รายการ เป็นเรื่องใหญ่ ได้สัมภาษณ์ ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร และ นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล (หมอกอล์ฟ) เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ กรณีที่ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ถูกพี่ชาย ของนักแสดงสาว แตงโม นิดา เท ก่อนจะมีเรื่องข้อมูลของ ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายของ คุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน ที่ถูกแฉว่าโกงเงินเคยเป็นคดีความเมื่อ 4-5 ปีก่อน
เรื่องทนายตั้ม ษิทรา ทำไมถึงโดนเทครับ?
รณณรงค์ : มันก็ต้องโดนเทสิ ก่อนหน้านี้เราถามไปที่ลูกชายเขา ว่าจะให้เราช่วยยังไงบ้างเพราะเขาจะให้เราเป็นทนายให้ ต่อมาเราบอกว่าไปเคลียร์กับคุณแม่ก่อนนะ เพราะคุณแม่เป็นผู้เสียหายทางนิตินัย เรารู้เลยถ้าเข้าไปอย่างนี้เดี๋ยวแนวทางไปคนละอันปุ๊บเรากลายเป็นหอนเลย
แล้วพอทนายตั้มออกมาเป็นอย่างนี้ก็เหมือนกันอย่างที่คิดเลย?
รณณรงค์ : นี่ไม่ต้องจับยามสามตาเลยหลับตาข้างนึงก็เห็นเลยเนี่ยอนาคตตั้มโดนเทแน่นอน แล้วที่มากกว่านั้นตั้มไลน์มาบอกว่าพรุ่งนี้ไปกับผมหน่อย ไปดูสำนวนคดีนี้
คุณแม่บอกว่าทนายท่านอื่นไม่เก่งพอ สู้ทนายกฤษณะไม่ได้?
รณณรงค์ : สาธุ คุณแม่เห็นว่าคนไหนดีคุณแม่ใช้บริการเลย ทนายทั้งประเทศมี 7 หมื่น 8 หมื่นคนอยากใช้คนไหนคุณแม่ใช้เลย
โฟนอิน “น้องมุข” ผู้เสียหายโทรมาหาผมโดยตรงว่าเคยเป็นผู้เสียหายของทนายกฤษณะ น้องมุขรู้จักกับทนายกฤษณะได้ยังไง?
มุข : เป็นทนายที่เคยติวกฎหมายให้โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานีค่ะ ซึ่งก็มีคุณครูหลายคนที่รู้จักและแนะนำให้หนูไปเรียนค่ะ โดยส่วนตัวคุณครูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เพราะหนูแจ้งคุณครูแล้วเขาก็ตกใจเหมือนกัน
เขาสอนเรื่องกฎหมายเพื่อติวเข้ามหาวิทยาลัย?
มุข : ใช่ค่ะ เพราะตอนนั้นหนูอยู่ประมาณ ม.6 ค่ะ ติวเข้านิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณปี 2018 ค่ะ
เรื่องราวที่เป็นคดีความมันเป็นคดีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร?
มุข : มันเป็นการติวกรุ๊ปที่ไม่ใหญ่แกก็จะเช่าเป็นห้องหนึ่งในคอนโดจังหวัดอุดรธานีซึ่งก็จะมีเด็กและเพื่อนๆ ของหนู 4-5 คนไปติว วันที่เกิดเหตุคือครั้งแรกเลยที่แกขอยืมเงินเป็นช่วงที่เพื่อนหนูกลับหมดแล้วแล้วหนูอยู่ห้องคนเดียว แล้วแกก็บอกว่ายืม 1 หมื่นบาทด้วยความที่ไว้ใจและหนูก็สงสารแกด้วยเพราะแกบอกว่าจะเอาไปจ่ายค่าเทอมน้องหนูก็เลยให้ยืมไป แต่ว่าหลักฐานตรงนี้หาไม่เจอแล้ว แต่ว่ามันจะมีอีกครั้งนึงที่หนูโอน 2 หมื่นค่ะ ภายหลังตรงนี้หนูมีสลิปหลักฐานซึ่งตอนนี้หนูยังไม่ได้คืนเลย แกก็คืนมาแล้วบางส่วน แต่ยังไม่ครบ ซึ่งเงินจำนวน 2 หมื่นยังไม่ได้คืนเลย
แล้วหนูเอาเงินมาจากไหน ตอนนั้นอายุ 18 มีเงินหลายหมื่นให้เขายืมเอาเงินมาจากไหน?
