ดีเจเจ๊แหม่ม โอด โควิด กระทบหนัก ทำ รายได้หาย

ดีเจเจ๊แหม่ม โอด โควิด กระทบหนัก ทำรายได้หาย เผย ธุรกิจร้านอาหาร รายได้เป็นศูนย์ คาดจะทนถึงปิดสิ้นปีนี้

เรียกว่ากระทบกันหมดเลยจริงๆกับการแพร่ระบาดของ โควิด ที่ระบาดอย่างหนักในตอนนี้ โดนกันทุกสาขาอาชีพ เช่นเดียวกับ ดีเจเจ๊แหม่ม วินัย สุขแสวง ที่ก็โดนพิษ โควิด เล่นงานด้วยเช่นกัน โดยเจ้าตัวเผยว่าภาพจาก IG djjmam

“โดนกันหมดเลยครับ กระทบหนัก เลย อีเว้นท์ไม่ต้องพูดถึงเลยนะ เป็นศูนย์ติดลบไปเลย รายการทีวีตอนนี้ก็ถ่ายกันยากมาก มันไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พี่เองก็ไม่ได้ทำรายการทีวีมาตั้งแต่ โควิด ประมาณสองปีแล้ว ไม่ได้ทำรายการสดมา ตอนนี้ก็หันมาทำรายการแบบออนไลน์ ทำช่องตัวเอง ชื่อว่า ไลฟ์ชีวิตสาระ ไลฟ์สาระ ก็ทำรายการเกี่ยวกับความรักได้ทำไป 3 เทป โควิด มาอีกพังอีก จะทำสตูเพื่อจะถ่ายเซ็ตทีมงานขึ้นมา ก็พังอีกพังหมดเลย ทำอะไรไม่ได้ โชคดีว่าถ่ายไป 3 เทป 3 เทปนั้นก็ลอยอยู่กลางอากาศตอนนี้ โปรเจกต์ที่คิดว่าจะทำสตูก็หยุดหมด สัญญาเช่าที่เซ็นกันไว้ก็เละหมด เราก็ต้องบอกเขาว่ามันโดนผลกระทบกันหมดเลย ส่วนใหญ่ตอนนี้พี่ก็จะมามุ่งกับการทำออนไลน์มากกว่า เพราะว่าไลฟ์สไตล์คนมันเปลี่ยน ไม่ได้อยู่หน้าจอทีวีตลอดเวลา ส่วนใหญ่ก็อยู่หน้าสมาร์ทโฟน มือถือ เวลาอยู่หน้าสมาร์ทโฟนก็ดูอะไรก็ได้ เราก็ทำอะไรที่คนชอบหรือคนสนุก เขาชอบแบบนี้เป็นบวกกับสไตล์เรา เราก็ทำไป เพราะฉะนั้นโควิดสามช่วงเวลาที่ผ่านมาโดนผลกระทบหนักมาก หนักกันหมดนะครับ”

รายได้หาย ไปขนาดไหน ลดลงไปประมาณกี่เปอร์เซ็นต์คะ?

“โอ้โหพี่ว่าก็ 100% นะครับ เพราะว่ามันทำอะไรกันไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เราเลย นักร้องเองก็รับงานไม่ได้ รวมไปถึงคอนเสิร์ต หรือแม้แต่เราไปถ่ายรายการเขาก็ตีว่า การทำกิจกรรม ทำกิจกรรมไม่ได้ก็จบไง พัง พังกันหมดครับ ตอนนี้ก็กินสมบัติเก่าครับ ก็กินบุญเก่าอ่ะ พี่ว่าทุกวันนี้ทุกคนก็เป็นอย่างนี้หมด แต่ทุกคนก็ไม่ได้ว่ามีเงินถุงเงินถังเพียงพอ เราก็ไม่รู้ว่ามันจะไปจบตรงไหน ท้ายสุดก็คือว่ามันก็แยกกันไปหมดพ่อค้าแม่ค้าเอง ก็โดนปัญหาเหมือนกัน เราเองคนในวงการเองนักร้อง ดารา ก็ถ่ายไม่ได้ ละครก็โดนยกเลิกคิว พิธีกรก็จัดงานไม่ได้ ทีวีก็รวมตัวกันถ่ายไม่ได้อีก ธุรกิจร้านอาหาร ก็พังหมด ตอนนี้ยังจ่ายค่าเช่าอยู่เลยครับเนี่ยจ่ายค่าเช่ามา เป็นล้านแล้วอ่ะ จ่ายค่าเช่าเดือนนึงตั้งหลายหมื่น”

แล้วพนักงานล่ะคะ?

“พนักงานก็ต้องหยุดไปครับ เพราะว่าเราไม่ได้ขายออนไลน์เราขายแต่หน้าร้านอย่างเดียว หลักๆคือนักท่องเที่ยวจีน ชาวต่างชาติที่เขามากินอาหารที่ร้านเรา เพราะนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไม่ได้ รายได้เป็นศูนย์ เลยนะ ร้านพี่เปิดที่เอสพลานาดตลาดรถไฟ รัชดา พี่แบกค่าใช้จายมาเกือบสามปีแล้ว จ่ายค่าเช่ามาทุกเดือน จ่ายค่าเช่าทุกเดือนจริงๆจ่ายหนักมากด้วย จ่ายมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทางออกของชีวิต ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ยังไม่ได้เห็นแสงปลายอุโมงค์เลยว่ามึงจะรอดหรือไม่รอด คิดไปเอง มโนไปเองว่า เดี๋ยววัคซีนมาทุกอย่างน่าจะดีขึ้น เดี๋ยวนักท่องเที่ยวมา ก็เลยคิดว่า จะทนจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งก็คาดว่าไม่ต่างจากตอนนี้หรอกถ้าจะยกเลิก ในมุมพี่นะ ที่บ้านก็บอกให้ลองดูถึงสามปีแล้ว เพราะว่าเสียดาย วันนี้ที่น้องมาถ่ายก็สถานที่เพื่อนพี่ ที่นี่เป็นตลาดโครงการตลาด ไวท์แอลลี่ พอนั่งทางไม่ได้ ร้านก็อยู๋ไม่ได้ นี่ก็แย่เหมือนกัน”

เครียดไหมคะ?

