ถกทิศทางคดี แตงโม นิดา หลัง ทนายเดชา ถอนตัวจากการเป็น ทนายแม่

ถกทิศทางคดี แตงโม นิดา หลัง ทนายเดชา ถอนตัวจากการเป็น ทนายแม่ พร้อมพูดคุยกับ บังแจ็ค ทุกกรณี

หลังจากที่อดีตทนายของคุณแม่อย่าง ทนายเดชา ได้ออกมาเผยว่าตนได้ถอนตัวจากการเป็นทนายแม่ และการทำคดีการเสียชีวิตของ นักแสดงสาว แตงโม นิดา หรือ แตงโม ภัทรธิดา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้คุณแม่จะมอบหมายให้ทีมกฎหมายพรรคไทยศรีวิไลย์ ของ ส.ส. เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นผู้ดูแล คดีแตงโม และทุกคดีหลังจากนี้ไป

และล่าสุด ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายคนแรกของคุณแม่ และคณะทำงานด้านกฏหมาย ติดตาม คดีแตงโม ของ ส.ส. เต้ มงคลกิตติ์ ก็ได้ออกมาเผยผ่านรายการ ถกไม่เถียง ว่า เมื่อเช้านี้ พอรู้ข่าวก็ตกใจพอสมควร จึงอยากจะพูดคุยกับทีมงานอีกครั้งหนึ่งว่าแนวทางหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ ส่วนแนวทางเดิมที่เคยดำเนินไปแล้วก็ยังคงยึดมั่นในจุดยืนต่อไปอยู่ ด้านของ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ก็ให้เขาดำเนินการในส่วนของเขาไป ให้เขาเป็นที่ปรึกษาของ พนิดา ศิริยุทธโยธิน คุณแม่ แตงโม ส่วนตนเป็นหัวหน้าทีมกฎหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์ จะเดินหน้าในส่วนนี้มากกว่า ทั้งนี้เราเห็นตรงกันเรื่องจุดตกของคุณ แตงโม

ส่วนความสัมพันธ์กับคุณแม่ ตนยอมรับว่าตอนจบกับคุณแม่ครั้งแรก ตอนนั้นก็น้อยใจนิดหน่อย แต่ตนจะพยายามมองบวก และจะนำประสบการณ์ที่เจอมา นำมาแก้ไข และตนจะไม่โกรธคุณแม่ เพราะนับถือเหมือนแม่คนที่สอง ตนเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ว่าท่านขาดอะไร ตนมองว่าการที่คุณแม่ปลดมันเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ตนกลับมาพิจารณาตนเอง ก่อนเข้ารายการได้คุยกับคุณแม่แล้ว คุณแม่ไม่ได้โกรธตน ตั้งแต่คลุกคลีกับคุณแม่ จึงให้ ส.ส. เต้ ฝมงคลกิตติ์ ดำเนินการด้านกฎหมาย ทั้งนี้ไม่เคยทราบเรื่องที่คุณแม่นำโทรศัพท์ให้ บังแจ็ค เลย รู้เพียงว่าคุณแม่นำโทรศัพท์ให้กับพนักงานสอบสวนเท่านั้น

กรณีของ บังแจ็ค นั้น เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 65 บังแจ็ค เคยโทรหาตน โดยบอกว่าได้คุยกับ โม อมีนา เพื่อนสนิทของ แตงโม และได้อธิบายเรื่องราวต่างๆ ทาง โม อมีนา ก็เข้าใจ เลยโทรมาแจ้งตน ส่วนเรื่องโพสต์ต่างๆ เขาก็ยอมรับกับตนว่าเป็นคนทำ และเขาบอกว่าจุดประสงค์ของเขา ทำเพื่อต้องการช่วยคุณ แตงโม ส่วนเรื่องเสียหายของ บังแจ็ค ตนขอไม่แสดงความคิดเห็น เพราะข้อมูลตอนนี้ออกมาแค่ฝ่ายเดียว ในฐานะทนายจึงขอให้อยู่ในดุลยพินิจก่อน