มุข : หนูทำงานช่วยที่บ้านค่ะ เสิร์ฟร้านอาหาร แล้วก็ตอนหนูไปเที่ยวญี่ปุ่นหนูก็พรีออเดอร์ของมาขายด้วย
แล้วเรื่องนี้พ่อแม่รู้เรื่องไหม?
มุข : ตอนนั้นพ่อแม่ยังไม่รู้ค่ะ หนูสู้คนเดียวเลย ที่บ้านก็รู้จักแกหนูไม่รู้จะเริ่มยังไง ตอนนั้นหนูก็เป็นซึมเศร้าไปเลยพักนึง
แล้วพอจะทราบมั้ยว่านอกจากหนูมีผู้เสียหายคนอื่นอีกไหม?
มุข : มีค่ะ ตอนนี้ที่ติดต่อได้หลักๆ เลยเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวคนนี้โดนไปประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท
แล้วได้เริ่มดำเนินคดีหรือเป็นแค่การทวงถามอย่างเดียว?
มุข : หลังจากที่ทวงถามและหนูติดต่อเขาไม่ได้ หนูได้ไปแจ้งความซึ่งก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ถึงขั้นที่เป็นตราครุฑค่ะ อาจมีการโทรหรือมีการดึงเงินอัตโนมัติจากธนาคารหรือเปล่าหนูไม่ทราบขั้นตอนของธนาคารค่ะ หนูตามถึงขั้นที่ว่ารู้ statement หมุนเวียนธนาคารแกตอนนั้นมีเงินอยู่ประมาณ 3 แสนกว่าบาท เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว แต่ว่าพอจะถอนเงินกลายเป็นว่าไม่มีเงินให้ดึงกลับเข้าบัญชีหนู
รู้มั้ยว่ามีผู้เสียหายทั้งหมดกี่คน?
มุข : อันนี้อ้างจากที่หนูโทรไปสภาทนายความจังหวัดอุดรฯ นะคะเพื่อจะขอเบอร์ติดต่อ สภาทนายความเลยบอกว่าเขายืมไม่ต่ำกว่า 20 คนค่ะ เท่าที่ทราบคิดว่าอาจเกินล้านค่ะ
โฟนอิน “ทนายกฤษณะ” วันนี้ไปที่สภาไปทำอะไรครับ?
กฤษณะ : ผมไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมครับ แล้วก็ขอให้คณะกรรมาธิการได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเพื่อดูรายละเอียดของคดีนี้อีกครั้ง แล้วก็อยากให้กรรมาธิการขอข้อมูลในเรื่องต่างๆ เรื่องของการชันสูตรแล้วก็ภาพถ่ายต่างๆ มาตรวจสอบอีกครั้งนึงครับ ซึ่งทางคุณหมอพรทิพย์ก็ได้ร่วมอยู่ในทีมงานนี้ด้วย
แปลว่าไม่ได้เชื่อใจการชันสูตรพลิกศพของตำรวจในปัจจุบันนี้หรือเปล่าครับถึงได้ไปขอยื่นเรื่องเพิ่ม?
กฤษณะ : คือทางตัวผมเองก็ยังเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจอยู่ครับ แต่เพื่อความกระจ่าง และเพื่อความสบายใจของประชาชนที่กำลังติดตามข่าวนี้อยู่ ผมก็เลยเห็นว่าคุณหมอพรทิพย์มีความรู้ความชำนาญทางด้านนี้และเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไปแล้วก็ทางด้านประธานกรรมาธิการท่านก็ได้ทำคดีที่คล้ายๆ กัน ผมเลยต้องเข้าไปพบและก็ขอความเป็นธรรมเพื่อความเป็นกลาง ทุกฝ่ายจะได้เข้าใจกันครับ
วันนี้มีคนโทรมาหาผมโดยตรงเลยเขาบอกว่าเขาเคยถูกทนายกฤษณะยืมเงินไปที่อุดรฯ แล้วจนตอนนี้ทนายกฤษณะยังไม่ได้คืนเขาเลย รวมๆ แล้วเกือบ 20 คน อันนี้เป็นเรื่องจริงหรือการใส่ร้าย?
กฤษณะ : อันนี้ผมขอชี้แจงนิดนึงนะครับว่าสมัยนั้นผมยังไม่ได้เป็นทนายความและในช่วงนั้นทางบ้านผมประสบปัญหาทางด้านการเงิน และทางคุณพ่อคุณแม่ผมก็เสียชีวิตด้วย ผมก็ยอมรับว่าได้มีการยืมเงินของคนที่รู้จักกัน ก็ยอมรับนะครับว่าเคยยืม และก็ได้ประสานกลับไป แต่ส่วนมากก็จะขอคืนเป็นก้อนเลย ในส่วนนี้ผมก็ได้พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยในช่วงนั้นผมหาไม่ทันจริงๆ
ยอดทั้งหมดประมาณกี่บาทและประมาณกี่คนครับ?
กฤษณะ : ถ้าถามว่ากี่คนเต็มที่ก็ไม่น่าจะถึง 10 คนขนาดนั้นนะครับ ส่วนมากก็จะเป็นคนรู้จักกัน แต่ว่าถ้าถึง 10 คนผมว่ามันเยอะไปแล้วนะครับ ยอดรวมทั้งหมดประมาณแสนกว่าบาทประมาณนี้ครับ
ที่เขาแจ้งผมเขาว่าเป็นคดีความกันแล้ว และเป็นหลักล้านเลย?
กฤษณะ : ถ้าเกิดเป็นหลักล้านนี่ก็คงต้องหาหลักฐานมาให้ผมเห็นแล้วครับ เพราะว่าผมไม่เคยเป็นหนี้อะไรขนาดนั้นครับ เต็มที่ก็ยังยืนยันว่าแสนกว่าบาทครับ
แล้วได้มีหมายจากตำรวจมั้ยครับ เพราะทางผู้เสียหายบอกว่าได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว?
กฤษณะ : คดีอะไรครับต้องสอบถามนิดนึง ชี้แจงนิดนึงนะครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยรับทำคดีแต่ผมยังไม่ได้เป็นทนาย คือผมรับคดีมาแล้วก็มีพรรคพวกที่เป็นทนายกัน แต่บังเอิญว่าในช่วงนั้นมันเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งลูกความกับตัวผมเองมีปัญหาในเรื่องของการไม่เข้าใจกันก็ให้ทนายท่านนั้นดำเนินการไป ทีนี้ผมก็ไม่ทราบว่ามีการแจ้งความผม ผมก็ยอมรับว่าเคยถูกแจ้งความนะครับและผมก็ลงไปเคลียร์อันนี้ก็จบไปแล้ว และมีการถอนแจ้งความไปเรียบร้อย
แล้วข่าวแบบนี้มันทำให้ความน่าเชื่อถือของทนายกฤษณะดูน้อยลงไหมครับ?
กฤษณะ : คือก่อนหน้านี้ผมประสบปัญหาจริงๆ ถามว่าผมซีเรียสมั้ยความจริงก็คือความจริงครับผมก็ไม่รู้จะโกหกไปทำไม ในช่วงชีวิตนึงมันก็มีความผิดพลาดได้ ในเมื่อเราเองเริ่มที่จะตั้งหลักได้ และทำทุกอย่างที่จะสามารถทำมาหากินให้ถูกต้องสุจริตก็คงตอบว่าผมเองไม่โกหกนะครับ และถ้าผมสามารถที่จะดำเนินการใดๆ ได้ และท่านใดที่ยังติดต่อผมไม่ได้หรือติดต่อมาตอนนี้ผมก็ยินดีนะครับก็ยอมรับสถานะตัวเองว่าในช่วงนั้นกำลังแย่
ถ้าตอนนี้ใครอยากจะติดต่อคุณกฤษณะเพื่อประนีประนอมก็ยินดีใช่ไหมครับ?
กฤษณะ : ยินดีครับ ให้เบอร์โทรศัพท์ผมโดยตรงเลยก็ได้ครับ อันนี้ผมพร้อมที่จะไกล่เกลี่ยเจรจา ผมเองไม่เคยจะหลบหนีนะครับ แต่ช่วงนั้นผมวิกฤตจริงๆ ตอนนี้ผมไม่ใช่อย่างนั้นแล้วนะครับ
เป็นทนายมากี่ปีแล้วครับ?
กฤษณะ : ผมได้ตั๋วทนายตอนปี 63 ใบอนุญาตของผมคือ 2461/2563 ครับ
สำหรับคุณหมอ ตั้งแต่มีข่าวมาอยากให้คุณหมอวิเคราะห์ภาษากายของแต่ละคนหน่อย?
กอล์ฟ : จริงๆ แล้วภาษากายผมเริ่มได้ตั้งแต่เขาเริ่มสัมภาษณ์สื่อนะครับ อย่างคุณกระติกเนี่ยตอนแรกด้วยความที่เพิ่งเกิดเรื่องนะครับก็จะมีอาการเหมือนกับเสียงสะอื้นนะครับ และมีบางทีที่เสียงเปลี่ยนเป็นสูงขึ้นไป แต่ช่วงที่เสียงสูงเนี่ยปกติเวลาเล่าเรื่องมือจะผายตลอด แต่ตอนที่พูดถึงคุณโมที่เขาบอกว่าเป็นเสียงสองมีการเอามือหดลง แล้วก็มีการเอามือมาจับแถวหน้าอกด้วย อันนี้แสดงถึงการที่ไม่ค่อยสบายใจ
คนปกติเวลาเราพูดถามมาตอบไป ถ้าจริงใจเขาจะต้องผายมือไปด้วย แต่ตอนนี้ที่พูดถึงคุณโมแล้วมือมันหดไปโดยอัตโนมัติ อย่างตอนที่เรียกแม่ ก็แสดงอารมณ์อีกแบบตอนนั้นเหมือนจะเอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง พยายามจะเอาเหตุผลแทนที่จะมาขอขมา แต่เป็นการที่โต้แย้งเพื่อประเด็นของตัวเอง อย่างตอนที่เขาบอกว่าหนูเสียใจค่ะแม่ แต่เขาส่ายหน้าอาการกายกับปากไม่ตรงกันแสดงว่าไม่รู้สึกจริงๆ แต่ว่าอันนี้ก็ต้องสังเกตไปเรื่อยๆ เพราะเราเห็นแค่จากคลิปสั้นๆ
ขอของคุณแซนนิดหนึ่งนะครับตอนที่ไปสัมภาษณ์กับข่าวเสียงเธอมันจะมีบางทีที่เบาหายไป เหมือนคิดในใจหรือไม่มั่นใจ บางทีมีตอบช้าหรือถ่วงเวลาด้วยการถามกลับ บางทีการถามกลับเพื่อให้เขาได้คิดไม่ใช่ถามมาตอบไปตรงๆ จริงใจ บางเรื่องทำไมต้องพูดเบา มันเกิดมาหลายวันแล้วตอบให้ชัดๆ ไปเลยไหม
อันนี้ไม่ได้เหยียดเพศนะครับ มันเกี่ยวกันไหมกับการที่คุณแซนเป็นทราน?
