เผยชีวิต ถนอม สามโทน เคย ติดเหล้าจนเกือบตาย ยืนขึ้นได้เพราะภรรยา

เผยชีวิต ถนอม สามโทน เคยติดเหล้าจนเกือบตาย ยืนขึ้นได้เพราะภรรยา รับเคยทำ ธุรกิจเจ๊ง เสียหายหลักล้าน

หายหน้าหายตามาพักใหญ่สำหรับ ถนอม สามโทน ล่าสุดออกมาเผยชีวิต จากหนุ่มเหนือคนซื่อสู่ศิลปินระดับตำนาน พร้อมเผยวีรกรรมดังแล้วเหลิงจนเสียงาน แถมยังเคยหมดตัวเพราะทำธุรกิจอีกต่างหาก งานนี้เจ้าตัวบอกว่าชีวิตดีขึ้นได้เพราะภรรยาที่ครองรักกันมายาวนานกว่า 17 ปี อีกทั้งยังเล่าประสบการณ์เกือบตายเพราะเมาหนัก โดยทั้งหมดนี้ ถนอม สามโทน จะมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow

โดยพิธีกรถามว่า ในสมัยนั้น สามโทน นี่ดังนาดไหน เจ้าตัวบอกว่า “สมัยก่อน สามโทน ค่อนข้างดัง เพราะยุคนั้นใครที่ขายได้ล้านตลับถือว่ามีน้อยมากนะ มีไม่ค่อยเยอะ ชุดแรกก็ขายได้ล้านตลับ ขึ้นรถเมลก็ได้ยินเพลงตัวเอง ในสมัยนั้นปี 2530 ต้นๆ ตอนนั้นก็มีปิดวิกขายบัตร คนมาซื้อบัตรก็จะมีแบงก์ย่อย แบงก์ 20 แบงก์ 50 คนขายก็หอบเงินเก็บไว้ พอเล่นคอนเสิร์ตเสร็จเขาก็เอาเงินนี้แหละมาให้ เรียกว่าเยอะมาก”

ก่อนเริ่มต้นเป็นสามโทน คุณอาเป็นเมมเบอร์คนสุดท้าย?

“ครับ เข้ามาในวงเป็นคนสุดท้าย จริงๆ แล้วคุณธงชัยไปที่บริษัทคีตา จะไปขอทำเทปศิลปินเดี่ยว แล้วทางผู้บริหารตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าเดี่ยวมันจะยากหน่อย น่าจะเป็นกลุ่ม เป็นกรุ๊ป พี่บุ๋มบิ๋ม ทำงานอยู่ที่นั่นพอดี เป็นครีเอทีฟอยู่ เขาก็เลยเล็งเห็น พี่บุ๋มบิ๋ม ชอบร้องเพลงเล่นๆ ก็เลยเอามาจะเป็นดูโอ้กับพี่ธง ทีนี้เขาคงไปคิดต่ออีกว่าน่าจะเป็น 3 สองคนไม่น่าจะรอด คราวนี้ผมเอาเพลงไปขายที่บริษัท แล้วเขาซื้อเพลงไป 3-4 เพลง เขาเอาเพลงนี้ไปฟัง พอฟังปุ๊บ เขาชอบเสียงคนร้อง เรียกไปดูตัวหน่อยว่าหน้าตาเป็นยังไง เราหน้าตามันธรรมดา คนบ้านนอกเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ๆ หล่อก็ไม่ใช่ ขี้เหร่ก็ไม่เชิง หน้ากลางๆ เขาขอรูปถ่ายไปติดบอร์ดไว้นานเป็นเดือน สองเดือน แล้วเขาโทรมาให้เข้าบริษัท บอกว่ามาทำเพลงด้วยกัน ตอนนั้น สามโทน ที่ดังๆ พีคๆ ก็ 2-3 ปี หลังจากนั้นก็เฟดลง”

สมัยก่อน ก่อนเข้ากรุงเทพฯ คุณอาทำไร่ ทำนา อยู่ที่จังหวัดแพร่?

“ครับ แต่หลักๆ เล่นดนตรีและร้องเพลง กลางวัน ถ้าไม่มีงานก็ไปช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำสวน ไถ่นา ทำนา หลักๆ ที่บ้านมีรายได้จากการเล่นดนตรีและร้องเพลงพอจุลเจือครอบครัวได้ แต่ว่ามันไม่เป็นแก่นสาร มันไม่มีจุดมุ่งหมาย ตอนเด็กๆจนถึงขนาดไม่มีรองเท้าใส่ไปโรงเรียน อย่าว่าแต่รองเท้าเลย รองเท้าแตะก็ยังไม่มีเลย เดินเท้าเปล่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงชั้นประถมอะไรไม่รู้ถึงได้มีรองเท้าใส่”

พอเราโต เริ่มดัง พอได้เงินเป็นก้อน แล้วเอาเงินไปลงทุน แต่มันผิดพลาดมากๆ เลย?

“ใช่ อันนี้บอกก่อนเราเป็นศิลปิน ถนัดสร้างแต่ศิลปะ ร้องเพลง เล่นดนตรี ทีนี้อยากไปทำธุรกิจแล้ว มันเป็นโรงงานเครื่องปักจักรที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เครื่องนึงจะมี 10-15 หัว แต่เราเป็นศิลปินเราไม่รู้หลักการทำธุรกิจ เราไม่ได้เรียน ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย เรียกว่าขาดทุนเยอะดีกว่า ลงทุนประมาณ 7 หลัก แล้วหายไปหมดเลย ไม่เหลือสักหลักเลย ตอนนั้นทำอยู่ปีกว่า ตอนนั้นเครียดมาก หมดตัว มันหลายอย่าง นอกจากจะทำธุรกิจไม่เป็นการดำเนินชีวิตด้วย มันไม่ค่อยถูกต้องด้วย”

เห็นว่าตอนที่เครียด นอนร้องไห้เลย?

“ก็มีครับ ร้องไห้เยอะ เมื่อก่อนอยู่บ้านนอกประมาณ 1-2 พอมาเป็นสามโทนปุ๊บขึ้นไปเป็น 100 แต่พอมันตกลงมา มันไม่มาที่ 1-2 ไง มันลบไปเลย ตอนแรกว่าถ้าไม่เป็นนักร้องแล้วก็กลับไปอยู่บ้านได้เหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่นี่มันหายไปหมดเลย มันก็เลยเครียด ตอนนั้น สามโทน แยกกันหมดแล้ว เราเองมีปัญหาก็ไม่ได้บอกเพื่อน”

ตอนนั้นชีวิตจากสูงกลับมาติดลบ อาก็เลยหันไปพึ่งเหล้า?

“ครับ ติดเหล้าหนักมากเลย เวลาผมดื่ม ผมจะดื่มแบบไม่เหมือนชาวบ้าน ชาวช่อง จะว่าแอลกอฮอร์ลิซึ่มก็ไม่เชิงนะ แต่ว่ามันต้องดื่มอยู่ตลอด พอดื่มแล้วก็ดื่มยาวไปเรื่อยๆ บางทีทั้งคืนตื่นเช้ามาดื่มต่อ นี่เป็นเหตุนึงที่ทำให้การดำเนินชีวิตไม่รุ่งเรือง ธุรกิจล้มด้วย ดื่มติดต่อกันหลายวันก็มี ถึงขั้นเสียงานเลย สมมติว่ามีงานถ่ายละคร เราก็ไปแบบไม่เต็ม หรือไปไม่ทันบ้าง แล้วบทก็ไม่ค่อยแม่น คนอื่นก็จะเสียเวลา หน้าตาก็โทรมๆ มีกลิ่นละมุดด้วย ทำให้ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ถ้าหยุดดื่มมือจะสั่น”

ดื่มหนักถึงขั้นช็อกเลยเหรอ ตอนนั้นเป็นอะไร?

“ดื่มแล้วไม่พัก มันช็อกเหมือนจะหยุดหายใจ เรี่ยวแรงก็ไม่มี นั่งอยู่ในห้องน้ำมันเหมือนจะหยุดหายใจไปเอง มันเหมือนจะตาย ถามว่ารอดมาได้ยังไง ผมใช้วิธีสวดมนต์ ในขณะที่จะหายใจไม่ออกผมก็สวดมนต์ ถ้าพูดในทางวิทยาศาสตร์ผมสูดสายใจเข้าไป เอาลมเข้าไปเยอะๆ เหมือนกับปั๊มหัวใจ พออ๊อกซิเจนเข้าไปในร่างกายเยอะๆ ผมเลยฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ตาย ไม่ได้ไปหาหมอ

ขนาดมอเตอร์ไซค์คว่ำยังไม่ไปหาหมอ คว่ำเมื่อไหร่?

“ก่อนหน้าช็อก มอเตอร์ไซค์คว่ำตอนแรกไม่รู้หรอกว่าเป็นอะไรบ้าง แต่รู้ว่าเจ็บมาก หายใจก็เจ็บ แต่ไม่ได้ไปหาหมอ กินยาแก้ปวด ถ้ามันมากๆ ก็กินเหล้า ตอนเมาๆ มันก็หายไปพักนึง แต่พอหมดฤทธิ์เหล้ามันก็เจ็บอีก หายใจก็เจ็บ คืออายเขา ไม่กล้าไปบอกใคร ไม่กล้าไปหาหมอ คือทำเอง มารู้ทีหลังตอนไปเช็กอัพร่างกายประจำปี หมอบอกปอดมีผังพืด กระดูกซี่โครงเคยหักใช่ไหม 2 ซี่ ไหปลาร้าเคยหักใช่ไหม สรุปคือไหปลาร้าหัก กระดูกซี่โครงไปทิ่มปอด ถึงว่าผมหายใจก็เจ็บ ไอก็เจ็บ ตอนนานแล้วครับ หลายปีแล้ว ตอนนั้นก็ตกใจนะ ทำไมกูไม่ตายวะ ตอนนี้ออกกำลังกายหนักๆ บางท่าก็ยังมีความรู้สึกอยู่”

“ตอนนี้ไม่ติดเหล้าแล้ว เลิกสำมะเลเทเมาหลายปีแล้ว แต่ว่านานๆ ทีก็มีตามสังคมนิดๆ หน่อยๆ ไม่ดื่มคนเดียวแล้ว เมื่อก่อนไม่ต้องการเพื่อนก็ได้ ดื่มคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องง้อใคร ตอนเลิกใหม่ๆ พอถึงเวลามันก็เปรี้ยวปากของมันเอง ใหม่ๆ ใช้เวลาเลิกอยู่หลายครั้งนะ ตอนอยู่คนเดียวเลิกหลายครั้ง แต่มันไม่ค่อยได้สักที ได้เป็นช่วงๆ แล้วก็กลับมาอีก ตอนที่ยังไม่มีแฟนนะ”

แต่ชีวิตก็ ยืนขึ้นได้เพราะภรรยา ?

“ภรรยาที่อยู่ด้วยกันนี่แหละ คุณจุ๋ม สุกัญญา เขามีทำให้ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย จากที่ติดลบ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้ ดีกว่าตอนที่เป็นหนุ่มๆ ตอนที่ดังๆ พีคๆ นี่ไม่ดังมาก แต่ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย เรากับเขา เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บ้านอยู่ตรงข้ามกัน จริงๆ แอบชอบเขาตั้งแต่ตอนเป็นสาวๆ แล้ว แต่ตอนนั้นไม่กล้าเท่านั้นเอง ตอนนั้นเราไม่มีความมั่นคงในชีวิตเราเล่นดนตรี เป็นนักร้อง ขายจินตนาการไปวันๆ มันไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต เราก็เลยไม่กล้าแสดงออกมา แอบชอบเฉยๆ”

“หลังจากชีวิตที่ย่ำแย่ กลับบ้านก็เลยนึกถึง เขายังเป็นโสดอยู่ จริงๆ น้องชายเขา มาบอกว่าพี่ยังโสดอยู่ คงรู้ว่าเราแอบชอบ แล้วเห็นเราแบบเขาคงสงสารเรา เราอยากมีใครสักคนที่มาช่วยดูแลชีวิต หาเงินมาได้ก็ไม่มีใครดูแล เวลานอน กิน ไม่มีใครมาคุย ปรึกษา ชีวิตมันก็เลยไม่ไปในทางที่ควรจะไป เวลาไปทางนี้ไม่มีใครตะล่อม ถ้ามีคู่น่าจะดีขึ้น ก็เลยนึกถึฃเขาขึ้นมา ก็เลยโทรหา ปรึกษาว่ามาช่วยดูแลชีวิตให้หน่อย”

สภาพตอนนั้นเราเมาด้วย คุณจุ๋มเขารับได้ไง?

“ผมว่าเขาคงมีใจอยู่ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แต่ว่าเราไม่ได้พูดไม่ได้คุยเท่านั้นเอง แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าเราถึงจะขี้เมาอย่างนี้ จริงๆ เราเป็นคนดีนะ ก็หลายเดือนอยู่นะกว่าเขาจะตอบรับ สุดท้ายให้แม่ไปขอถูกต้องตามประเพณี บ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม พ่อกับแม่เขาไม่ว่าอะไรก็คงเห็นเราตั้งแต่เด็กแล้วละ เขาไม่ได้พูดให้เราหยุดดื่ม แต่เขาจะทำตัวให้เราคิดเอง”

เห็นว่าคู่นี้เรื่องทุกข์ก็มี ไม่สามารถมีลูกได้?

“ตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ ก็อยากมีลูก จะว่าทุกข์ไหมก็ไม่เชิงถึงกับทุกข์นะ เพียงแต่ว่าอยากมี แต่มันมีไม่ได้ เมียอยากมีลูก แต่เรามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แต่จริงๆ แล้วเราเป็นหมัน ไปปรึกษาหมอแล้ว คุณหมอบอกว่าทำกิ๊ฟท์ได้ แต่ว่ามันจะเสี่ยงหน่อยนะ เสี่ยงทั้งลูกทั้งแม่ ลูกอาจจะไม่สมบูรณ์ พอบอกเสี่ยงผมก็เลยไม่ดีกว่า อยู่ 2 คนก็ได้”

อนาคตมองไวว่ายังไงกับคนสองคนนี้?

“เราก็มองเปรียบเทียบคนอื่นด้วยว่าคนที่เขาไม่มีลูก เขาก็มีความสุขกันก็มีเยอะ บางคู่คนที่มีลูกพอถึงบั้นปลายชีวิตมาเป็นทุกข์กับลูก เป็นทุกข์กับตัวเอง ครอบครัวไม่มีใครมาดูแลเอาใจใส่ก็เยอะแยะ แต่ถ้าคนที่ไม่มีลูก เขาวางแผนชีวิตดี พอแก่ตัวมา มันก็จะลงตัวของมันเอง เช่นมีเงินมาซัพพอร์ตตัวเองได้ มีญาติ มีหลาน เราก็ต้องจุนเจือพวกนี้ไว้ด้วยแก่มาเขาจะมาดูแลเราได้”

เรียกว่าคุณอา ถนอม กลับมามีชีวิตที่สดใสอีกครั้งเพราะมี ภรรยา ที่เข้าใจ ที่พร้อมจะเดินจูงมือไปด้วยกัน เห็นแล้วแอบเสียดายที่ทั้งสองคนมีทายาทไม่ได้ หากมีได้น่าจะเป็นครอบครัวที่น่ารักแน่ๆเลยนะคะ แต่ในเมื่อมีไม่ได้ ก็ใช้ชีวิตกันสองคนแบบนี้ แอดก็ว่าน่าจะมีความสุขไปอีกแบบนั่นเองค่ะ