ด้าน บัญชา สุชญา เจ้าของเพจ ทนายอู๋สู้คดีเคียงข้างคุณ เผยเรื่องการจัดตั้งทนายชุดใหม่ของคุณแม่ว่า จะมีการแถลงข่าวอย่างแน่นอน ในส่วนของการฟอร์มทีมนั้นขอแยกทีละส่วน ส่วนแรกคือ ที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ออกมาเปิดเผยว่าถอนตัวจากการเป็นทนายความของคุณแม่แล้ว ท้ายที่สุด การตัดสินใจต้องขึ้นอยู่กับคุณแม่ ซึ่งตอนนี้คุณแม่ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไร เพียงแต่ ทนายเดชา ออกมาพูดเองก่อน หลังจากนั้นค่อยมาดูกันว่าพรรคไทยศรีวิไลย์จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งต้องมีการแต่งตั้งอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อถึงจุดนั้นจะทำให้เรื่องนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังมีทีมของ อัจฉริยะ อยู่ ที่จะทำงานร่วมกัน โดยมีทนายความที่จัดตั้งเข้าไปในสำนวนเป็นทนายความหลัก

บัญชา ให้ความเห็นต่อไปว่า คดีนี้เป็นคดีที่ใหญ่และมีความซับซ้อน หากฟ้องเองโดยตรงไปยังศาล จะต้องมีทีมรวบรวมพยานหลักฐาน เสมือนเป็นพนักงานสอบสวน และทนายที่จะฟ้องไปในชั้นศาล เสมือนเป็นพนักงานอัยการ ซึ่งทนายจะทำหน้าที่ฟ้องเองทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าศาลจะรับฟ้อง จะต้องมีการไต่สวน หากวันนี้จะกล่าวว่าคุณแม่จะให้ใครเป็นผู้ดูแลคดีนั้นยังตอบไม่ได้ จะต้องได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียก่อน สมมติมีการแต่งตั้งอย่างเป็นกิจจะลักษณะแล้ว คำถามที่ว่าจะเดินหน้าฟ้องเองหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้ จะต้องดูหลักฐานที่ อัจฉริยะ รวบรวมมาทั้งหมดก่อน เพราะวันนี้ทุกคนมีความเชื่อร่วมกันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน ซึ่งการเดินหน้าต่อนั้นหลักฐานตรงนี้จึงสำคัญ ซึ่งจะเป็นส่วนหลักในการตั้งสำนวนขึ้นมาใหม่ว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง แต่การจะบอกว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางเลยนั้นก็ยังเร็วไป จะต้องรวมข้อมูลจากหลายองค์ประกอบทั้งจาก อัจฉริยะ จาก พ.อ.นพ. ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จาก พญ. คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ และอาจต้องมีนักกฎหมาย ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ โดยทางพรรคตั้งใจว่าอาจเป็น ชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา ดังนั้นตอนนี้หากสรุปว่า ทนายเดชา จะไม่เป็นทนายของคุณแม่แล้ว และทางทีมของตนจะเข้าไปแทนนั้นอาจจะยังสรุปไม่ได้ จนกว่าคุณแม่จะออกแถลง และจัดตั้งอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ บัญชา กล่าวขอบคุณ ทนายเกิดผล ในความห่วงใย และอธิบายว่ากรณีของ บังแจ็ค นั้นยังไม่ได้พูดชัดทีเดียวว่าจะมาเป็นทีม แต่ตนกำลังพยายามจะจั่วหลักฐานจาก บังแจ็ค เพราะขนาดมือถือส่วนตัวของคุณ แตงโม ยังตกไปอยู่ในมือ บังแจ็ค ได้ และก่อนหน้านี้มีกรณีผ้าสีขาว ซึ่งหากว่าผ้าผืนนั้นเป็นของคุณ แตงโม จริง ๆ เช่นเดียวกันกับมือถือแล้ว จะทำให้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองอีกครั้ง นอกจากนั้น บังแจ็ค ยังมีข้อมูลการติดต่อกับตัวละครสำคัญหลายตัวที่น่าสนใจ ซึ่งเราพยายามที่จะรวบรวมข้อมูลต่างๆ มาปะติดปะต่อให้เกิดหลักฐานในการตั้งสำนวนขึ้นมาใหม่อย่างที่เคยเอ่ยไปเท่านั้น

ท้ายสุดมีคำถามชวนให้คิดไว้ว่า ระหว่างหลักฐาน บังแจ็ค กับ คำพูดจากปากของ 5 คนบนเรือนั้น จะเลือกเชื่อใคร? ตอนนี้มือถือของคุณ แตงโม ไปอยู่ที่ บังแจ็ค แล้ว ซึ่งอาจจะยังมีข้อมูลที่ยังไม่เผยออกมาก็ได้ ส่วนตัวแล้วมองว่าอย่างน้อยก็เป็นหลักฐานชุดประจักษ์ที่น่าเชื่อถือได้มากกว่าเพียงแค่คำพูด

