ดิ๊บ รับมีปัญหาชีวิตคู่กับ ภรรยา หวิดเลิก จนต้อง ปรึกษา นักจิตวิทยา

ดิ๊บ บอยสเก๊าท์ รับภรรยา อายุห่างกัน 18 ปี มีผลเรื่อง ชีวิตคู่ หวิดเลิก จนต้อง ปรึกษา นักจิตวิทยา เผยมีแพลนมีทายาทคนที่สอง

หากพูดชื่อ ดิ๊บ บอยสเก๊าท์ วัยรุ่นยุค 90 ต้องรู้จักกันอย่างดีแน่ๆ เพราะในช่วงหนึ่ง ดิ๊บ เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่โด่งดังมากๆ ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวก็มีครอบครัว มีลูกน้อยที่น่ารักมากๆ แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะมีความสุขในทุกวันนี้ ดิ๊บ และภรรยา ที่มีอายุห่างกัน 18 ปี ต้องเจอกับอุปสรรค์หลายอย่าง โดยฝ่ายหญิงเข้าใจว่า ดิ๊บ เป็นเกย์ แถมเมื่อตอนต้นปี 64 ทั้งคู่เกือบแยกทาง หวิดเลิก กันอีก ถึงขั้นถอดแหวนแต่งงาน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยทั้งคู่ได้เปิดใจเรื่องราว ชีวิตคู่ ในรายการ คุยแซ่บshow โดย ดิ๊บ เผยว่า

เห็นว่ากว่าจะได้ลูกมา จีบแม่ 1 เดือน แล้วแต่งงานเลย?

ดิ๊บ : ใช่ครับ เราน่าจะมีเคมีที่ตรงกัน 1.เป็นนักร้องเหมือนกัน เห็นแล้วรู้สึกใช่เลยในทันที

โดนัท : ตอนแรกเจอกับพี่ ดิ๊บ ไม่รู้ว่าคือใคร เพราะว่าเกิดไม่ทัน ก็เจอกันครั้งแรกคิดว่าเขาเป็นเกย์ สมัยก่อนเขาแต่งตัวไม่ใช่ลุคแบบนี้ เขาจะเป็นอารมณ์แบบเสื้อยืดฟิตๆ กางเกงขาสั้นแบบเลยเข่า ที่สำคัญกระเป๋าหลังเขาจะปักรูปเพชรเป็นผีเสื้อ แล้วเดินตูดบิดๆ เราก็คิดว่าคนนี้เป็นเกย์แน่นอน ยิ่งไปดูไทม์ไลน์ถ่ายรูปกับดาราเยอะมาก เราก็งงสงสัยเป็นช่างแต่งหน้าหรือเปล่า

แล้วเรามารู้เมื่อไหร่ว่าเขาคือ ดิ๊บ บอยสเก๊าท์ ?

โดนัท : รู้ตอนที่เขาพูดว่า รู้จักไหมว่าเขาคือใคร

ดิ๊บ : เขาใช้คำพูดผิด บอกว่าพอจะจำได้ไหม

พอรู้แล้รู้สึกอย่างไร?

โดนัท : เฉยๆ แต่ตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะมาหลอก เพราะว่าเราเหมือนมีอคติกับคนมีชื่อเสียง แล้วเขาจะมายุ่งกับเราทำไม คิดว่าเขากะมาจีบแล้วก็ไป

แล้วอะไรที่ทำให้ตกลงรักกัน?

ดิ๊บ : ตอนแต่งงานกับเขา เขาอายุเพิ่งจะ 20 เอง

แสดงว่าพี่ ดิ๊บ จีบเราหนักมาก?

โดนัท : เฉยๆ ธรรมดา แต่ว่าที่ตกลงยอมแต่งงาน เพราะเขาหลอกไปต่างจังหวัด แล้วเขาไปขอแต่งงานกลางรายการ แล้วเราปฏิเสธไม่ได้ เพราะ ออนแอร์อยู่ แต่ถามว่าถ้ารายการไม่ออนแอร์อยู่เราก็น่าจะเซเยสเพราะเขาขอแบบเซอร์ไพรส์ เราไม่อยากหักหน้าเขา

ตอนนั้นประทับใจไหม?

ดิ๊บ : บอกเขาไปก็ได้ว่าชอบ

โดนัท : ตอนแรกก็ชอบ แต่ยังไม่ได้รักอะไรมาก ถ้ารักจริงๆ จังๆ ก็น่าจะเป็นช่วงแพ้ท้องหนักๆ

ตอนนี้ก็คบกันมา 8 ปีแล้ว?

ดิ๊บ : จริงๆ ผมไม่รู้เรื่องอายุด้วยนะ เขาเด็กเอง ผมไม่ผิด

อายุห่างกันเท่าไหร่?

ดิ๊บ : 18 ปีครับ

มันมีปัญหาเรื่องช่องว่างของอายุไหม?

ดิ๊บ : มีเยอะเลยครับ คือถ้าเราเป็นผู้ใหญ่เราก็มีแพลนในชีวิตเยอะแยะ ความคาดหวังสูง พอเรามีความคาดหวังสูง มันก็จะมาพร้อมกับการตัดสินคนด้วยประสบการณ์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นช่วงนี้มันก็จะต่างกัน

โดนัท : ตอนนั้นอารมณ์แบบวัยรุ่น ก็จะมีเอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็คิดว่าอยากออกไปผจญโลก อยากออกไปใช้ชีวิตกับเพื่อนบ้าง เพราะว่าวัยรุ่นอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยากไปเรียนต่อเมืองนอก อยากไปทำงานต่างประเทศ

ทำใจและปรับตัวอย่างไร?

โดนัท : ตั้งแต่คบกันมา หวิดจะเลิกกันตลอดเลย

ทีมงานเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกันบ่อยมาก?

โดนัท : เพราะว่ามันเป็นที่ช่วงวัยด้วย แล้วโดนัทเป็นคนใจร้อน แล้วพี่ ดิ๊บ เป็นคนที่แบบทะเลาะแล้วกวนตีน เขาชอบเงียบแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเขาก็เดินหนี

ดิ๊บ : ความรู้สึกเรายิ่งอยู่ตรงนั้นทันยิ่งทะเลาะ มันยิ่งรุนแรงขึ้น เราก็เลยเหมือนทำใจให้มันเย็นลง แล้วก็ออกไปก่อน แล้ววันหลังเราค่อยมาคุยกันได้ไหม

โดนัท : เหมือนมันแต่งงานกันเร็วไปด้วย เพราะยังไม่ได้ศึกษากันว่านิสัยของแต่ละคนเป็นยังไง

ดิ๊บ : ถ้าศึกษากันเยอะก็ไม่ได้แต่งหรอก แต่ตอนนี้หลังจากที่เราเข้าไปรักษาแล้ว เราไม่ได้รักษาแบบกินยาอะไรนะ ต้องขอบคุณ นักจิตวิทยา ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ที่งามวงศ์วาน ด้วย เขาให้คำแนะนำเราแบบดีมาก จริงๆ เราไปเกือบทุกปีเลย

เริ่มไปปีไหน?

ดิ๊บ : เริ่มไปตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ตอนแต่งงานทะเลาะกันมากจะเอานั่น เอานี่

โดนัท : คือช่วงอายุของการคบกัน มันก็จะมีปัญหาหลายๆ อย่างเข้ามาตลอดเลย ซึ่งถ้าเป็นแบบคู่อื่นเขาอาจจะไม่รู้ว่ามีการ ปรึกษา ให้การแนะนำโดย นักจิตวิทยา ช่วงแรกก็ปิดใจ พอพี่ ดิ๊บ มาพูดกับเราว่า ยังรักกันอยู่ไหม เราก็บอกว่ารัก งั้นก็มาหาทางออกแล้วกัน เราก็เลยจูงมือกันเข้าไปปรึกษาคนกลาง เพราะว่าถ้าให้เราปรึกษาเพื่อนพี่ ดิ๊บ หรือให้พี่ ดิ๊บ มาปรึกษาเพื่อนเรามันก็จะไม่ใช่คนกลาง

ดิ๊บ : ถ้าปรึกษาญาติผู้ใหญ่มันก็จะเลยเถิด

โดนัท : ใช่ เพราะฉะนั้นเราเลยเปิดใจ ช่วงแรกๆ มันเป็นทุกคนว่าแอนตี้ไม่อยากเอาเรื่องในบ้านไปเล่าให้คนข้างนอกฟัง

คนนอกคือคนของโรงพยาบาลศรีธัญญา คุณไปปรึกษาไม่กลัวคนอื่นคิดว่าเป็นบ้าเหรอ?

ดิ๊บ : ไม่ครับ มันจะเป็นแผนกปรึกษาปัญหาครอบครัว และสำคัญที่สุดคือไม่เสียเงิน

มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องเข้าไปรับคำปรึกษา?

ดิ๊บ : ไม่ ที่เราไป เราไม่ได้เห็นแค่เป็นสามี-ภรรยา ผมเห็นแบบคุณอา มากับลูก คุณแม่มากับลูก คุณพ่อมากับลูก บางทีคนเราเขาเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ไม่ใช่คู่ชีวิต ความสัมพันธ์ในครอบครัวบางทีมันไม่ตรงกัน บางทีเราต้องหาคนที่เข้ามาช่วยพูด ช่วยเจรจา เหมือนเป็นกระจกสะท้อนแต่ละฝ่าย

เห็นว่าบอกเลิกกันบ่อยมาก?

โดนัท : ใช่

ดิ๊บ : ผมไม่ได้บอก เขาเลิกผมเลยนะ เลิกอยู่คนเดียวเลย เดี๋ยวโน่นก็เลิก เดี๋ยวนี่ก็ถอดแหวน แล้ววางไว้ตัวหายไปไหนก็ไม่รู้

ที่ต้องปรึกษา นักจิตวิทยา เพราะว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของชีวิตคู่หรือเปล่า?

โดนัท : ใช่ ล่าสุดที่เราไปมาช่วงมกราคมก็คือทะเลาะกันหนักมากๆ แล้วเราตัดสินใจแล้วว่าเราเลิกแน่นอน เพราะว่าเราไม่ไหวแล้ว มันเหมือนกับว่าเราไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง ไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไรเลย แต่พอมันถึงจุดที่เรามีลูก แล้วชีวิตสามี-ภรรยา มันต้องถูกแชร์ให้กับอีกคน มันเลยทำให้เหมือนกับอิ่มตัว แล้วเราก็เหมือนเบื่อซึ่งกันและกันด้วย เริ่มอยากไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง ก็ทะเลาะกัน ถอดแหวนเก็บ แล้วไปหาคุณหมอ คุณหมอเขาพูดมาคำนึงว่าสุดท้ายแล้วตัดสินใจเอาเองว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน แต่ถ้าคิดว่ายังรักกันอยู่ก็มาหาทางออกซึ่งกันและกันดีกว่า

แล้วได้เจอทางออกไหม?

โดนัท : เจอนะคะ เขาก็มีสติมากขึ้นจากการได้ยินนักจิตวิทยา พูดให้ฟัง เราก็มีสติมากขึ้น มองเห็นว่าตัวเราไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่อง ตัวเขาเองก็ไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่อง ถ้าเรายอมลดคนละครึ่งแล้วมาเจอกันตรงกลาง มันก็จะทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวไปต่อ และที่สำคัญเลยคือลูกด้วย เวลาเราทะเลาะกันหรือเขาเห็นเราซึมๆ เขาก็จะเดินมาถามแล้วแม่เป็นอะไร ปะป๋าทำอะไรแม่แม่เหรอ ถ้าป๋าทำเดี๋ยวฟาไปจัดการให้

เห็นว่าระหว่างที่ ปรึกษา มีทะเลาะกันต่อหน้า นักจิตวิทยา ด้วย?

โดนัท : มีตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง เราแค่เถียงกัน เหมือนแบบไม่ยอมรับความจริงไง จนคุณหมอให้แยกคุย ปรึกษา ทีนึง 3 ชั่วโมง แล้วคุณหมอไม่เคยบ่นอะไรเลย แล้วฝากการบ้านให้ไปทำตลอด

แล้วทำไมน้องถึงชื่อฟาฟา?

โดนัท : ตอนแรกจะให้ชื่อ น้องกุญแจฟาดีไหม พอดีไปสะดุดหนังเรื่องพรจากฟ้า แล้วนางเอกชื่อฟา แล้วอีกอย่าง แม่เป็นนักร้อง พ่อก็เป็นนักร้อง เราก็เลยให้ชื่อน้องฟา แต่สมัยนี้สักสองพยางค์แล้วกัน เป็น ฟาฟา ไม่เหมือนใคร

แต่พี่ดิ๊บกลัวมากไม่กล้ามีลูก เพราะอะไร?

ดิ๊บ : คือบางทีเราอยากจะไปในสิ่งที่เราทำบ้าง ไปเที่ยวไปอะไรอย่างนี้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบ

แต่ภรรยาเขาเม้าท์ว่าไม่อยากมีลูก เพราะกลัวอยู่ไม่ถึงลูกรับปริญญา?

ดิ๊บ : ถึงสิ ไม่ถึงได้ยังไง

แสดงว่าคนนี้โดนัทอยากมี?

โดนัท : ตอนแรกอยากมี แต่พอมีจริงๆ แล้วไม่กล้ามีอีกเลย

ใช้เวลา 4 ปีในการผลิตน้องฟาฟา?

ดิ๊บ : มันทรมานมาก

โดนัท : มันไม่ได้มีกันง่ายๆ

ดิ๊บ : ทริคมันเยอะมากเพราะว่าถ้าคุณคิดจะมีลูกสาว ช่องคลอดจะต้องเป็นด่าง

โดนัท : ต้องยกขาสูง ยกขาลอย แล้วต้องนับวันที่ไข่ตกด้วย

ทำให้เป็นด่างคืออะไร?

โดนัท : อาจจะใช้น้ำส้มสายชูล้างก่อน แต่เรายังไม่เคยล้างนะ เราแค่ศึกษา

ดิ๊บ : อันนี้เรื่องจริง

โดนัท : แล้วพอท้องปุ๊บ แพ้ท้องหนักมาก จะฆ่าตัวตายตลอดเวลา อยู่คนเดียวไม่ได้

ดิ๊บ : เขาคลานไปกับพื้นเลยครับ

โดนัท : เหมือนผีเข้า ช่วงเดือน สองเดือน

ดิ๊บ : อันนั้นกินยาจริงๆ เข้าโรงพยาบาลจนคุณหมอบอกว่าต้องพอแล้วนะ เพราะมันสุดแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะมีผลกับเด็กแล้ว เหมือนจะ 4 เดือนแล้วอะไรอย่างนี้

โดนัท : แล้วเราอยากทำแท้งตลอดเวลา เพราะว่าไม่อยากมีแล้ว เราทรมานกับร่างกาย แล้วอีกอย่างตอนนั้นเราเด็กด้วย

เห็นบอกว่าตอนที่ท้องใหม่ๆ ดิลกับภรรยาห้ามสปอยลูก ห้ามตามใจลูกเด็ดขาด แล้วสุดท้ายตอนลูกเกิดมาภรรยาสปอยลูกขนาดไหน?

ดิ๊บ : ของเล่นมีทุกอย่าง

แต่เห็นบอกแพ้พี่ พี่สปอยลูกหนัก?

ดิ๊บ : เวลาเขาจะมาขอของเล่น เขาจะบอกว่าชอบอันนี้จังเลย เขาก็เปิดแอพเอามาให้ดู เราก็จัดการซื้อเลย

โดนัท : แต่ถ้าไปเดินห้างเราจะไม่ซื้อให้เลย

ดิ๊บ : เราให้เขารู้จักกับความผิดหวังบ้าง

เป็นอีหนึ่งครอบครัวที่น่ารักมากๆ แม้ว่าจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ยังมีความรักให้กันตลอดเวลา และเป็นครอบครัวที่อบอุ่น น่ารักเลยทีเดียว เห็นว่าหนุ่ม ดิ๊บ อยากมีลูกสาวเพิ่มมอีกหนึ่งคน ก็ขอให้น้องมาเร็วๆนี้นะคะภาพจาก IG dipboyscout