บี​ พีระพัฒน์​ ควงภรรยา ฬินา เปิด​เส้นทางความรัก​ 17​ ปี

บี​ พีระพัฒน์​ ควงคู่ภรรยา​ ฬินา​ ภชศร​ เปิด​ เส้นทางความรัก​ 17​ ปี​ เผยอุปสรรคมากมาย​ ทั้งโดนดูถูก ​พ่อตาไม่ยอมรับ​ พร้อมยอมรับ ช่วง​ โควิค​ จิตตกหนักสุด

เปิดใจ​ เส้นทางความรัก​ 17​ ปี​ ของนักร้องหนุ่มเสียงดี​ บี​ พีระพัฒน์​ และภรรยา​สาว​ นักแต่งเพลง ฬินา​ ภชศร​ ผู้แต่ง​ เพลง​ดินแดนแห่งความรัก​ พร้อมเผยอุปสรรคมากมาย ทั้งเคยโดนเม้าท์​ว่า​ หนูตกถังข้าวสาร​ ไม่เป็นที่ยอมรับของคุณพ่อแฟนสาว​ และเคยทะเลาะหนักจนเลิกกัน​ รับช่วง​ โควิด​ จิต​ตกหนัก​ ไม่ได้ทำงานนาน​ 2​ ปี​ ทั้งหมดนี้ ใน​รายการ​ คุยแซ่บ​SHOW

ความรัก 17 ปี เจอกันได้อย่างไร?

บี : เจอกันที่งานรำลึกสึนามิที่ภูเก็ต มีศิลปินไปเล่นเพื่อหาเงิน เขาก็เป็น​ นักแต่งเพลง​ อยู่ที่ โซนี่ มิวสิค ซึ่งมีคนเอารูปเขามาให้ผมดูก่อนแล้วว่าคนนี้เขาไปเรียนกลองกับเพื่อนผมที่วง เป็น​ นักแต่งเพลง​ ด้วย ผมก็ดูรูป ไม่น่าเชื่อ หน้าตาไม่น่าเป็น​ นักแต่งเพลง

ตอนนั้นรู้ไหมว่ามีคนแอบส่องรูปเราอยู่?

ฬินา : ไม่ทราบเลย ไม่เคยเจอหน้า ได้ยินแต่เพลง ตอนที่ได้ฟังเพลงทีแรก ตอนนั้นเพลงวีนัสออกมา ก็รู้สึกว่าเสียงเขาไม่เหมือนใคร แล้วจิตนาการว่าเป็นผู้ชายตัวใหญ่ แต่พอได้เจอตัวจริงแล้วเซอร์ไพรส์มากเลย คนนี้เหรอ ใช่เหรอ เจอครั้งแรกแอบตกใจว่าเขาเอาพลังมาจากไหน เมื่อก่อนเขาผอมกว่านี้อีก

บี : ผอมกว่านี้ 10 กว่ากิโลกรัม

พอเราเจอเขาตอนนั้นรู้สึกอย่างไร?

บี : ผมว่าก็น่ารักดี ตัวจริงตาเขาเป็นประกาย

พอเจอเขาคุณตามต่อได้อย่างไร?

บี : ตอนนั้นผู้จัดการคนเก่าผมเขาทำงานอยู่ที่โซนี่ แล้วเป็นแม่สื่อให้ ลากเขามานั่งกับผมที่งานรำลึกสึนามิ

ฬินา : วันนั้นยังไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ข้องใจอยู่ แอบมองแว๊บๆ ว่าใช่เหรอ เพราะเสียงกับตัวไม่เท่ากัน

บี : ผมสงสัยว่าหน้าตาแบบนี้แต่งเพลงได้จริงเหรอ ผมอยู่ในวงการ​ ผมไม่เคยเห็น​คนแต่งเพลง​ หน้าตาประมาณนี้ อันนี้ไม่ได้บูลลี่อะไร แค่พูดถึงโดยทั่วไป เห็นเขาแล้วแบบเขาน่ารักด้วย เขาแต่งเพลงได้ด้วย แต่งเพลงได้มันเป็นหนึ่งข้อที่ประทับใจผม

แล้วจีบเขาอย่างไร?

บี : ผมก็ให้ผู้จัดการนี่แหละ ตอนนั้นมันยังไม่มีไลน์ ไม่มีอะไร

ฬินา : เพิ่งมีเฟซบุ๊ก โทรศัพท์ยังเป็นขาวดำ เพิ่งเปลี่ยนเป็นสี

บี : ผมก็ให้ผู้จัดการขอเบอร์โทรศัพท์ ผมใช้คุ้มเลยผู้จัดการผม

ตอนนั้นผู้จัดการบอกว่าอย่างไร?

ฬินา : ตอนนั้นคุยลักษณะเรื่องงานมากกว่า ให้เรามาเขียนเพลงให้พี่บี

เพลงแรกที่แต่งให้คือเพลงอะไร?

ฬินา : เพลงดินแดนแห่งความรัก​ นี่แหละ เมื่อก่อนเวลาฬินา​ จะเขียนเพลงให้ใคร ต้องสื่อสารกับตัวนักร้องก่อน เพื่อที่เขาร้องจะได้เป็นภาษาเขา ทีนี้พอคุยกัน ไปๆ มาๆ มันก็เลยสนิทกัน ก็เลยไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ตรงไหน

แล้วตอนนั้นคุณไปขอเขาเป็นแฟนได้อย่างไร?

บี : เนียนๆ ไป ผมคุยเรื่องงาน แล้วนัดกินข้าว นัดดูหนัง เป็นการทำความรู้จักกัน น่าจะสัก 5-6 เดือนกว่าที่จะเริ่มคบกัน

ฬินา : พอคุยๆ กันก็รู้สึกว่าพี่เขาก็น่ารักดี เหมือนเขาแปลกดี ปกติจะไม่ค่อยได้เจอแนวนี้ จะเป็นนักธุรกิจอะไรอย่างนี้

บี : ตอนนั้นผมรู้หมดว่ามีใครมาจีบเขาบ้าง เราก็มีหมั่นไส้บ้าง

มีเนื้อเพลงอยู่ท่อนหนึ่งที่พี่บีเคยพูดกับฬินา?

บี : ใช่ๆ

ฬินา : ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่เวลา​ ฬินา​ คุยกับพี่บีแล้วมันจะมีคำที่เราประทับใจแล้วโดนๆ แล้วแอบจดไว้ เขาบอกเป็นภาษาพูดไม่เหมือนในเพลง ฬินา​ ว่าไหมเหมือนชีวิตคนเราเกิดมาบางทีเราคิดว่าเรามีความรักมาหลายๆ ครั้งแล้ว แล้วพอมาเจอคนที่ใช่แล้ว แล้วที่ผ่านมามันอาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้นะ ตอนที่เราพูดว่ามันเป็นความรักแล้วเราพูดว่า ฉันรักเธอนะ อยากเอาคืนมาให้หมด เอามาให้คนที่ใช่คนเดียว มันเสียเวลาชีวิต

แล้วมันแปลงเป็นเพลงอะไร?

ฬินา : เพลงดินแดนแห่งความรัก ตอนท่อนฮุก

หน้าตาคล้ายกัน มีคนเคยบอกไหม?

บี : เมื่อก่อนไม่คล้ายนะครับ อยู่ไป อยู่มาเขาเรียนแบบผม

สมัยก่อนตอนที่คบกันใหม่ๆ เขาบอกเลยว่า บี เป็น​ หนูตกถังข้าวสาร?

บี : มีบ้าง แต่ก็ไม่เยอะ แต่ก็มีบางคนที่เป็นเจ้าของหนังสือแล้วก็ชอบเขา แล้วให้ลูกน้องเขียนข่าวว่าผม วันๆ ไม่ทำอะไรตามแต่ผู้หญิง ถามว่าโกรธไหม แรกๆ ก็โกรธ อะไรวะ ก็พาไปเที่ยว ไม่ได้อะไรสักอย่าง ไปกินข้าวก็ต้องเลี้ยง ผมก็บ่นกับเขานี่แหละ ผมคิดอย่างเดียวเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เห็นเอง

พอ​ ฬินา​ เห็นข่าวเราให้กำลังใจพี่บีอย่างไร?

บี : ก็จะบอกพี่บีว่ามันเป็นการโฆษณาการพาดหัวข่าวให้น่าสนใจ เขาก็คงอยากให้คนเข้าไปอ่าน

นานไหมกว่าจะตัดสินใจแต่งงานกัน?

บี : ปีที่ 7 พอดี ถามว่าทำไมรอนาน ก็เพราะว่าพ่อเขาไม่อนุญาต 5 ปีแรก ผมได้ยินแต่ชื่อ ไม่เจอเลย แล้วเคยเจอกันงานแต่งงานพี่ชายเขาครั้งเดียว ผมไปร้องเพลงให้ สวัสดีคุณพ่อ แล้วผมก็พยายามบอก​ ฬินา​ ว่าอยากเจอคุณพ่อ อยากกินข้าวด้วย

ฬินา : พยายามหลายครั้งแล้ว คุณพ่อไม่เลย ไม่ยอม

ตอนคบกัน 5 ปี คุณพ่อทราบไหมว่าเราคบคนนี้?

ฬินา : ทราบค่ะ บอกคุณพ่อตลอด แต่คุณพ่อคิดว่าเด็กๆ คบกันเดี๋ยวก็เลิก แล้วด้วยความที่อาชีพศิลปิน แล้วที่บ้านเป็นนักธุรกิจก็จะชินกับครอบครัวที่จะทำธุรกิจด้วยกัน เขาอาจจะไม่ชินกับศิลปินที่ไม่มั่นคง แล้วคงจะเด็กๆ คบกันเดี๋ยวก็เลิกกันไปเอง

คุณรู้แบบนี้ห่อเหี่ยวไหม?

บี : ครั้งแรกก็เซ็งนิดหนึ่ง แต่โดยอาชีพผม ผมชินแล้วไง เรื่องแบบนี้หมายถึงว่า คนมองว่าอาชีพนี้ไม่มั่นคง ตอนนั้นทั้งๆ ที่มันเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร ร้องเพลงกลางคืน ผมเจอเรื่องแบบนี้จนชินแล้ว ผมก็ได้แต่คิดว่าเดี๋ยวก็เห็น ก็ทำไปเรื่อยๆ

พ่อ แม่ ไม่สนับสนุนแบบนี้ อะไรทำให้คู่นี้ถึงตัดสินใจแต่งงาน?

บี : เรารักกันแค่นั้น จับมือกันแล้วต้องผ่านมันไปให้ได้

แล้วอะไรที่ทำให้คุณพ่อยอมเจอ?

ฬินา : คุณพ่อคงเห็นว่ามัน 5 ปีแล้ว ฬินา​ เป็นคนบอกคุณพ่อว่าคบกัน 5 ปีแล้ว ก็เริ่มนัด

ครั้งแรกที่เจอเป็นอย่างไรบ้าง?

บี : เกร็งมาก ผมตื่นเต้นจมูกบาน ก็เจอกันที่ร้านอาหารข้างนอก แล้วก็คุยกัน มื้อนั้นทำให้เราก้าวมาอีกก้าวหนึ่ง แล้วก็ประทับใจ เพราะว่าคุณพ่อน่ารักไม่เหมือนที่เราคิดไว้ว่าจะมีนัยยะ แต่ปรากฏว่าคุณพ่อดีทุกอย่างเลย ก็เปลี่ยนความคิดไปเลย แล้วหลังจากนั้นก็เจอกันบ่อยๆ

ตอนแต่งบอกพ่อ แม่เขาตอนไหน?

บี : ก็นัดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว แล้วบอกคุณพ่อว่าผมขออนุญาตนะคุณพ่อ ผมอยากจะขอฬินามาอยู่กับผม ท่านก็ยิ้ม

ฬินา : พ่อเขาก็มีเหอะๆ นิดหน่อย แล้วก็มีคุยกับ​ ฬินา​นอกรอบด้วย ว่าการที่คบกันเป็นแฟนแล้วการที่แต่งงานกันจริงๆ มันไม่เหมือนกันนะลูก เราก็ฟัง ตอนนั้นอะไรก็ได้ เป็นเด็กดี

บี : หลังจากที่คุยกันวันนั้นคุณพ่อก็โอเค ในความเป็นจริงเราคบกันมาสักพักแล้ว คุณพ่อก็รู้อยู่แล้วก็อยู่ในสายตาคุณพ่อตลอด วันนั้นคุณพ่อก็ อืม…

เพิ่งครบรอบแต่งงาน 10 ปี?

ฬินา : ใช่ค่ะ 11 พฤศจิกายน

แล้วที่คุณพ่อบอกชีวิตแต่งงานกับเป็นแฟนมันเหมือนกันไหม?

ฬินา : ก็ไม่เหมือน มันมีเพิ่มเติมมา มันเริ่มไม่ใช่คนสองคน มันจะมีเรื่องของครอบครัวเรา ครอบครัวเขา คนมันก็จะเยอะมากขึ้น

บี : มันก็ต้องดูครอบครอบเขาด้วย มันกลายเป็นว่าเราทำอะไรมันก็มีผลกระทบไปถึงชื่อเสียงนามสกุลของเขาด้วย

ต้องปรับตัวกันเยอะไหม เวลาที่เรามาอยู่ด้วยกัน?

บี : เยอะเหมือนกัน

ฬินา : อย่างช่วงแรกๆ เวลาเข้าห้องน้ำ ยิ่งแบบนี้ดึกๆ ฬินา​ เป็นคนดื่มน้ำเยอะ ตอนเย็นๆ เข้าห้องน้ำปุ๊บก้นหล่นลงไปในโถเลย ขาชี้

บี : เขาก็พูดว่าพี่บี ผมก็เอาอีกแล้ว ผมโดนอีกแล้ว

คุณฉี่ไม่เคยยกโถเลย?

บี : ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมยกแล้วผมไม่เอาลง

ฬินา : ใช่ ฬินาก็หล่นลงไปเลย เราก็บอกบ่นหลายครั้ง จนเขาทำจนได้

คู่นี้ทะเลาะกันไหม?

ฬินา : ทะเลาะ เรื่องไร้สาระ

บี : เรื่องหนังยังทะเลาะกันได้เลย

พี่บีดูภายนอกเป็นคนใจเย็นมาก?

บี : เมื่อก่อนผมใจร้อนมาก ตอนนี้ใจเย็นแล้ว เมื่อก่อนถ้ามีอะไรอยู่ในมือผมปา ผมเรียนโรงเรียนชายล้วน ซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวอะไรหรอก ผมอาจจะเป็นคนเลือดร้อนด้วยโดยสันดานหรืออะไรก็ไม่รู้แหละ เมื่อก่อนนี้ ต่อยกำแพงอะไรแบบนี้

อะไรทำให้เราเปลี่ยน?

บี : เขาเลย แต่ตอนคบกันก็ยังเป็นอยู่ ตอนขับรถชอบด่า ใครตัดหน้าไม่ได้เลยไม่ยอม

ทีมงานบอกว่าทะเลาะกับแท็กซี่?

บี : ผมก็เป็นแบบนี้แหละ ผมขับตามแท็กซี่ปาดกันไปหลายแยกแล้ว ประมาณตี​ 3 สมัยนั้นผมยังดื่มอยู่ ยังไม่รู้จัก​ ฬินา ขับตามไปถึงแยก จอดปุ๊บเตรียมตัวลงแล้ว เปิดประตูลงไป แท็กซี่เปิดประตูลงมา ดึงมีดออกมายาวมากแล้วไฟส่องมาแบบเงาแว๊บเลย เหมือนดาบซามูไร ผมก็ถอยสิครับ ขาเราก็มีกลัวอะไร เราขึ้นรถแล้วไปเลย เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าความเป็นกับความตายอยู่แค่เสี้ยวนาที

หลังจากนั้นกลายเป็นใจเย็นลงเลยไหม?

บี : ก็ยังไม่เย็นเท่าไร แต่จะเข็ดเรื่องการลงไป เรื่องแบบถึงตัว จะเริ่มแบบไม่กล้าซ่าแล้ว กลับมาคิดอีกทีถ้าวันนั้นมันมีปืนละ วิ่งก็ไม่ทันนะ

อย่างนี้เวลาคนตัดด่าในรถไหม?

บี : ด่า

ฬินา : เคยๆ คือปกติพี่บีเขาจะค่อนข้างสุภาพก็จะคุยกันปกติ อันนี้คือเมื่อก่อนนะคะพอมีคนปาด หรือขับรถไม่สุภาพบนท้องถนน พี่บีก็เหมือนมีอีกร่าง ตอนหลัง​ ฬินา​ ก็บอกพี่บีว่าพี่บีคนที่ได้ยินอะ พวกนั้นเขาไม่มีใครได้ยินเลยนะ ฬินา​ เป็นคนที่ได้ยิน พี่บีเขาก็เลยปรับ

บี : ผมก็เลยเปิดโลกทัศน์ เออหวะ…เขาคือคนฟัง ผมก็เลยเริ่มปรับ เริ่มเรียนรู้ว่าเวลาเราโมโห เวลาเราโกรธ ถ้าเราพูดคำหยาบเนี่ยมันเหมือนเอาน้ำมันไปราดในกองไฟ ก็เลยเวลาโกรธจะต้องพูดสุภาพ ผมจะเก็บคำหยาบไว้พูดกับเพื่อน

แล้วตอนที่เคยเกือบเลิกกันล่ะ?

ฬินา : ตอนนั้นอยู่ญี่ปุ่น

บี : น่าจะคบกัน 2-3 ปี 

ฬินา : วันนั้นเราไปถึงไฟลท์เช้า แล้วเราก็พักผ่อนกันไม่พอทั้งคู่ ฬินา​ ก็เหมือนอยากถ่ายรูปสวยๆ ก็ใส่บูทยาว รองเท้าส้นเข็มสูง 5 นิ้วประมาณนี้ แล้วเขาเห็นทาวเวอร์ เรคคอร์ด เขาจะวิ่งเข้าไปในนั้น แล้วเขาจะไม่ให้​ ฬินาไปตรงอื่นด้วยนะ ให้เป็นกำลังใจ ให้อยู่ข้างๆ คือเราก็ชอบฟังเพลงนะ แต่ว่าพี่บีแบบฟังจริงๆ แล้วเขาอยู่ในนั้น 3 ชั่วโมงแล้ว เราก็เริ่มเมื่อย เริ่มหน้าหงิกแล้ว แล้วเขาก็บอกว่า​ ฬินา​ ไม่สนับสนุนสิ่งที่พี่รักได้อย่างไร นี่มันอาชีพการงานของพี่นะ แต่พี่บีมัน 3 ชั่วโมงแล้วนะ พี่เพิ่งเข้ามาในนี้แค่ครึ่งชั่วโมง ทำหน้าอย่างนี้แล้วเหรอ

บี : ผมก็โกรธ เหมือนที่ผมคบกับเขา เพราะว่าผมเข้าใจว่าเขารักงานของผม รักดนตรี เพราะผมจะมีปมเรื่องคนที่มาคบกับผม ต้องรับชีวิตผมได้ด้วย รับงานผมได้ด้วยนะ มันถึงจะอยู่กันได้ เพราะว่างานผมไม่ปกติ ทีนี้พอเขาไม่อินกับโลกของเรารู้สึกผิดหวัง นอยด์ไปเอง

แล้วเวลาทะเลากันหยาบไหม?

บี : ไม่หยาบ หยาบไม่ได้

ฬินา : เขาจะแบบจริงจัง แบบเป็นคู่ชีวิตกัน แต่งงานกันแล้วพี่ก็คิดว่า​ ฬินา​ จะเข้าใจพี่ แต่นี่เรื่องงานพี่ เรื่องเพลงพี่​ ฬินา​ ไม่สนับสนุนได้อย่างไร ก็​ ฬินา​ เมื่อยพี่บี ปกติก็ฟังเพลง ชอบด้วยกัน เสร็จแล้วพี่บีก็ไม่เชื่อ คือตัวเองก็เหนื่อยด้วย ฬินา​ ก็อย่างไร​ สลับกันไป

แล้ววันนั้นจบอย่างไร?

บี : เลิกกันเลย

ฬินา : ใช่ อย่างนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ฬินา​ ก็สะบัดไป เดินข้ามถนนไปก็ถึงโรงแรม

บี : แล้วอีก 10 นาทีผมก็ตามไป แต่ในใจคือเลิกจริง คือเราไม่ใช่คนพูดซี้ซั่ว เลิกคือเลิก แล้วบังเอิญเป็นเตียงคู่ แยกกันนอนหันหลัง แบบเลิกแน่ๆ ค่ำๆ เหมือนเราคิดว่าเราทำอะไรผิด เหมือนแบบสติมา

ฬินา : เหมือน​ ฬินา​ ก็เสียใจ ร้องไห้ แต่พี่บีกลับเข้ามาตัวเองก็ตาแดงมากเลย เข้ามาแบบร้องไห้ แล้วสักพักเขาก็มานั่งบนเตียงแล้วมากอด แล้วบอกว่าเย็นนี้เราไปทานอะไรอร่อยๆ กันนะ

แสดงว่าครั้งนั้นทะเลาะกันหนักสุด?

ฬินา : ใช่ค่ะ

บี : แล้วเป็นครั้งเดียวที่พูดว่าเลิก เลิกกัน 5 ชั่วโมง

เวลา​ ฬินา​ โมโหเคยพูดคำหยาบบ้างไหม?

ฬินา : ไม่ๆ โดยธรรมชาติเราไม่พูด

ตอนที่บอกว่าเลิกกันแล้ว ทำไมถึงกลับไปง้อ?

บี : มันรู้สึกเหมือนเราทำอะไรผิดไป ทบทวนไป ทบทวนมา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดที่เราต้องเลิกกับเขาจริงๆ นี่หว่า เราแม่งงี่เง่า มันไม่เคยทะเลาะกันแรงๆ  พอทะเลาะกันมันหดหู่ แล้วแบบเราพูดคำนี้ออกไปได้อย่างไร

คบกันมา 17 ปี อะไรที่ทำให้เราคบกันได้นานขนาดนี้?

ฬินา : อย่างน้อยเราคุยกันรู้เรื่อง พี่บีเป็นคนจริงจังกับเรื่องงานมาก เพลงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชีวิตเขา แล้วสิ่งที่เรารู้เรื่องที่สุดก็เป็นเรื่องเพลง

ช่วง​ โควิด​ เขาบอกว่าคุณสบายมากเลยเหรอ?

บี : ตอนแรกรู้สึกไม่เคยหยุด

ฬินา : ดูทุกเรื่องในเน็ตฟิก

บี : ซื้อทีวีใหม่ เราก็ไม่ได้ทำงานตลอดทุกวัน แต่ 1-2 วันก็ต้องออกไปแล้ว ไม่เคยได้หยุดนานๆ

ฬินา : วันที่ไม่มีงานเขาก็ต้องซ้อม ก็เหมือนทำงานทุกวัน

พอได้หยุดแล้วเป็นอย่างไร?

บี : ตอนแรกเพลินมากเลย ไปซื้อทีวีใหม่ดีกว่า ใช้คุ้มเลย ดูทุกอย่างที่อยากดู

แล้วเริ่มจิตตกตอนไหน?

บี : ตอนรอบหลัง รอบแรกช่วงปลายปีเปิดได้ ผมก็มีคอนเสิร์ตยาวเลย พอ​ โควิด​ มาอีกคอนเสิร์ตก็ถูกยกเลิก โอเคทำใจนิดหนึ่ง เดี๋ยวต้นปีกุมพาก็กลับมามีงาน มีนาปิดอีก ทีวีเริ่มไม่น่าดูแล้ว เอาไปเปลี่ยนเป็นเงินได้ไหม เริ่มแบบทำอย่างไรดี งานเริ่มหายไปเรื่อยๆ ทีนี้เริ่มนาน เริ่มจิตตก เหมือนไร้ค่า ไม่มีประโยชน์อะไรต่อโลกเลยเหรอ

แล้วทำอย่างไรให้เปลี่ยนชีวิตเราได้?

บี : ช่วงนั้นมันมีข่าวลบเยอะ แล้วเราเป็นคนที่ทำงานอยู่กับความสุขตลอด ภูมิต้านทานเรื่องความทุกข์เราจะต่ำกว่าคนอื่น พอจิตตกมากๆ ก็ดาวน์ แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรมาก ตอนหลังอยู่ดีๆ เขาบอกจะขายของไอจี ลูกค้าสั่งของ เขาก็มานั่งสั่งของเอง เพื่อจะได้มีอะไรทำในช่วงโควิด ผมก็เห็นทุกวัน ผมก็รู้สึกอาย เขายังลุกมาทำนู่น ทำนี่เลย ผมจะมานั่งอยู่อย่างนี้ทำไม ผมก็เริ่มได้สติแล้ว ผมจะทำอะไรดี เราร้องเพลงได้ ทำออนไลน์ก็ได้ ทำยูทุบ ทำเพจ ก็เริ่มไปไลฟ์ในเพจ ทำคลิปในยูทูบ เอาเพลงที่เก็บไว้ออกมาปล่อยผ่านยูทูบ

และนี่ก็คือเรื่องราวความรักของ​ บี​ พีรพัฒน์​ และภรรยาคนสวย​ ที่ผ่านอุปสรรค​ต่างๆจนอยู่ด้วยกันมานานถึง​ 17 ปี​ เมื่อได้รู้แบบนี้แล้ว​ ต่อไปแอดคงจะฟังเพลงของหนุ่ม บี​ ได้เพราะไปอีกแบบแน่ๆเลยค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
หญิงแย้ เปิดใจ ทุกเรื่องศัลยกรรม เสพติดหรือไม่?