เติ้ล ธนพล เปิดใจ รับ คดีขโมยไฟฟ้าหลวง ทำ เครียดหนัก ติดเหล้า จน เกือบตาย

เติ้ล ธนพล เปิดใจ เจอมรสุมชีวิต รับ คดีขโมยไฟฟ้าหลวง ทำ เครียดหนัก ต้องพบ จิตแพทย์ ติดเหล้า จนเกือบตาย

เรียกว่าเจอมรสุมชีวิตอย่างหนักหน่วงจริงๆ สำหรับ พระเอกมากความสามารถ เติ้ล ธนพล ล่าสุดเจ้าตัวขอมาเปิดใจ เล่าแบบหมุดเปลือกในเรื่องของ คดีขโมยไฟฟ้าหลวงใช้ ไม่จ่ายค่าไฟนาน 3 ปี ตอนนี้คดีความไปถึงไหนกันแล้ว และตอนนี้ชีวิตตกต่ำไม่มีผลงาน ต้องเก็บตัวเงียบ เครียดหนัก ถึงขนาดต้อง พบจิตแพทย์ แถมยังติดเหล้านานนับปี ถึงขั้นถ่ายและกระอักเป็นเลือด พร้อมขอเคลียร์ประเด็น เป็นดาราตกอับต้องแย่งข้าวหมากิน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow บอกเลยว่าหนุ่ม เติ้ล เจอมรสมุชีวิต อย่างหนักจริงๆ โดยหนุ่ม เติ้ล เผยว่า

ถาม : เรื่อง คดีขโมยไฟฟ้าหลวง ใช้ ตอนนี้คดีความเป็นยังไง?

เติ้ล : ตอนนี้อยู่ในช่วงฎีกา เรื่องราววันนั้นเหมือนมันพลิกผันไปหมด ถือว่าเราอาจจะเป็นเด็กด้วย ด้วยความที่ว่าเราอาจจะทำโดยไม่รู้เท่าถึงการณ์ หรือว่าอาจจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่เราก็ยอมที่จะชดใช้ทั้งหมด

ถาม : มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เราไปต่อโดยที่เราไม่รู้ว่านี่หม้อเรา หม้อใคร หรือว่ามันเป็นยังไง?

เติ้ล : คือทุกอย่างมันเป็นปกติหมด เราเสียค่าไฟเดือนนึง ผมจะเรียกว่าช้อปใหญ่ ช้อปเล็ก ช้อปใหญ่เนี่ย สองหมื่นกว่าบาทเกือบสามหมื่น

ถาม : ทำธุรกิจเกี่ยวกับคาร์แคร์?

เติ้ล : ใช่ครับ แล้วมันจะมีตึกอีกตึกนึง ซึ่งเราเสียค่าไฟเดือนนึง 2-3 พันบาท ทุกอย่างเป็นปกติหมด เราก็ไม่รู้ พออยู่มาวันนึงเราให้คนมายกหม้อไฟ เพราะว่าลูกน้องเราเนี่ยอยู่แล้วดื้อ เราก็เลยบอกว่างั้นก็ตัดน้ำ ตัดไฟเลย พอตัดน้ำ ตัดไฟ แต่เอ้า…ยังมีไฟติดอยู่ ก็เลยทราบว่ามันมีการต่ออะไรแบบนั้นด้วย

ถาม : ค่าไฟที่เราจ่ายไปแสดงว่ามีหลายส่วนของมิสเตอร์ ?

เติ้ล : ใช่

ถาม : เห็นว่าเสียค่าปรับไปหลายอยู่?

เติ้ล : ประมาณแสนกว่าบาท 4 ปีก็ประมาณเดือนละพันกว่าบาท

ถาม : ตอนนั้นเรื่องราวใหญ่โตมาก ทำไมไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้?

เติ้ล : เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะพูดไปทำไม เราเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว เราไม่มีหุ้นส่วน แล้วเราไม่รู้ว่าเราจะทำยังไง เราก็เลือกที่จะรับผิดชอบเพียงคนเดียวดีกว่า

ถาม : เวลามีเรื่องมีราว คนคิดดีก็คิดดี คนไม่เข้าใจก็มี คิดว่าคนจะมองเราในแง่ลบไหม?

เติ้ล : เรื่องแบบนี้มันมีอยู่แล้ว มีทั้งคิดดีและคิดไม่ดี แต่เราทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว รับผิดชอบเพียงคนเดียว ในใจตอนนั้นคิดแค่นั้น

ถาม : มันส่งผลกระทบอะไรในชีวิตเราบ้าง?

เติ้ล : งานทุกอย่างถูกแคนเซิ้ลหมด

ถาม : เห็นว่าละครโดนยกเป็น 10 เรื่อง?

เติ้ล : ใช่ครับ เพราะว่าความผิดอันนี้

ถาม : ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง?

เติ้ล : ก็เสียเซลฟ์ไปเลย ทุกอย่างมันพังทลายไปในพริบตา ทุกอย่างเหมือนกับเราฆ่าคนตาย เราค้ายาเสพติด เราทำผิดมหันต์อะไรประมาณนี้

ถาม : ทั้งที่ตัวเองยอมรับนะในการชำระโทษ แต่เห็นว่าในสังคมเวลาออกมานอกบ้าน สายตาที่มองเรา?

เติ้ล : ใช่ สายตาที่มองเรามันเหมือนกับ หรือเราคิดไปเอง อาจจะเหมือนกับว่ามึงทำผิด มึงฆ่าคนตาย จนเรารู้สึกว่าเราจิตตกไปเอง ไม่กล้าที่จะออกไปไหน คือทุกคนที่เข้ามาพยายามจะให้กำลังใจ แต่สายตาที่เรามอง เพราะว่าตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยขึ้นโรงพักด้วยซ้ำไป พอเรามีคดีความเรารู้กลัว กลัวในการทำผิด กลัวทุกอย่าง กลัวว่าใครจะคิดยังไง คิดถึงตัวเราว่าคนนี้มองเราแปลกๆ ระแวงไปหมด สายตาที่เขามอง แบบเขามองเราแบบนี้เขาต้องคิดว่าเราฆ่าคนตายหรือเปล่า มันเหมือนแบบนั้นไป เราคิดถึงว่าแล้วพ่อแม่ของเราจะกล้าออกไปไหม เพราะลูกขโมยไฟใช้ ทั้งๆ ที่เราก็จ่ายค่าไฟเดือนนึงเกือบ 30,000 บาท

ถาม : เห็นว่าไม่ใช่เรื่องของสายตาที่รู้สึก คอมเมนต์ในโซเชียลเข้าไปอ่านไหม?

เติ้ล : ผมเลือกที่จะไม่อ่าน ตั้งแต่เข้าวงการ แต่ก็จะมีแฟนคลับมาเล่าให้ฟัง แต่จริงๆ มันก็มีผ่านๆ ตาบ้างเล็กๆ น้อยๆ มันก็จะมีแบบเราทำผิดมาตั้งแต่เริ่ม ชีวิตนี้มึงเกิดมาทำไม อะไรประมาณนั้น เราก็แบบ เราไปทำขนาดนั้นเลยเหรอ เราไปทำร้ายเขา ทำร้ายครอบครัวเขาขนาดนั้นเลยเหรอ เขาถึงมาด่าเรา มาด่าครอบครัวเราขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เราก็ยอมรับ

ถาม : ครอบครัวของคุณเติ้ลเป็นยังไงบ้างกับเรื่องราวนี้?

เติ้ล : แรกๆ ก็เสียเซลฟ์เหมือนกัน ก็เฟลกันเหมือนกัน คิดว่าไม่กล้าออกไปไหนเหมือนกัน เพราะว่าลูกชายคนเดียว เป็นพระเอกด้วย แล้วอยู่ดีๆ มาต้องคดี

ถาม : ในบ้านมีการพูดคุยถึงเรื่องนี้เยอะไหม?

เติ้ล : มีครับ ผมเป็นคนบอกคุณพ่อเองว่า ไฟมันต่อพ่วงกันไปกันมาหรือเปล่า 2 ที่อะไรประมาณนั้น ก็ให้ยกออกไปเลย จะได้จบๆ ไป แม้แต่ตัวญาติพี่น้องเราเอง เราก็โดนกระทำ โดนหลายๆ รูปแบบ

ถาม : ในเรื่องนี้รู้สึกว่ามันคือตราบาป?

