​​ ทนายตั้ม รับทำคดีให้ พอร์ส นรากร พร้อมอัปเดตล่าสุด

​ ​​ทนายตั้ม รับทำคดีให้ พอร์ส นรากร พร้อมอัปเดตล่าสุด หวังให้น้องได้รับความเป็นธรรม

จากกรณีข่าวก่อนหน้านี้ ที่ทางค่าย EXP Entertainment ได้ร่อนหนังสือประกาศถึง พอร์ส นรากร อิสระวรางกูล‘ นักร้องนำวงดนตรีวัยรุ่นเปิดหมวกที่ดังในชั่วข้ามคืนอย่างวง Yes Indeed ว่าทางค่ายอาจจะมีการฟ้องเกิดขึ้นเนื่องจากว่าทำผิดสัญญา และทางผู้ปกครองก็มาขอยกเลิกสัญญา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ขณะที่ครอบครัวน้องพอร์สพยายามคุยกับทางค่ายเพื่อยกเลิกสัญญา น้อง พอร์ส กับเพื่อนก็พยายามทำตามความฝันของตัวเอง เล่นเพลงเปิดหมวกไปเรื่อยๆ จากมีแค่แพนเค้ก ก็มีสมาชิกในวงเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมังกร ทะเล และน้องติน น้องคนเล็กสุด รวมกันในชื่อวง Yes Indeed Band น้อง พอร์ส กับเพื่อนเล่นไปเรื่อยๆ จนมีฐานแฟนคลับมากขึ้นทุกวัน

จนวันที่ 3 มิถุนายน 2565 เป็นวันที่คนแน่นที่สุด เป็นปรากฎการณ์ที่ถนนทุกสายรอบๆสยามสแคว์ติด จนนักข่าวไปทำข่าวแล้วเรียกคืนนั้นว่า วันสยามแตก สื่อทุกสื่อให้ความสนใจแก๊งมัธยมเปิดหมวกวงนี้ มีนักร้องรุ่นใหญ่หลายคนมาร่วมร้องเพลงด้วย หลังจากวันที่ 3 มิถุนายน 2565 ค่าย เริ่มแชร์ข่าว และโพสเรื่องพอร์ส ในช่องทางของตน โดยแจ้งกับสื่อหลายๆสำนักว่าเป็นศิลปินของค่ายตน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดถึงพอร์สมาก่อน ก่อนหน้านี้มีนักร้องรุ่นใหญ่แต่งเพลงให้พอร์สแต่ทางค่ายก็ไม่เอาด้วย แต่หลังจากเป็นข่าวดังทางค่ายโทรกลับไปหานักร้องคนดังกล่าวว่าตกลงเอาเพลงนั้นให้พอร์สร้อง

ทางค่ายรู้ดีว่าคุณพ่อน้องพอร์สพยายามจะยกเลิกสัญญา โดยทุกครั้งคุณพ่อจะบอกว่าเพราะทางค่ายไม่เคยส่งเสริม หรือต้องการปั้นพอร์สจริง ทางค่ายจึงเอารูปที่เคยถ่าย shooting เมื่อเดือน มิถุนายน 2564 หรือประมาณ 1 ปีที่แล้ว มาลงโปรโมทว่า พอร์ส คือศิลปินคนต่อไปของค่ายเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 เพื่อจะได้บอกสื่อว่าตนได้เตรียมให้พอร์สเป็นศิลปินของค่ายและมีค่าใช้จ่ายมาเยอะแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย จริงๆแล้วค่ายไม่เคยส่งเสริมหรือฝึกฝนน้อง พอร์ส เพื่อเป็นศิลปินแต่อย่างใด แม้แต่ตอนน้องไปร้องเพลงเปิดหมวก หรือทำกิจกรรมดนตรีให้ทางค่าย หรือออกงานในนามของค่าย ค่ายไม่เคยสนับสนุนอุปกรณ์ดนตรี หรือเครื่องแต่งกายใดๆให้พอร์ส สิ่งที่ค่ายมักจะทำคือให้น้องพอร์สถ่ายสินค้าให้กับทางค่ายโดยแลกกับเงินเพียงน้อยนิด

หลังจากนั้นค่ายได้โทรไปหาสปอนเซอร์ หรือผู้สนับสนุนของวงทุกคนอ้างว่า พอร์สมีสัญญากับทางค่าย จะติดต่องานอะไรก็แล้วแต่จะต้องผ่านค่าย และจะเก็บเปอร์เซ็นต์ทุกงานที่เกี่ยวข้องกับพอร์ส โดยเคยไปเก็บเงินห้างนึงเป็นจำนวน 30,000 บาท

หลังจากนั้นน้องพอร์ส เพื่อนๆในวงและครอบครัวได้มาหาผม ผมได้ตรวจสอบสัญญาที่ค่าย ทำกับน้องพอร์สแล้ว คือสัญญาฉบับนี้ทำขณะที่ พอร์ส เป็นผู้เยาว์ จึงต้องได้รับความยินยอมจากคุณพ่อน้องก่อน เมื่อดูสัญญานี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว สัญญานี้ส่วนใหญ่ให้สิทธิและประโยชน์กับค่าย แต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ได้มีระบุเลยว่าทางค่าย จะต้องให้สิทธิและประโยชน์กับน้อง พอร์ส เท่าไหร่ หรือเมื่อใด น้อง พอร์ส จึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าตัวเองจะมีรายยังไง เลยไม่สามารถเรียกร้องให้ค่ายจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ให้กับน้องพอร์ส ได้ เพราะในสัญญาไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าค่ายจะต้องจัดหางาน หรือจ่ายเงินเมื่อใด ผมถือว่าสัญญานี้มีแต่ให้ผลประโยชน์กับค่ายเพียงฝ่ายเดียว

แต่ในทางกลับกัน ค่ายกลับได้ประโยชน์จากน้องพอร์ส นับตั้งแต่เซ็นสัญญา สัญญาลักษณะนี้จึงเข้าลักษณะของสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเมื่อสัญญานี้มีลักษณะจำกัดสิทธิ ปิดกั้นโอกาส ทำให้น้องพอร์สเกิดความยากลำบากในการรับงานต่างๆที่ตนเองจะมีรายได้ และที่สำคัญการที่น้อง พอร์ส และเพื่อนๆโด่งดังขึ้นมาได้ ไม่ได้เกิดจากผลงานของทางค่าย แต่เกิดจากความสามารถเฉพาะตัวของน้อง พอร์ส ทั้งสิ้น

และการที่ค่ายออกมาอ้างถึงข้อสัญญาต่างๆ จึงมีลักษณะเอาเปรียบเด็ก และมีเจตนาที่จะมุ่งแต่ขอส่วนแบ่งรายได้ของน้อง พอร์ส เป็นหลัก จึงทำให้น้อง พอร์ส ซึ่งเป็นผู้เยาว์นั้น เสียหาย เสื่อมเสีย เสียโอกาส และเสียรายได้ รวมถึงเป็นอุปสรรคต่อการเจริญก้าวหน้าในอาชีพนักดนตรี จึงเข้าลักษณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 27 วรรค 3 ที่คุณพ่อซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมสามารถบอกเลิกความยินยอมในการที่ผู้เยาว์ทำสัญญาได้ และผมได้ทำหนังสือไปถึงค่ายเพลงดังกล่าว บอกเลิกความยินยอมไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

และนับจากวันนี้หากค่ายมีการแถลงข่าว หรือให้ข่าว ในลักษณะทำให้น้อง พอร์ส เสียหาย สำนักงาน Sittra Law Firm จะดำเนินการทั้งทางแพ่งและอาญาจนถึงที่สุด

ทั้งนี้ทนายตั้ม ยังได้ระบุแคปชั่นเพิ่มเติมด้วยว่า

“อยากให้อ่านกันให้จบและคิดดูนะครับว่าสัญญานี้เป็นธรรมกับน้องไหม”

“ให้เยาวชนโฆษณากางเกงใน จะให้พ่อแม่เขาคิดยังไงครับ”

“คนที่เข้าใจน้องผิด เพราะได้ข้อมูลมาแบบไม่ถูกต้อง กรุณาอ่านด้วยนะครับ ด่าเด็กทั้งที่ตัวเองไม่รู้ความจริง ถ้าไม่คิดจะขอโทษ อย่างน้อยก็ควรแชร์ให้ความเป็นธรรมกับน้อง”

ท่ามกลางชาวเน็ตที่เข้ามาให้กำลังใจมากมาย ซึ่งสำหรับเรื่องราวนี้จะเป็นอย่างไร เราต้องรอติดตามทั้ง 2 ฝ่ายว่าสุดท้ายแล้วจะจบลงที่ตรงไหน หากมีอะไรเพิ่มเติม แอดจะรายงานให้ทราบต่อไปค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
ผิดที่ไว้ใจ หยาดพิรุณ เผยทั้งน้ำตาปมฟ้องอดีตผู้จัดการ