หยาดพิรุณ เล่าหมดเปลือกหลังขึ้นศาล ปมฟ้องอดีตผู้จัดการ

หยาดพิรุณ เล่าหมดเปลือกหลังขึ้นศาล ปมฟ้องอดีตผู้จัดการ ยันไม่ได้ดังแล้วเปลี่ยนไป รับเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ยังคงเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานานถึง 2 ปี กับกรณีของเน็ตไอดอลชื่อดัง หยาดพิรุณ ได้ยื่นฟ้องอดีตผู้จัดการ เรื่องของการโกงเงิน ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้อัปเดตหลังจากที่ได้ไปขึ้นศาลครั้งแรก และเรื่องนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว โดนโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กของ หยาดพิรุณ ว่า

วันนี้เป็นครั้งแรกที่หยาดได้ขึ้นศาลพร้อมกับทนาย เพื่อมาไต่สวนหลังจากแจ้งความ ‘คดีอดีตผู้จัดการโกงเงิน’ ไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นช่วงต้นเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนตุลาคม 2563 หลังจากที่หยาดปล่อยเพลงโคฟเวอร์ ‘ว่างแล้วช่วยโทรกลับ’ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563

ตอนนั้นมีคนติดต่องานเข้ามาเยอะมาก ทั้งงานร้องเพลง งานรีวิวสินค้า หรือเป็นแขกรับเชิญในรายการต่างๆ จนหยาดไม่สามารถรับโทรศัพท์เองได้ เพราะต้องถ่ายงานทั้งวัน จึงชวนเพื่อนสนิทคนนึงมาช่วยรับงาน ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อเค้านะคะ เพราะเจตนาของโพสต์นี้ ไม่ได้จะมาประจานหรือใส่ร้ายใคร แต่ต้องการเล่าความจริงทั้งหมดให้ทุกคนได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จะได้เข้าใจตรงกัน เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คนถามหยาดเรื่องนี้เยอะมาก แต่หยาดไม่สะดวกตอบจริงๆ เพราะรายละเอียดมันเยอะ และมันมีผลกับความรู้สึกของหยาดมากๆ

ผู้จัดการคนนี้ เค้าเป็นเพื่อนที่หยาดสนิทมากที่สุด เรารู้จักกันมาเกือบ 10 ปีที่เชียงใหม่ เป็นเพื่อนที่หยาดรักที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ รักเหมือนพี่แท้ๆคนนึง รักเหมือนคนในครอบครัว และช่วยเหลือกันมาตลอด เราผ่านเหตุการณ์ต่างๆด้วยกันมามากมาย ทั้งสุขและทุกข์ พอวันที่หยาดเริ่มมีงาน มีเงินมากขึ้น ก็อยากให้เค้าได้มาอยู่ด้วยกัน หยาดรักเค้ามากจนคิดว่า ถ้าวันนึงมีเงินซื้อบ้านก็จะให้เค้ามาอยู่ด้วยกัน ดูแลกันไปแบบนี้ตลอดชีวิตเลย

เรื่องการทำงาน หยาดไม่เคยtreat เค้าแบบเจ้านายกับลูกน้อง แต่ดูแลเค้าเหมือนพี่ที่เรารักและเคารพ เวลาหยาดซื้อของอะไร หรือมีคนให้อะไรมา หยาดจะแบ่งให้เค้าและน้องๆในทีมทุกคน เพื่อไม่ให้มีใครน้อยใจ และถ้าสังเกตุดีๆเวลาไปออกรายการต่างๆหยาดจะขอบคุณเขาตลอด บอกทุกคนว่าเค้าคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกความสำเร็จ เพราะหยาดรู้สึกว่าการให้เกียรติผู้อื่นเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ระหว่างการทำงานเกิดปัญหาขึ้นมากมาย จากการจัดการของเค้า เพราะเค้ารับงานเยอะเกินไป เกือบ 2 เดือนเต็มๆ ที่หยาดทำวันละ 3-4 งาน ซึ่งมันหนักมากๆในตอนนั้น หยาดแทบไม่ได้นอนเต็มที่เลยซักวัน จนมีปัญหาสุขภาพตามมา

เรื่องการรับงาน เราตกลงกันว่า ถ้ามีใครติดต่องานอะไรมา ให้มาถามหยาดก่อนว่าสะดวกรับมั้ย และควรรับราคาเท่าไหร่ เพราะรายละเอียดของแต่ละงานไม่เหมือนกัน แต่เค้าไม่เคยถามหยาดก่อนเลย ตกลงรับงานเอง แล้วค่อยมาแจ้งหยาดทีหลังว่าลูกค้าคอนเฟิร์มแล้ว บางงานหยาดเครียดมาก เพราะกลัวทำออกมาได้ไม่ดี แต่ด้วยความที่เค้าตกลงกับลูกค้าไปแล้ว หยาดก็ต้องรับผิดชอบจนครบทุกงาน

มีครั้งนึงที่หยาดร้องไห้บอกเค้าว่าเหนื่อยมาก ทำไมถึงต้องรับงานเยอะขนาดนี้ เค้าบอกว่าหยาดไม่มีสิทธิ์หยุดทำงาน เพราะเป็นตัวเงินตัวทองของเค้า ตอนนั้นเราก็คิดว่าเค้าพูดเล่นๆ แต่พอรู้ความจริง คือ มันโหดร้ายมากๆ

เรื่องค่าตัวหยาด ที่พี่ๆเอเจนซี่และลูกค้าเมาท์กันในวงในว่า “หยาดพิรุณค่าตัวแพงมาก ค่าตัวไม่คงที่ ติดต่องานยากมาก โทรหาผู้จัดการก็ไม่ค่อยรับ บางงานคอนเฟิร์มกันแล้ว หนีหายไปเลย” ทำให้หลายคนได้รับความเดือดร้อน ขอเรียนตามตรงว่าหยาดไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้เลย จนมีเพื่อนที่เป็นเอเจนซี่มาเล่าให้ฟัง ว่าผู้จัดการทำงานแย่มาก หลายคนเตือนว่า “ถ้ายังเป็นแบบนี้ระวังจะอยู่ในวงการนี้ได้ไม่นาน” พอเราได้ยินเราก็ตกใจมาก เพราะเราคิดว่าเราวางตัวดีมาตลอด และตอนรับงานเอง ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลย หยาดเป็นคนที่เต็มที่กับการทำงานมาก ถ้าใครเคยได้ร่วมงานกันก็จะรู้ แล้วราคารับงานที่หยาดตั้งไว้ ก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น แต่เค้าแอบบวกเงินจากลูกค้าโดยไม่ได้แจ้งหยาดเลย เพื่อเอาส่วนต่างไปเป็นของตัวเอง ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

เรื่องค่าตอบแทนที่หยาดให้เค้า ที่หลายคนคิดว่า หยาดให้เงินเดือนเค้าน้อยไปหรือเปล่า เค้าถึงโกงเงิน บอกก่อนว่า ช่วงแรกเรายังไม่ได้ตกลงเงินเดือนกัน เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีงานเข้ามาเยอะขนาดไหน หยาดก็จะให้เงินเค้าเป็นงานๆ บางงานเรารับโทรศัพท์ลูกค้าเอง คิดคอนเทนท์เอง ผลิตงานเอง แต่เราก็แบ่งเงินให้เค้าโดยที่เค้าไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะหยาดคิดว่าเราอยู่บ้านด้วยกัน ต้องมีน้ำใจต่อกัน

หยาดให้เงินเค้าเดือนแรก 120,000 บาท ซึ่งถือว่าสูงมากๆ ถ้าเทียบกับผู้จัดการของศิลปินดารา หรือinfluencers ท่านอื่นๆจากที่รู้ข้อมูลมา และหยาดมีพนักอีกหลายคนที่ต้องดูแล รวมถึงค่าที่พัก ค่าอาหาร ของใช้ในคอนโด ค่าเดินทางในทุกๆวันของพนักงานทุกคน หยาดออกให้หมดเลย ฉะนั้น เรื่องค่าตอบแทนหยาด หรือการดูแลพนักงาน หยาดคิดว่า หยาดทำสุดความสามารถแล้วจริงๆ

ส่วนสาเหตุที่หยาดต้องแจ้งความ เพราะเค้ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายอย่าง เช่น

1. เค้าหลอกลวงลูกค้าที่มาจ้างงานหยาด โดยการทำใบเสนอราคาปลอม ส่งสำเนาบัตรประชาชน+สมุดบัญชีของเค้ารับเงินแทนหยาด โดยไม่ได้รับอนุญาต มีบางงานที่ลูกค้าโอนเงินให้เค้านานมากแล้ว แต่เค้าก็ไม่ยอมโอนเงินให้หยาด จนหยาดหาหลักฐานมายืนยันว่าลูกค้าโอนมาแล้ว เค้าถึงยอมโอนให้

2. เค้าแอบบวกเงินลูกค้าเพิ่ม เกือบทุกงานตลอด 2 เดือนเต็มๆ โดยเค้าบอกว่าเค้าไม่ผิด เพราะหยาดโอเคกับราคาที่เค้าบอกแล้ว ฉะนั้นส่วนที่เค้าบวกเพิ่มจากลูกค้า มันเป็นของเค้า เรื่องนี้พูดไม่ออกเลยจริงๆเพราะตอนนั้นในน้องๆในทีมทุกคนทำงานกันหนักมาก แต่เค้าฉวยโอกาสที่เราให้เป็นคนคุยกับลูกค้า บวกเงินเพิ่มเข้ากระเป๋าตัวเองแบบสบายๆ โดยไม่นึกถึงคนอื่นๆในทีมเลย หรือไม่นึกถึงคุณภาพงานจากงบประมาณที่ถูกหักออกไป และที่แย่กว่านั้นคือเค้าจ้างเพื่อนๆพี่ๆน้องๆบางคน ให้มาเป็นลูกค้าปลอมโอนเงินให้หยาด เพื่อไม่ให้หยาดรู้ราคาจริง บางคนยอมทำผิดกฏหมาย เพราะเงินค่าจ้างเพียง 500 บาท

3. เค้าหลอกให้หยาดรับงานที่ผิดกฎหมาย จนคนเข้าใจเราผิด เค้าให้หยาดโปรโมทเว็บพนัน ซึ่งตอนนั้นหยาดไม่รู้ว่ามันคืออะไร เค้าบอกว่ามันเป็นเกมส์ที่ทุกคนเล่นกัน ให้พูดแค่ชื่อเกมส์สั้นๆในคลิปท่องเที่ยวที่หยาดทำอยู่แล้ว ตอนแรกก็แอบงง แต่เค้ายืนยันว่าเค้าตรวจสอบทุกอย่างหมดแล้ว ไม่ผิดกฎหมาย เราก็เชื่อใจพี่ อันนี้ก็เป็นอีก 1 บทเรียนว่าต่อไปต้องตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน

4. เค้าหลอกลูกค้าว่าหยาดแพ้เครื่องสำอางกองถ่าย ให้ลูกค้าจ้างเค้าเป็นช่างแต่งหน้าแทน เพื่อที่เค้าจะได้เงินเพิ่มอีกทาง ปล. เรื่องแพ้เครื่องสำอางกองถ่ายไม่จริงนะคะ ถ้าใครเคยแต่งหน้าให้หยาด จะรู้ว่าอยากจอยกับแม่ๆทีมหน้าช่างผมขนาดไหน

5. เค้าปลอมลายเซ็นหยาด เพื่อจะรับเงินค่าจ้างเอง

และมีอีกหลายๆการกระทำ ที่ไม่สามารถเล่าหมดภายในโพสต์เดียว

หลังจากที่หยาดรู้เรื่องทั้งหมด ทั้งเรื่องโกงเงิน หรือเรื่องที่ทำให้เราเสียชื่อเสียงต่างๆ เราก็ขอแยกทางกับเค้าแบบดีๆ ตอนนั้นเค้าไม่มีหน้าที่เป็นผู้จัดการแล้ว แต่เราไม่ได้ประกาศออกสื่อ เพราะคิดว่าไม่อยากทำร้ายเค้าให้เสียชื่อเสียง ต่างคนต่างอยู่ ให้เค้ากลับไปใช้ชีวิตของเขาที่เชียงใหม่ แต่ในความหวังดีของเรา มันเหมือนการขว้างงูไม่พ้นคอ เค้าใช้โอกาสนี้ แอบรับงานจากลูกค้า เพราะลูกค้าคิดว่าเค้ายังทำงานให้หยาดอยู่ เค้าหลอกลูกค้าว่าเค้ายังเป็นผู้จัดการ และมีงานนึงที่เค้าเรียกเงินจากลูกค้าไป 800,000 บาท และจ้างลูกค้าปลอมมาจ้างงานหยาดอีกทีในราคา 300,000 บาท งานนี้เป็นงานที่หยาดตัดสินใจแจ้งความกับตำรวจ เพราะรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว

แต่ที่เสียใจที่สุดของเหตุการณ์นี้ ก็คือ เค้าทำให้เพื่อนๆที่เชียงใหม่เข้าใจหยาดผิดจนถึงทุกวันนี้ โดยที่หยาดไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้อธิบายความจริง เพราะเพื่อนทุกคนเลือกที่จะเชื่อเค้า โดยไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง แต่ตอนนั้นหยาดเหนื่อยมากกับการตามเคลียร์ปัญหาต่างๆที่เค้าทำไว้กับลูกค้า เลยไม่มีแรงจะมานั่งอธิบายให้ใครฟัง หยาดไม่ได้ดังแล้วเปลี่ยนไปเหมือนที่เค้าบอกทุกคน แต่ด้วยงานมันเยอะมากขึ้น และหยาดย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพแล้ว เลยไม่ค่อยมีเวลาได้คุย หรือไปจอยกับเพื่อนๆที่เชียงใหม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ยังรักและคิดถึงทุกคนเสมอนะคะ

มีเพื่อนบางคนถามหยาดว่า “ทำไมไม่ยอมความ ยกฟ้อง แล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันดีๆ”

คุณลองย้อนกลับไปอ่านด้านบน แล้วลองถามตัวเองนะคะ ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะยอมมั้ย การที่เพื่อนทำความผิดขนาดนี้ เราให้กำลังใจได้ ตักเตือนได้ แต่เราไม่ควรส่งเสริมให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ผิด เราไม่รู้ว่าเค้าจะทำแบบนี้กับใครอีก และไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคร้ายคนต่อไป

สุดท้ายนี้ ขอบคุณพี่ๆเอเจนซี่ และลูกค้าทุกท่านที่เอ็นดูและทยอยส่งหลักฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ๆของเค้ามาให้ ทำให้หยาดมีหลักฐานในการไปแจ้งความ

ขอบคุณพี่นิด้าและทีมทนาย ที่สู้มาด้วยกัน มันยากและเหนื่อยมากในการเก็บหลักฐานทั้งหมด

ขอบคุณทุกคนให้กำลังใจหยาดกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางแชทหรือโทรศัพท์ หยาดขอบคุณจากใจจริง มันมีความหมายมากๆ ในวันที่เราเดือดร้อน เราจะรู้เอง ว่าใครที่รักเราจริงๆ

ขอบคุณค่า

เอาเป็นว่าเรื่องของคดีนี้คงต้องติดตามกันต่อไป เพราะเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ หากมีอะไรเพิ่มเติม แอดจะรายงานให้ทราบต่อไปค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
หนูเล็ก ก่อนบ่าย เปิดใจกรณี พนักงานสนามบินชักสีหน้า