เติ้ล : มากครับ

ถาม : เห็นบอกว่าถึงขนาดต้องไปพบ จิตแพทย์ เลย?

เติ้ล : ครับ ไม่กล้าออกไปไหนเลย

ถาม : อาการเป็นยังไง?

เติ้ล : ระแวงครับ ไม่อยากพบปะผู้คน ไม่อยากเจอหน้าใคร เพราะว่าพอเราออกไป เรารู้สึกว่าคนนั้นก็คิด คนนี้ก็คิด เราก็ผิด พอเรารู้สึกผิดจริงมันก็รู้สึกผิดไปใหญ่ แต่เราก็ไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าแม้แต่เดินออกนอกบ้าน ไม่กล้าแม้แต่จะพบปะกับใคร

ถาม : จิตไม่แข็งเกร่ง ขนาดจิ้งจกเรายังกลัว?

เติ้ล : ใช่ เกิดมาในสิ่งที่ไม่เคยกลัว กลัวคน กลัวจิ้งจก กลัวไปหมด กลัวเสียงดัง กลัวคนมาพูดใส่ กลัวในสิ่งที่ไม่น่ากลัว

ถาม : การที่กลัวภายนอกไม่ออกไปนอกบ้าน ใช้ชีวิตยังไง?

เติ้ล : อยู่แต่บ้านอย่างเดียว มันมีมุมของผมอยู่ คือ หน้าตู้เย็น มันเป็นจุดที่นั่งแล้วสบายใจที่สุด มันเป็นที่แคบๆ เรารู้สึกปลอดภัย แล้วไม่รู้จะทำอะไร หันไป หันมา เลือกที่จะพึ่ง ไม่ยานอนหลับ ที่หมอจิตเวชให้มาก็ดื่มเหล้า

ถาม : อาการจิตตกเป็นอยู่นานไหม ก่อนที่ตัดสินใจไปพบจิตแพทย์?

เติ้ล : ประมาณปีกว่า นั่งอยู่มุมนั้น

ถาม : ตอนนั้นทานข้าวอะไรปกติไหม?

เติ้ล : จะมีเด็กทำความสะอาดที่ผมจะเรียกใช้เวลาที่ผมหิว แต่ส่วนใหญ่จะไม่กินนะ น้อยมากครับ สำหรับ 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ก่อนจะเข้าโรงพยาบาล จะทานข้าวน้อยมาก แทบจะนับเป็นจานได้

ถาม : ไปพบ จิตแพทย์ แล้วคุณหมอบอกว่าเราเป็นอะไร?

เติ้ล : มันเป็นโรคจิตอ่อนๆ คุณหมอก็ให้ยามาทาน เพื่อให้เราหลับ ให้เราคลายกังวล คลายเครียด มันคลายไปหมดจนลืมไปหมด

ถาม : กลายเป็นว่าจำอะไรไม่ค่อยได้?

เติ้ล : สมองส่วนกลางถูกทำลาย

ถาม : เพราะว่ายาที่ได้มาต่อหนึ่งมื้อ 10 เม็ด แล้วทานวันละกี่มื้อ?

เติ้ล : 3 มื้อครับ แทบจะทานยาแทนข้าว

ถาม : เวลาที่เรากังวลแล้วเราทานไป เราดีขึ้นยังไง?

เติ้ล : ดีขึ้นคือมันคิดอะไรไม่ออก มันจะคิดย้ำไปย้ำมาเหมือนวนลูป พอทานยาเข้าไปมันจะลืม แทบจะลืมไปชั่วขณะ แล้วคุณหมอก็จะจ่ายยานอนหลับมาให้ เราก็จะหลับไปช่วงขณะนึง แล้วก็ตื่นมาใหม่ หันไปหันมาแล้วก็ดื่ม

ถาม : เป็นแบบนี้ทรมานขนาดไหน?

เติ้ล : เรียกว่าทรมาณไหม อยู่กับมันได้ประมาณเดือนกว่าๆ ผมตัดสินใจว่าไม่ได้แล้ว อย่างวันนี้ผมคุยกับพี่ พรุ่งนี้หรือตอนเย็นผมลืมแล้ว พอกินยาหลับไป พอตื่นขึ้นมาผมลืมแล้วว่าผมพูดอะไรกับพี่บ้าง ผมก็เลยเลิกยา เพราะว่าสมองผมถูกทำลาย

ถาม : ก็เลยหันมาดริ๊งก์?

เติ้ล : ใช้ดริ๊งก์ ใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวช่วย นอนไม่หลับก็เลือกที่จะมาเดินออกกำลังกาย เหนื่อยเมื่อไหร่หลับ เพราะว่าชีวิติทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว

ถาม : ตอนนั้นที่ตัดสินใจหยุดได้ปรึกษาหมอไหม หรือหยุดเอง?

เติ้ล : หยุดเองครับ

ถาม : ตอนนั้นมีละครค้างอยู่ไหม?

เติ้ล : มีครับ มีเล่ห์รัญจวน เล่นกับแตงโม นิดา

ถาม : ได้ปรึกษาแตงโมด้วย?

เติ้ล : เหมือนเราคุยกันเป็นก้อน อยู่ในกลุ่ม มันคิออาการเดียวกัน

ถาม : คุณแตงโมเคยเป็นเหมือนกัน?

เติ้ล : ใช่ครับ

ถาม : เห็นว่าตอนถ่ายละครก็มีปัญหา?

เติ้ล : ใช่ครับ โดนตัดไปทั้งหมด 5 ตอนครับ

ถาม : ตอนถ่ายละครจำบทได้ไหม?

เติ้ล : จำไม่ได้ มีอยู่วันนึงถ่ายฉากปกติ ผมไปตอนเช้า 7 โมง แต่งหน้า ทำผมเสร็จประมาณ 9 โมง เป็นฉากที่ต้องลงไปในเรือ แล้วจากเรือขึ้นมาท่าน้ำ อาการมา กลัวน้ำ กลัวเรือ กลัวไปหมด ตัวสั่น มือสั่น ตาแดง จนแตงโมมาถามไม่ได้กินยาใช่ไหม ผมก็บอกเลิกมาสักพักแล้ว เขาก็ถามว่าเอาของเขาก่อนไหม เราก็บอกว่าไม่ได้

ถาม : ตอนนี้ แตงโม อยู่ในสาย ตอนนั้นร่วมงานกับคุณเติ้ล เห็นอาการของคุณเติ้ลเป็นยังไง?

แตงโม : จริงๆ เราร่วมงานกันมาเยอะมาก ตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วอาการพี่เติ้ลเขาจะมีอาการเวลาปกติจะไม่ค่อยแสดงอาการอะไรให้เห็นเลย แต่เวลาเริ่มถ่ายละคร เวลาพี่เติ้ลเริ่มที่จะตั้งใจอะไรมากๆ อาการพี่เติ้ลเริ่มจะมา เขาเริ่มมีอาการมือสั่น โมเห็นแล้วโมรู้เลยเพราะโมเคยเป็นมาก่อน แต่โมอาจจะไม่ได้เป็นหนักเท่าพี่เติ้ล โมรู้สึกทรมานกับสิ่งที่ตัวเองเป็นมากๆ ดูแล้วแบบไม่ได้พี่ต้องหาหมอ คือโมเข้าใจ

ถาม : แล้วคุณเติ้ลเขามาปรึกษาอะไรบ้าง?

แตงโม : เขาก็มาปรึกษาว่ามันเป็นยังไง มันเกิดจากอะไร เราก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าตอนที่เราเป็น เราเป็นเพราะอะไร แล้วเขาเป็นมาจากอะไร มันมีจากหลายปัจจัยนะ อย่างแรกเลยคือสารเคมีในสมองมันไม่เท่ากัน เราต้องเข้าใจก่อนว่าโรคแพนิกหรืออะไรพวกนี้ มันเป็นโรคทางสมองที่ส่งผลทางจิตใจ ทีนี้เรามาดูด้านจิตใจ สมองเราไม่สบายแล้วไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากินยา แต่ทางด้านจิตใจก็ต้องใช้ในการแก้ปมปัญหาตรงนั้นของชีวิตตัวเอง ก็ได้ฟังเรื่องราวของเขามาบางทีมันก็มีอะไรหนักๆ เหมือนกัน

ถาม : ตอนนี้อาการจิตเวชก็ไม่ได้กินยา?

เติ้ล : ไม่ได้กินยาครับ

ถาม : ที่บอกเมื่อกี้คือการหันมาดื่ม คุณดื่มเยอะขนาดไหน?

เติ้ล : ดื่มไม่เยอะ วันนึงประมาณกลมนึง เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน จิบทั้งวัน จิบให้หลับ พอหลับได้ 1-2 ชม.หันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรก็ดื่มอีก

ถาม : ดื่มแทนข้าวได้เลย?

เติ้ล : ใช่ ผสมน้ำ ข้าวไม่กิน เป็นแบบนี้เป็นปี

ถาม : การดื่มเหล้าส่งผลอะไรกับร่างกายบ้าง?

เติ้ล : ครั้งแรกตับพอง เส้นเลือดดำในทางเดินอาหารพอง เป็นเหมือนข้อเลือด เป็นเม็ดขึ้นมา เป็นจุด ทั้งหมด 7 จุด คุณหมอบอกว่า คุณมีระเบิดอยู่ในตัว 7 ลูก แล้ววันนั้นเป็นวันที่ไปงานเลี้ยงวันเกิดพี่ มันแตก 3 จุด ถ่ายเป็นเลือด ถ่ายไม่หยุด ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ มันออกมาทีละลิตร

ถาม : ไปถึงโรงพยาบาลแล้วคุณหมอว่าไง?

เติ้ล : วันนั้นไปถึงก็โวยวายเหมือนกัน เพราะตอนนั้นอยู่ในอาการที่มึนเมา ก็ต้องขอโทษบุคลากรทางการแพทย์ด้วย

ถาม : เห็นว่าไปถ่ายเป็นเลือด 1 ลิตรต่อ1 ครั้ง ไม่น้อยนะ แล้วจะมีภาวะช็อกด้วย เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ?

เติ้ล : ใช่ เกล็ดเลือดต่ำ คือเวลาเราเป็นแผลมันจะไหลไม่หยุด แต่ก่อนหน้านี้สัญญาณเตือนคือ ผมจะมีเหมือนตุ่มเลือด เหมือนตุ่มไฝตรงจมูก พอเวลาความดันเราเกิน หรือว่ามีอาการขึ้นมา มันจะแตก แล้วเลือดเนี่ย เสื้อยืด 2 ตัวบิดเป็นเลือดได้เลย

ถาม : ตอนนั้นอยู่โรงพยาบาลสภาพเราเป็นยังไง?

เติ้ล : ตื่นมาไม่เห็นอะไร แล้วบอกคุณพยาบาลว่า ผมขอโทรหาคุณแม่ผมหน่อย ผมบอกแม่ว่าที่นี่เขาดูแลดีจังเลย เขาใช้หมอตั้ง 4 คนมาดูแลเรา แล้วแม่ก็บอกว่า แกยังไม่รู้อีกเหรอว่าแกกำลังจะตาย ตอนนั้นเราก็ใส่เครื่องช่วยหายใจ น้ำเกลือ ทั้งหมด 8 จุด

ถาม : เห็นบอกต้องถ่ายเลือดทุกครึ่งชั่วโมง?

เติ้ล : ให้เลือด

ถาม : เห็นว่าค่ารักษาก็ไม่ธรรมดา รักษาในโรงพยาบาล 5 วัน หลักล้าน?

เติ้ล : หลักล้านครับ ตอนนั้นโชคดีมีประกันครับ ถ้าไม่งั้นคงเครียดกว่าเดิม

ถาม : จากก่อนหน้านี้ ก่อนที่เราจะพีคหนักๆ เราดื่มเหล้ามาตลอด เรียกว่าติดได้ แต่พอเข้ารักษา 5 วันไม่ได้ดื่ม เป็นยังไงบ้าง?

เติ้ล : วันแรกร้องไห้เลยครับ ร้องไห้กับคุณแม่ บอกว่าไม่เอาอีกแล้วทรมานเหลือเกิน มันเหมือนเป็นแอลกอฮอลิซึม มันอยาก มันหยุดไม่ได้ มันลุกขึ้น ลุกลง จนผมต้องขอยาระงับประสาท

ถาม: เข็ดไหม?

เติ้ล : เข็ดครับ ออกจากโรงพยาบาลมาหยุดดื่มเลยครับ แล้วก็หันมากินนม ออกกำลังกาย

ถาม: เห็นว่าพอเข็ดได้สักระยะ ความรอบสองก็เกิดขึ้น?

เติ้ล : รอบสองนี่ก็คือ โควิดรอบที่3 เมื่อวันที่1 ที่ผ่านมา คือขึ้นไปสร้างโรงเรียนที่ท่าสองยาง จังหวัด แม่ฮ่องสอน ตอนขึ้นไปก็มีการดื่มไวท์กันแก้วนึง มีผู้ใหญ่ชวนดื่ม ก็ให้เป็นเกียรติ ผมดื่มไปนิดนึง เข้านอน ตื่นเช้ามาไม่มีอาการ เช้ามาก็ขับรถออกไปอีกสัก 60 กิโล แต่มันเป็นทางขึ้นเขา ก็ไม่มีอาการอะไร ทานบ้าวปกติ ขากลับมาถึงสิงห์บุรีก็ดื่มไวท์อีกแก้วนึง คราวนี้เริ่มมี เริ่มไม่ปกติ เริ่มมีท้องพองๆ เหมือนจะอาเจียน ตัดสินใจว่าจะหาโรงแรมพัก แล้วออกตอนเช้าดีกว่า พอเข้าโรงแรม อาบน้ำเสร็จ เหมือนปีโป้อยู่ในปาก 2 ชิ้น มันคือลิ่มเลือด อาเจียนออกมาในอ่างน้ำ แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจ เพราะว่าเราทานยาบำรุงเลือดเป็นสีแดงด้วย เราก็คิดว่ามันอาจจะเป็นน้ำย่อย พอออกม่นั่งสักพักนึง ผมก็หยิบถังขยะมาวางข้างๆ รู้สึกพะอืดพะอม คราวนี้ครึ่งถังขยะ ออกมาเป็นเลือด

ถาม: ก่อนหน้านี้คุณหมอได้บอกไหมว่าจริงๆ ร่างกายเราห้ามดื่มอีกนะ?

เติ้ล : ใช่ครับ จากครั้งแรกมาถึงครั้งนี้ประมาณ 2 ปี คุณหมอบอกว่าไม่มีวันหาย

ถาม: หมายความว่าเราไม่สามารถกลับไปแตะแอลกอฮอล์ได้แม้แต่นิดเดียว?

เติ้ล : ใช่ครับ

ถาม: ช่วงนั้นโควิดระบาดหนัก คุณเข้าโรงพยาบาลไม่ได้?

เติ้ล : ใช่ครับ ไม่มีที่ไหนรับเลย โทรไปโรงพยาบาลไม่มีแม้แต่ห้อง ไม่มีแม้แต่เลือดในกรุงเทพ เตียงก็ไม่มี ผมต้องเข้าโรงพยาบาลสิงห์บุรี แล้วโรงพยาบาลอยู่หลังโรงแรมพอดี ถ้าไกลกว่านั่นผมว่าผมเสียชีวิตไปแล้ว เพราะวันนั้นผมออกมาจากห้องน้ำแล้วช็อก คือไม่มีตาดำแล้ว แล้วก็ล้มไปหัวฟาดพื้น แล้วก็กระอักเลือดออกมา

ถาม: รักษาตัวอยู่นานไหม?

เติ้ล : 5 วันครับ นอนห้องรวม

ถาม: ณ ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงแล้ว?

เติ้ล : แข็งแรงแล้วครับ

ถาม: คุณจะกล้าดื่มอีกไหม?

เติ้ล : ไม่กล้าแล้วครับ

ถาม: เข็ดตลอดชีวิต?

เติ้ล : ครับ

ถาม: มีคำพูดที่ว่าคุณกลายเป็นดาราตกอับ ถึงขั้นแย่งข้าวหมากิน มันเกิดอะไรขึ้น?

เติ้ล : มันเริ่มจากโควิดรอบแรก ผมเริ่มวางแผนทำมาหากิน คือ จะเพาะพันธุ์หมาขาย ไม่เป็นไร เรายังสนุก ยังมีทุนอยู่ พอโควิดรอบสอง เรากลับมาเริ่มไม่ไหวแล้ว เพื่อนก็เลยถามว่าเป็นไงบ้าง นี่ก็เลยบอกกูจะแย่งข้าวหมาแดกอยู่แล้ว พอรอบ3 มาเป็นไงบ้างวะเพื่อน รอบนี้ไม่แย่งข้าวหมาแดกละ กูจะแดกหมาที่เลี้ยง ก็คุยกันขำๆ ประสาเพื่อน

ถาม: จริงๆ แล้วยังโอเคอยู่ไหม?

เติ้ล : โอเคครับ แต่ถ้าถามว่าโอเคมากไหม ถ้าบอกว่าโอเคมากก็คงโกหก ทุกอย่างก็คงประสบเจอกันทุกคน ก็ต้องรัดเข็มขัด

ถาม: คุณเติ้ลรู้สึกยังไงกับคำว่าดาราตกอับ?

เติ้ล : งานเราน้อยลง เราอายุมากขึ้นก็ไม่ค่อยได้คิดอะไร แต่ก็พยายามทำใจว่ายังไงคลื่นลูกใหม่ก็ต้องมา หาอย่างอื่นทำได้ อย่างเช่นเกษตรกรรม เกษตกร หรือสิ่งที่เราชอบ เราก็วางปูไว้ตั้งแต่เราอยู่ในวงการ

ถาม: มีผู้ใหญ่ท่านนึงมาคุกคามในชีวิต รวมถึงพ่อแม่ด้วย?

เติ้ล : ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อารมณ์ไหนเหมือนกัน เพราะผมไม่ได้ตามเฟซบุ๊กอะไรเขา พอตื่นเช้ามาก็มีน้องแฟนคลับมาถามพี่ไปทำอะไรเขา แล้วมีเพื่อนๆ ในวงการมาถามว่า มึงไปทำอะไรเขา เขาถึงมาด่าเราถึงขนาดนี้ รวมถึงแม่ด้วย โทรมาตอนตี1 ตี2 มาเล่าอะไรไม่รู้เรื่องเลย บอกว่าไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ไม่ฟัง ทำอะไรก็ไม่ฟัง พอดูเบอร์ก็เข้าใจแล้ว คือเขาให้ผมช่วยเช่าพระ แต่ผมไม่ได้ช่วย ผมบอกว่าช่วงนี้สภาวะความคล่องผมไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นผมยังพอช่วยได้ ผมก็เลยปัดไปว่าให้พี่ ให้เพื่อนผมดูแล้วกัน ถ้าเขาจะเอาเดี๋ยวผมนำเสนอให้ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรไปมาก เขาก็ยังโทรๆ มา ส่งข้อความมาด่าๆ เขาด่าแรงมาก มึงไม่โทรกลับกูเอง มึงสร้างภาพ

ถาม: จนกลายเป็นคดีความใช่ไหม?

เติ้ล : ครับ ผมก็เลยตัดสินใจกับเพื่อนว่า ให้ทนายเป็นคนคุยดีกว่า เราไม่อยากจะทะเลาะเอง

ถาม: อยากบอกอะไรกับคนที่กำลังท้อตอนนี้ไหมคะ

เติ้ล : ทุกคนเจอเหมือนกัน อยากให้ทุกคนรู้จักที่จะอยู่กับมันมากกว่า อย่างผมเองก็ต้องรัดเข็มขัด ผมเคยใช้เงินฟุ่มเฟือย ก็อยากจะเป้นกำลังใจให้ทุกคนครับ

ต้องยอมรับว่าชีวิตที่ผ่านมาของหนุ่มเติ้ล เจอมรสุมเยอะมากมายเลยทีเดียว ผ่านนาทีชีวิต เกือบตาย ก็มี แต่ตอนนี้เจ้าตัวก็ลุกขึ้นสู้ กลับมาดูแลตัวเอง แอดขอเป็นกำลังใจให้หนุ่ม เติ้ล รวมถึงทุกคนให้ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันนะคะ