เมญ่า วอนอย่าเพิ่งตัดสิน แอนนา อยากให้มองความดีที่เขาทำ

ออกมาเปิดใจถึงเพื่อนรักอย่าง แอนนา สำหรับ เมญ่า รวิสรา ถึงกรณีดราม่าต่างๆ โดยเจ้าตัวเผยว่า

“วันนั้นพาน้องแมวไปร่วมงานค่ะ เป็นตัวแทนของพี่แอนนา พาน้องแมวไปส่งพี่แตงโมครั้งสุดท้าย เรารู้สึกได้เลยว่าทุดคนรักพี่แตงโมมากๆ เราได้พาน้องแมวไปใกล้ๆโลงศพ พี่เบิร์ดอุ้ม และน้องแมวเกาะโลง เราร้องไห้โฮเลย คุณแม่ก็บอกว่าแมวชื่ออะไรลูก น้องโมคงอยากกอดแมวเนาะ เราอยากให้แม่อุ้มแมวไปกอด ตอนนั้นสติไม่อยู่และ เพื่อนๆก็บอกว่ารักพี่โม สำหรับเหตุผลที่พี่แอนนาไม่ได้มาเพราะเขาไปต่างประเทศ”

“ต้องเล่าก่อนว่า เราอยู่กับเขามานาน อยู่ในช่วงที่เขาร้อนเงินมากๆ เราเคยเปิดใจคุยกัน นางบอกว่าเป็นหนี้รายวัน เพราะต้องกู้เงินมาดูแลครอบครัว เราอยู่ด้วยกันตลอด ช่วยกันตลอด วันหนึ่งนางดีขึ้น คนที่ปากกัดตีนถีบ และพอได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ นางทำงานทุกวัน เพราะได้เงิน เขาทานยานอนหลับเป็นประจำ เขาโดนกระแสต่างๆทุกวัน เขาเก็บกด เขาเริ่มกินยานอนหลับ เริ่มจากกิน 2 เม็ด และหนักขึ้น หนักจริงๆก็ตอนที่เสียพ่อเลี้ยง เขาคิดว่าเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว วันที่พ่อเขาเสีย เขาโทรหาเราคนแรก เราก็จัดการธุระต่างๆในงานศพให้ เราเห็นหน้าก็รู้เลยว่าตอนนั้นเขารู้สึกยังไง เขาบอกว่าเขารู้สึกดาวน์สุดแล้ว ช่วงนั้นเขาเริ่มขายของ พี่แอนนาบอกว่า แอนนาเสียใจนะ แต่หยุดขายของไม่ได้ เพราะถ้าหยุดที่บ้านไม่มีกิน เขาดูยิ้มแต่จริงๆเขาร้องไห้อยู่นะ วันหนึ่งมีพี่ใจดีให้เงินแอนนายืม 2 ล้าน เพื่อมาปิดหนี้รายวัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มคิด วางแผนชีวิตเรื่องการหาเงิน และมาจังหวะเริ่มขายของ”

“หลายคนงงว่าทำไมรวยจัง เราอยู่ในโมเมนต์ขายของของเขา ที่ขาดทุน 7 แสน เพราะว่าเขาคิดว่าจะแจกเงิน ยอมขาดทุน เพื่อให้ยอดขายมันดี เพราะงานอินฟูเอ็นเซอร์มันไม่ได้มีกระแสดีขนาดนั้น และนางก็คิดวิทีโน้นนี้ เพื่อให้ยอดขายดี ซึ่งคนกตอบรับดีจริงๆ กระทั่งพ่อเสีย มันเป็นช่วงที่หัวเลี้ยวหัวต่อ นางหยุดไม่ได้ เพราะถ้าหยุดสิ่งที่ทำมาคือพังหมด เลยยังคงต้องทำต่อทั้งๆที่สภาพจิตใจคือแย่มาก หลังจากเสียพ่อเลี้ยงไม่นานก็เจอเรื่องพี่แตงโมอีก มันระยะเวลาไม่ถึงเดือนเลย”

