรื่องแบบนี้ จะไม่ถอย จะไม่ยอมเด็ดขาด เพราะเนื่องจากว่ามันเป็นศักดิ์ศรีของเรา แล้วมันก็ย่ำยีเราเกินไป ถ้านิดๆหน่อยๆทำใจได้ แต่ถ้าบอกว่า สัญชาติ*** ผมว่ามันหนักเกินไป ส่วนคะนองปากเรื่องอื่นผมก็ทำใจนะครับ จะเย้ยหยันผมเรื่องหน้าตา ผมก็ทำใจได้ แต่ชาติ*** ผมก็งงว่าแบ่งยังไง และผมก็ไม่เคยเป็นไบโพลาร์ คนที่ชอบการทำงานของเขาก็จะเชื่อว่าผมเป็นไบโพลาร์อีก ผมก็กลายเป็นคนประหลาดไปอีก ก็เลยต้องรักษาสิทธิ์ของตนเองครับ จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดครับ เพราะผมไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ผมต้องการความยุติธรรม ผมสู้เพื่อเป็นแบบอย่างในการรักษาสิทธิ์ของมนุษย์คนนึง ที่เป็นคนไทย

เรียกค่าเสียหายเท่าไหร่?

ทนายสาคร : ยังครับ ชั้นเจรจาไกล่เกลี่ย คดีนี้เป็นคดีแรกที่ คุณ ณวัฒน์ มาทำงานเพื่อสังคม แต่กลับถูกตอบแทนด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม รายอื่นๆ ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่คุณ ณวัฒน์ เรียนโดยสุจริตเป็นการแสดงความเห็นติชม ซึ่งเป็นคนสาธารณะจะถูกวิพากษ์วิจารณ์บ้างไม่เป็นไร ถ้ามีการเปรียบเปรย ดูถูก ย่ำยี มองว่าเขาแสวงหาผลประโยชน์เรื่องการเจ็บป่วยเราจะฟ้องทุกรณี

ณวัฒน์ : จะเห็นว่าผมไม่ได้เน้นในเรื่องของจะต้องไปเรียกร้องอะไรมาใส่ตัว ผมขอให้กฏหมายเดินไปตามกฏหมาย ผมอยากเห็นเข้าคุก เต็มแม็กก็คือ 2 ปี หรือจะต้องเสียค่าปรับ 2 แสนบาท ซึ่งค่าปรับก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ทั้งหมดเป็นเรื่องของการใช้กฏหมาย รักษาศักดิ์ศรีของผมเท่านั้น ผมไม่ได้อยากจะเรียกร้องอะไรส่วนตัว ต้องดูเหตุการณ์ก่อน แต่ว่าเบื้องต้นอยากให้ใช้กฏหมายให้เป็นกฏหมาย สุดท้ายแล้วเราต้องพึ่งได้กับกระบวนการยุติธรรม มาที่นี่ไม่ได้อยากได้อะไร นอกจากให้กระบวนการยุติธรรมแสดงความยุติธรรมให้เห็นแบบชัดเจน เพราะว่าคดีแบบนี้หลบไปทางไหนไม่ได้ เขาชัดเจนที่ตัวเขา เราก็ชัดเจนด้วยกระบวนการยุติธรรม อยากให้เขาได้ติดคุกเผื่อจะได้ไตร่ตรองด้วยตัวเอง

ถ้าเขามาขอโทษ?

ณวัฒน์ : ไม่ครับ คนอย่างผมไม่ต้องการคำขอโทษ สิ่งที่คุณจะขอโทษได้คือ คุณต้องเดินเข้าคุกแล้วออกมาใหม่ แล้วก็อย่าทำอีก

หลังจากนี้จะมีดำเนินคดีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่วิจารณ์เราบ้างไหม?

ณวัฒน์ : มันก็มีอยู่เป็นระยะๆ แต่ผมทำใจได้นะครับ เพราะผู้รู้ว่าไม่มีใครชอบเรา 100% และไม่มีใครเห็นเราเห็นด้วย 100% แต่ผมรู้ว่าอันนี้มีการจัดเตรียมขึ้นมา เตรียมพร็อพ จัดฉาก มีการพูดร่ายยาวมาก เป็นกรณีที่ต้องการสร้างบางอย่างขึ้นมาให้คนรู้สึกได้ว่าตนเป็นแบบที่เขาพูด เรื่องนี้ก็ต้องมีการดำเนินคดีกัน ในอนาคตก็อาจมีอีก อย่างช่วงบ่ายวันนี้ตนจะไปฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยตรง อะไรที่ตรงกับชีวิต ก็จะเดินหน้าสู้ ฝากเตือนว่าการวิพากษ์วิจารณ์ในระดับหนึ่ง เข้าใจได้ แต่ถ้ามีจุดประสงค์อื่น และพูดหมิ่นประมาทหนักเกินไป ก็ต้องเจอกันทุกคดี ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะต้องมาศาลบ่อย ๆ จากนี้ไปคงได้มาอีก