กอล์ฟ : ครับ แต่ว่าอันนี้คือไม่ได้เป็นตลอด เป็นเฉพาะบางเรื่องที่จะพูดเรื่องสำคัญ ถ้าจะดัดเสียงก็ต้องดัดตลอดมั้ย แล้วก็มีบางทีมีสายตาหลุกหลิกเวลาออกไลฟ์สด เราไม่รู้ว่าเพราะมองหาสคริปต์ มองหาคนบอกบทหรือเปล่า การเหลือกตาก็เหมือนกัน ถ้าคนที่คิดหรือจินตนาการเรื่องที่ไม่จริงจะมองเหลือบไปทางบนขวา ซึ่งสังเกตได้ว่า มีการเล่าจากจินตนาการไม่ใช่เรื่องจริง นอกจากการที่เราดูท่าทาง ฟังจากน้ำเสียงก็ดูได้ อย่างเมื่อกี้ที่เราคุยกับทนายกฤษณะช่วงต้นของการพูดคุยเสียงจะทุ้มดังแล้วก็ฉะฉาน แต่พอเรื่องยืมเงินมันเป็นคำถามเซอร์ไพรส์ซึ่งเขาไม่รู้มาก่อนว่าเราจะถามแบบนี้อยู่ดีๆ มีจังหวะที่เสียงหายไปสัญญาณไม่ชัด ถ้ามันเป็นจังหวะนรกจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมบอกมันจะเป็นการถ่วงเวลาตอบช้าคิดช้าเป็นการถ่วงเวลา พอตอบเรื่องแบบนี้จะตอบคำว่าน่าจะประมาณอะไรอย่างนี้ จะตะกุกตะกักไม่สมูทแบบเดิม
ถ้าเป็นทนายมันต้องคิดมากกว่าคนปกติมั้ย?
รณณรงค์ : อาจต้องนึกมั้ง พยายามจะนึกหน้าว่าคนที่มาคุยกับพี่เพชรเขาเป็นใครจะได้บอกถูกว่ามันคืออันไหน
กอล์ฟ : แล้วมันจะมีเสียงบางช่วงที่ทนายเขาจะขำๆ นิดนึงนะครับ เรื่องที่ถ้ามีหลักฐานก็เอามาเลยไม่น่าเป็นหลักล้านนะครับ ดูความมั่นใจลดลงและเสียงตะกุกตะกัก
เผื่อใครจะไปดูคลิปย้อนหลังกริยาของคนโกหกที่จับได้ง่ายๆ หรือคนที่แต่งเรื่องไม่ได้เล่าจากความจริงต้องมีอะไรบ้าง?
กอล์ฟ : อันนี้ต้องดูสถานการณ์ประกอบด้วยนะครับ จริงๆ หมอกอล์ฟได้พูดไว้ในเพจคุณหมอสตอรี่ไปดูได้ แต่ดูง่ายๆ ถ้าเราอยากดูว่าคนเราจริงใจหรือโกหกถ้าพูดคนจริงใจส่วนใหญ่จะผายมือ เปิดตัว ไม่ค่อยคุมตัว ต้องสบตา
รณณรงค์ : แล้วถ้าคนพูดถึง 30 ล้านตาต้องเป็นอย่างไร
กอล์ฟ : ตาต้องเป็นประกายสิ 30 ล้านตาต้องมีความสุข
อย่างคุณแม่เวลาให้สัมภาษณ์แบบนิ่งๆ ตาไม่ขยับ เขาอาจเป็นคนสุภาพหรือเปล่ากุมมือพูด?
กอล์ฟ : อันนี้ต้องวิเคราะห์นะครับ จะเป็นการพูดจาฉะฉานน้ำเสียงชัดเจน และไม่มีการตะกุกตะกัก สายตามุ่งมั่นจริงจังแสดงว่ามีความปรารถนาอย่างแรงกล้า แต่ไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องของเงินหรือเรื่องอื่นๆ หรือเปล่า เพราะอาจมีสคริปต์หรืออะไรหรือเปล่า แต่เวลาเธอพูดออกมาสายตามุ่งมั่นอย่างจริงจัง แล้วพอรู้ตัวว่าตัวเองจะยืนกรานแบบนั้น แต่พอมีกระแสข่าวเ