ขณะเดียวกัน ทนายเกิดผล แก้วเกิด มองประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมาคำพูดของ บังแจ็ค อาทิ เรื่องผ้าสีขาว ถามว่าทุกวันนี้ ส.ส. เต้ ได้รับผ้าสีขาวไว้พิสูจน์หรือยัง และสิ่งที่ บังแจ็ค ได้เป็นหลักฐานนั้นชัดเจนแค่ไหน ดังนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์และทีมกฎหมายต้องกลั่นกรอง มิใช่ว่า บังแจ็ค พูดอะไรแล้วจะต้องเชื่อเสมอไป ส่วนตัวแล้วตนไม่เชื่อ บังแจ็ค เลย สิ่งที่เผยออกไปจนเกิดผลเสียกับคุณ แตงโม นั้น บังแจ็ค ทำไปเพื่ออะไร

ประเด็นเรื่องโพสต์ส่วนตัว “มึงต้องเกลียดลูกขนาดไหน มึงถึงทำร้ายลูกได้ขนาดนี้” ตนยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์เอง และยอมรับว่าเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพ เพราะตนไม่นับถือ เนื่องจากคนรักลูกจริง คนเป็นแม่ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของลูก ลูกตายไปแล้วต้องรักลูกจนวันตาย ให้สมกับพูดที่ว่าอยากให้ลูกเกิดมาในชาติหน้าเป็นลูกแม่อีก อยากถามว่าถ้าลูกรู้เช่นนี้เขาจะอยากเกิดใหม่หรือไม่ และเท่าที่ทราบมา ล่าสุด บังแจ็ค เผยว่า ทุกภาพ ทุกรูป คุณแม่อนุญาต ตนจึงสงสัยว่า รวบทั้งคลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสมด้วยหรือไม่ ซึ่งหากอนุญาตจริงก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณแม่รักลูกแบบไหนถึงให้คนอื่นนำรูปส่วนตัวของลูกไปเผยแพร่เช่นนี้

ทนายเกิดผล ให้ความเห็นว่าส่วนตัวแล้วตนไม่ได้เชื่อคำพูดของ 5 คนบนเรือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วก็ยังไม่เชื่อ บังแจ็ค เช่นกัน จนกว่าจะเห็นหลักฐาน แต่ต่อให้มีหลักฐานอยู่ในมือ บังแจ็ค อย่างไร จะเชื่อได้อย่างไรว่า บังแจ็ค ไม่ได้ต่อเติม ตัดแต่งมา

ด้าน ราชา ไฮเดอร์ หรือ บังแจ็ค ได้โทรศัพท์เข้ามาชี้แจงกับทางรายการว่า ตนมีบริษัทฯ อยู่ 3 ที่ คือที่นิวยอร์ก อิลลินอยส์ และแคลิฟอร์เนีย เป็นบริษัทขายกัญชา ซึ่งตอนนี้ตนอยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ คลิปที่ตนมีคือคลิป อ้อนวอนให้รักกันต่อไป จะไม่ทะเลาะ ไม่ทำร้ายร่างกายกัน ส่วนอีกคลิปมันจะประมาณว่าการกักขังหน่วงเหนี่ยวมันผิดกฎหมายนะ ตอนนี้กำลังจะดึงข้อมูลทั้งหมดจากแอปฯหนึ่งในเครื่องของ แตงโม ที่อัดเสียงตอนโทรเข้าโทรออกเอาไว้ และหลังเกิดเหตุจริงๆ แล้วมีการลบรูป 2000 กว่ารูป และบางส่วนที่ถูกลบไปในวันนั้นคือ 15000 ภาพรวมวิดีโอด้วย โดยให้บริษัทฯ นอก เอาซอฟแวร์มาให้ตนกู้รูปภาพ เพื่อไม่ให้ข้อมูลหลุดออกไปข้างนอก ส่วนเรื่องสำรองข้อมูลก็ไม่จำเป็นต้องทำเพราะไอคลาวด์ (iCloud) มันสำรองข้อมูลไว้อยู่แล้ว