“มันก็เครียดนะครับ แต่ว่ามันทำอะไรไม่ได้ ทุกคนก็เครียดเหมือนกันหมดแล้ว ยิ่งถ้าเครียดมันก็ไปกดภูมิต้านทานของตัวเอง ให้ดรอปลงอีก เพราะฉะนั้นมันก็ต้องรับสภาพให้ได้ อยู่กับมันให้ได้ เรา เอือมกับระบบบริหารจัดการ เราเองก็ไม่ได้อยากพูดอะไรเยอะ เพราะสิ่งที่เราจะพูดมันเป็นสิ่งที่คนอื่นพูดออกไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเจอปัญหาแบบที่เราเจอ เรายังไม่ได้มีปัญหาใหม่เหมือนอย่างที่คนอื่นเค้าเจอ ปัญหาที่ทุกคนในประเทศเจอมันก็คือปัญหาเดียวกันหมด เราพูดได้แต่เราพูดไปถ้ามันไม่ได้เกิดประโยชน์ มากขึ้น เราก็เป็นพลังอยู่แบบนี้ดีกว่า เราก็รอวันที่ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติ จะด้วยการบริหารจัดการ ดีหรือแย่หรือเลว หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะว่า มันไม่ใช่มีแต่เราคนเดียวที่รับชะตากรรมนี้ถูกไหม ทุกคนในประเทศก็กำลังรับชะตากรรมนี้อยู่เหมือนกัน แค่ระบบบริหารจัดการของเรามันแย่”

“นาทีนี้คือตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้ว นาทีนี้ตนไม่ได้เป็นที่พึ่งแห่งบุคคล ที่คิดว่าจะทำงานให้เราได้แล้ว อันนี้เราพูดในยุค 2021 แล้วนะ สมัยเด็กเด็กเราโตมาเราเห็นวิธีการจัดการ บริหารจัดการของบ้านเมืองเรา เราก็รู้สึกว่าเค้าก็ทำงานกันเนอะ แต่พอยุคนี้โลกมันเปลี่ยน คนมันฉลาดขึ้น คนมันหาข้อมูล วิเคราะห์เจาะลึก เราก็เอาข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลกับตัวเอง เราก็จะรู้ว่าปัญหาที่มันเกิดขึ้นมันจะมีทางออกอย่างไรบ้าง หาวิธีกันไป แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จะทำยังไง ในมุมของเจ๊แหม่ม ก็ต้อง อดทน ใช้คำว่าอดทนอย่างเดียว สู้เท่าที่เราจะทำได้คิดอย่างเดียวว่า ขนาดว่าเรายังมีกินมีใช้ ทุกวันนี้มันก็ยังลำบาก แล้วคนที่เค้าไม่มีกินไม่มีใช้ เค้าลำบากกว่าเราไม่รู้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องยืนอยู่ในจุดที่คิดว่ามีคนที่ลำบากกว่าเราอีก แต่เราก็ต้องเกาะกลุ่มกันเพื่อ จะหลุดพ้นกับภาวะ บ้าบอตรงนี้ออกไปให้ได้”

“ไม่ว่าจะเป็นภาวะโรค โควิด ภาวะระบบจัดการบริหารทั้งหลายแหล่ ไม่มีวันไหนเลยที่ตื่นมาแล้วจะได้รับข่าวดีในเรื่องการจัดการบริหาร เรื่องวัคซีน หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันมีแต่เรื่องห่วยแตกเต็มไปหมด มันก็เป็นพลังลบเข้ามาที่ตัวเอง เพราะฉะนั้นวิธีการก็คือเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็กลับมาดูแลชีวิตตัวเองเท่าที่เราจะทำได้ ว่าอันนี้เป็นภูมิต้านทานที่ดีที่สุด ในการที่เราจะดำเนินชีวิตต่อไป ในภาวะวิกฤตแบบนี้ แล้วก็ต้องผนึกกำลังกันแล้วก็ต้องรักกันมากขึ้น อย่าด่ากันอย่าเกลียดกัน เพราะเราเจอปัญหาเดียวกันเราควรจะรัก คนที่เขารักเรา แต่เราไม่ควรจะรัก คนที่เขาไม่รักเรา อันนี้เป็นเรื่องตรรกะที่เข้าใจได้ ไม่ใช่ตรรกะป่วยอะไรทั้งสิ้น เลือกคนที่รักเราดีกว่า คนที่ไม่รัก เราก็ปล่อยมันไปหาคนที่รักมาเป็นพลังใจ ให้เราขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ดีกว่าครับ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดใน ภาวะทุกวันนี้”

แอดว่า ตอนนี้ทุกคนต้องดูแลตัวเอง เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน การ์ดห้ามตก เพื่อที่เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันนะคะ