อดีตพระกาโตะ เข้าพบตำรวจรับทราบข้อหายักยอกทรัพย์

อดีตพระกาโตะ เข้าพบพนักงานสอบสวน บช.ก. เพื่อรับทราบข้อหา ยักยอกเงินวัด มาให้สีกาตอง และพระคนกลาง เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาว

วันนี้ (17 พ.ค. 2565) เมื่อเวลา 11.00 น. ณ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตพระกาโตะ อายุ 23 ปี นักเทศน์ชื่อดังที่ตกเป็นข่าวฉาวมีความสัมพันธ์กับสีกา เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. และ คณะพนักงานสอบสวนตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “ยักยอกทรัพย์” จากกรณีเบิกถอนเงินวัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราช มาให้สีกาตอง และ พระคนกลาง เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อซักถามรายละเอียดต่างๆ ของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต กล่าวว่า วันนี้ได้นัดหมาย อดีตพระกาโตะ เพื่อสอบปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหา จากการที่พระราชวรญาณ เจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร แจ้งความดำเนินคดีกับ อดีตพระกาโตะ ฐาน ยักยอกทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำในประเด็นการเบิกถอนเงิน ต้องรอให้สอบปากคำแล้วเสร็จ จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ ส่วนเรื่องเงินนั้น ได้มีการตรวจสอบรายละเอียดทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้มีอำนาจในการเบิกเงินของวัด ของอดีตพระกาโตะ เพื่อตรวจสอบว่านำเงินที่เบิกถอนในแต่ละยอดนั้นไปทำอะไร โดย อดีตพระกาโตะ ได้ให้ข้อมูลว่าตามระเบียบของการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีวัด ต้องมีผู้เกี่ยวข้อง 3 คน หรือ 2 ใน 3 คนลงนาม จึงจะเบิกเงินไปได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำว่า มีการเบิกเงินในลักษณะดังกล่าวกี่ครั้ง มีการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่  รวมทั้งต้องตรวจสอบพยานหลักฐานจากธนาคารมาประกอบ ส่วนการแจ้งข้อหาอื่นๆ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ

สำหรับการเชิญตัว อดีตพระกาโตะ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ เนื่องจากตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นำโดย บก.ปปป. และ บก.ป. เข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบว่า จากการตรวจสอบสถานะตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาตินั้น ทราบว่าหลังจากที่หลวงพ่อกล่อม เจ้าอาวาสคนก่อน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของอดีตพระกาโตะ ได้มรณะภาพเมื่อปี 64 หลวงพ่อกล่อมได้ฝากให้พระราชวรญาณ เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม กทม. ที่เป็นเครือญาติกันให้เป็นผู้ดูแลวัดต่อ โดยเจ้าคณะตำบล ได้แต่งตั้งพระราชวรญาณ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอย่างถูกต้องตามขั้นตอน แต่เนื่องจากอุปสรรคเรื่องระยะทางที่ไกลพอสมควร มีความยากลำบากในการดูแลวัด พระราชวรญาณจึงได้มอบหมายหน้าที่ให้อดีตพระกาโตะ ช่วยดูแลจัดการเรื่องวัดในตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสแทน โดยไม่ปรากฏว่ามีการแต่งตั้งเป็นหนังสือหรือเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ จึงเชื่อว่าเป็นเพียงการมอบหมายหน้าที่ด้วยทางวาจาให้ดูแลวัด จึงมีความเป็นไปได้ว่า อดีตพระกาโตะ อาจไม่ใช่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย พรบ.สงฆ์ และอาจไม่มีความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานทุจริตงินวัด ตาม ป.อาญา มาตรา147 แต่อาจจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานยักยอกเงินวัด ตาม ป.อาญา ม.352 แทน

ทั้งนี้ภายหลังพระราชวรญาณในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติที่แท้จริง ทราบเรื่องทั้งหมดว่าเกิดความเสียหายกับวัด จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ให้สอบสวนดำเนินคดีกับอดีตพระกาโตะและผู้ที่เกี่ยวข้องในข้อหายักยอกทรัพย์หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ในส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเงินที่อดีตพระกาโตะยักยอกจากวัดนั้น อาจมีความผิดฐานรับของโจร ทั้งสีกาตองและ คนกลาง หรือพระดอน ผู้รับเงินดังกล่าวชื่งอ้างว่าจะนำไปเคลียร์ผู้สื่อข่าว ส่วนกรณีของสีกาตองนั้น หากพบว่ามีพฤติการณ์ไปในลักษณะข่มขู่เพื่อเรียกร้องเงินแลกกับการปกปิดความลับหรือแบล็คเมลจริงนั้น อาจเข้าข่ายเป็นการรีดเอาทรัพย์ผู้อื่น ซึ่งมีอดีตพระกาโตะในฐานะเป็นผู้เสียหาย ย่อมสามารถใช้สิทธิเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้เช่นกันเพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ส่วนกรณีการตรวจสอบเรื่องเงิน เบื้องต้นพบข้อมูลว่า ผู้ที่มีอำนาจลงนามเบิกถอนเงินบัญชีวัดมี 3 คน คือ 1.อดีตพระกาโตะ 2.ช่างบ่าวหรือนายสันติ จงราช (กรรมการวัด) และ 3. นายจุน (นามสมมุติ) กรรมการวัด อีก 1 คน ซึ่งขั้นตอนการเบิกถอนเงินแต่ละครั้ง จะต้องมีการลงนาม 2 ใน 3 คน จึงจะสามารถเบิกเงินจากบัญชีได้ แต่จากการตรวจสอบพบว่า การถอนเงินส่วนใหญ่ที่ผ่านมา จะมีเฉพาะอดีต พระกาโตะ กับ นายสันติ หรือช่างบ่าว เพียง 2 คนเท่านั้น ที่ลงนามเบิกเงินวัดมาโดยตลอด จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 65 มีการเบิกเงินจำนวน 6 แสนบาทจริง แจกแจงแบ่งเป็นเงินสดให้อดีตพระกาโตะ 3 แสนบาท นำไปจ่ายให้ สีกาตอง ส่วนที่เหลืออีก 3 แสนบาท ได้มอบให้พระดอน 3 แสนบาทไปเคลียร์สื่อ

จากการสืบสวนขยายผลต่อ ทราบว่านอกจากเงิน 6 แสนที่เบิกถอนมาแล้วนั้น อดีตพระกาโตะกับนายสันติ ยังได้มีการเบิกถอนเงินเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง คือในวันที่ 25 ม.ย.65 จำนวน 5 แสนบาท และเบิกเงินในวันที่ 27 เม.ย. 65 อีกจำนวน 1 แสนบาท รวมเป็นเงินที่เบิกถอนมาทั้งหมด 1.2 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ทราบว่านำไปใช้ทำอะไรบ้าง สำหรับพระดอนนั้น หลังจากได้เงินไปไม่ทราบว่านำไปใช้อะไรบ้าง อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

ต่อมาเวลา 16.00 น. หลังเข้าพบคณะพนักงานสอบสวน นายพงศกร ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้มาในฐานะผู้ต้องหา จากการที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ยักยอกทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ เบื้องต้น ยอมรับว่ามีการเบิกถอนเงินออกมาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนายักยอกทรัพย์ โดยนำหลักฐานข้อมูลต่างๆ เช่น บันทึกการโอนเงิน และข้อความแชต มาให้กับพนักงานสอบสวน เจตนาที่ตนเบิกถอนเงินออกมานั้น ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยตนเบิกถอนเงินออกมา 2 ครั้ง เพื่อไปใช้กับปัญหาส่วนตัว เป็นเงิน 500,000 บาท และอีก 100,000 บาท รวมเป็น 600,000 บาท ส่วนเงินนอกเหนือจากนี้ ตนเบิกถอนมา แต่ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัว ซึ่งมีหลักฐานทั้งหมด โดยการเบิกถอนเงินนั้น ตนลงลายเซ็นร่วมกับเจ้าหน้าที่ในวัดอีก 1 คน รวมเป็น 2 ลายเซ็นตามระเบียบ ซึ่งก่อนเบิกถอน ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่วัดคนดังกล่าวแล้ว

นายพงศกร กล่าวอีกว่า ปกติตนมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างภายในวัด โดยตนได้เปิดบัญชีใหม่ขึ้นมา เป็นบัญชีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อนำมาใช้สำหรับรับบริจาคจากญาติโยม เนื่องจากรักษาการเจ้าอาวาสคนก่อน อาพาธอยู่ที่วัดบุปผาราม แต่ไม่มีการทำบัญชีเงินเข้าออก โดยเงินจำนวน 600,000 บาทที่ตนเบิกถอนมานั้น ได้เบิกถอนมาและนำมาเข้าบัญชีอื่น ไม่ทราบมาก่อนว่าการขอยืมเงินวัดถือเป็นความผิด โดยจะให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา เพราะไม่ได้มีเจตนา ยักยอกทรัพย์ แต่อย่างใด รวมทั้งยังได้เตรียมหลักทรัพย์มายื่นประกันตัวอีกด้วย ทั้งนี้ อยากขอบคุณทุกคนที่เข้าใจตน และอยากขอโทษสังคม รวมถึงอยากฝากถึงพระภิกษุสงฆ์ทุกรูป ให้ดูตนเป็นตัวอย่าง อย่าทำเหมือนเช่นตนเอง และอยากให้ช่วยกันทำนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่ต่อไป

เอาเป็นว่าหลังจากที่ อดีตพระกาโตะ ปฏิเสธข้อกล่าวหาไปแล้ว จะมีความคืบหน้าคดีอย่างไร จะมีการสู้คดีแบบไหน ถ้ามีอัปเดตอะไรทีมข่าวอีจันบันเทิงจะนำมารายงานให้ทราบอีกครั้งหนึ่งค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
นักกีฬาโววีนัมทีมชาติไทยเตรียมเดินทางสู้ศึกซีเกมส์