ทั้งนี้ในช่วง 13.00 น. ณวัฒน์ ได้เดินทางไปที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าศูนย์บริหารงาน โควิด ในมาตรา 157 โดยภายหลังยื่นเรื่องได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการตัดสินใจเดินทางมาฟ้อง นายกฯ ณวัฒน์ เปิดใจว่า

“ผมไม่ไหวแล้วครับ มันมีผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตภายใต้การบริหารงานของ ท่านประยุทธ จันทร์โอชา โดยเฉพาะเรื่องของวัคซีนที่จัดหาไม่เพียงพอและมีการเลื่อนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ต้องตัดสินใจจ่ายเงินซื้อวัคซีนเองขณะนี้แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าวัคซีนจะมาเมื่อไหร่ ในฐานะเป็นประชาชนคนไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศและอยู่ในระบอบประชาธิปไตยและทำหน้าที่ของประชาชนอย่างเต็มความสามารถโดยเฉพาะการเสียภาษีให้กับรัฐแต่ไม่ได้รับการคุ้มครองใดใดไม่ว่าจะเป็นแฮนด์เจล แมสก์ปิดหน้า การตรวจหาเชื้อ โควิด แบบพีซีอาร์ทุกอย่างต้องจ่ายเงินด้วยตัวเองมาตลอดเวลา รวมถึงเมื่อติดเชื้อ โควิด ก็ต้องเข้ารับการรักษาซึ่งมียอดค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โชคดีที่มีประกันซึ่งก็เป็นการซื้อประกันด้วยตัวผมเองและยอมสละอาชีพการเป็นพิธีกรที่มีมูลค่าสูงต้องยกเลิกงานทั้งหมดเนื่องจากการเจ็บป่วยจาก โควิด”

“ครั้งนี้มีอาการรุนแรงถึงขั้นมีโอกาสระบบการหายใจล้มเหลวจึงต้องใช้เวลาในการดูแลตัวเองอีกหลายเดือนจึงไม่สามารถทำงานในวงการบันเทิงต่อได้ ผลกระทบต่างๆยังมีอีกมากโดยที่ คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ปล่อยปละละเลย ทำให้คุณภาพชีวิตของผมต้องดิ้นรนด้วยตัวเองและรับผิดชอบด้วยตัวเองประกอบกับสภาพที่เห็นอยู่ในปัจจุบันมีคนติดเชื้อ โควิด ในจำนวนที่สูงกว่า 20,000 คนต่อวันและมีผู้เสียชีวิตบางวันกว่า 200 คนและมีการนอนเสียชีวิตที่บ้านและข้างถนนอยู่มากมายจึงตัดสินใจว่าเพื่อความเป็นบรรทัดฐานและชีวิตของคนไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศควรจะได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้จาก นายกรัฐมนตรี และท่านเองก็อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าดูแลศูนย์ โควิด ทั้งหมด”

“การยื่นสำนวนในวันนี้ทางศาลจะนัดอีกครั้งในวันที่ 30 สิงหาคมเวลา 09.00 น. เพื่อมาฟังผลว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ถ้าประทับรับฟ้องก็จะมีการสืบพยานต่อไปซึ่งผมจะมาทุกนัดถ้าได้รับการประทับรับฟ้องเพราะอยากให้เป็นบรรทัดฐานให้กับสังคมไทยจงอย่าได้กลัวในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ท้ายนี้ผมขอวอนทุกคนที่เสียหายรวมถึงญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมดสามารถมาฟ้องในลักษณะที่ผมฟ้องได้ในมาตรา 157 การเสียชีวิตของผู้คนจาก โควิด จะได้ไม่สูญเปล่าและเป็นประโยชน์ต่อเนื่องให้กับสังคมต่อไปครับ”

อย่างไรก็ดีคงต้องติดตามกันต่อไปว่า ทั้ง 2 คดีนี้จะสิ้นสุดลงอย่างไร หากมีอะไรคืบหน้า แอดจะรายงานให้ทราบต่อไปค่ะ