“คนสังสัยว่า แอนนา ไปไหนก่อนหน้านี้ อยากถามว่าในวันที่คุณเดือดร้อนที่สุด มีปัญหาที่สุดคุณเลือกที่จะโทรหาใคร พี่แตงโม เลือกที่ตะโทรหา แอนนา วันนั้นเมนั่งอยู่ แอนนาบอกอยากช่วย โม เราไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นอะไรเกิดขึ้น แต่ ณ เวลานั้น ลำบาง อยู่ในจุดที่ตกอับของชีวิจเขา เขาเลือกที่จะโทรหาแอนนาและแอนนา ก็เลือกที่จะยื่นมือไปช่วย แตงโม ภัทรธิดา ป้อนงานให้พี่แตงโมตลอด”

“อยู่ๆวันหนึ่ง พี่แอนนามาบอกว่าเขามาชวนฉันทำลอตเตอรี่ เป็นการเล่าสู่กันฟัง รู้กันอยู่แล้ว่า พี่แอนนาชอบเล่นหวย เขาบอกว่าให้ฉันไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้เขา เมไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง อยากให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ถูกว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด แต่เหนือสิ่งอื่นใดอยากให้คิดว่า แอนนาไม่ได้ฆ่าใครตาย ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อยากให้รู้ว่าแอนนา พยายามทุกอย่างเพื่อครอบครัว และเพื่อนเขาให้ดีที่สุด”

แอนนา ไปต่างประเทศคือหนีมั้ย?

“ไม่ค่ะ คือที่ผ่านมาเขาโดนกระแสเยอะมาก เขาเลยอยากผ่อนคลาย อย่างเรื่องพี่แตงโม พี่แอนนา ต้องกินยานอนหลับ 6 เม็ด ทุกคนต้องไปส่งเข้าห้องนอนเลยนะ เรื่องกระแสพี่แตงโม กลัวมากเลยจะโดนว่า เกาะกระแสคนตาย พี่แอนนา และทุกคน ไม่มีใครอยากได้กระแสจากการตายของพี่แตงโม วันแรกที่เกิดขึ้นที่ท่าเรือ เราก็ไปที่ท่าน้ำ ก็คุยกันตามเรื่องเลย ไปตามท่านี้ ไปต่อท่านั้น ตอนนั้นพี่แอนนาผ่าตัดกระเพาะกินอะไรไม่ได้ กินน้ำก็อ้วกเลย แอนนาก็ยังไปเฝ้า เราทำทุกอย่าในการตามหาเพื่อน เมอยู่ข้างหลังพี่แอนนา เขาคุยกับเพื่อนๆว่าเอายังไงดี ให้สัมภาษณ์หรือไม่ให้สัม จะพูดยังไงดี แบบไหนดี เป็นการตัดสินใจที่หนักหนามากนะ แต่แอนนาก็บอกว่าเราจะสู้เพื่อโม พอสัมภาษณ์ปุ๊บ เรื่องมันก็กระพือ เราไม่ได้หิวแสงนะ แต่กล้องจ่อเยอะมาก”

“อันนี้ไม่รู้นะว่าเล่าได้มั้ย วันที่เราไปรับศพ ไม่รู้ว่าเหตุการณ์มันคืออะไร เราแค่อยากจะเล่าว่า มีโทรศัพท์โทรมาหาแก แกก็พูดด้วยน้ำเสียงว่า ค่ะ ได้ค่ะ ค่ะ แล้วแกก็ร้องไห้ ก็เลยเป็นเรื่องราวว่ามีโทรศัพท์มาอะไรมาเราเองอยู่ข้างหลัง เราก็บอกแค่ว่าไม่เป็นไรอยู่ข้าง พี่แอนนาไม่เคยหยุดสู้เพื่อเพื่อน จนกระทั่งโดนหลายกระแส แม้กระทั่งแม่ ก็โดนแม่ เราก็อยู่ที่เขาคุยเรื่องสถานที่ ว่ามันเล็ก อยากจะย้ายที่ เพราะจะได้ใหญ่ขึ้น เหมือนคุยกันจะจบ สุดท้ายมันก็เกิดเรื่องขึ้น ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง พี่แอนนาเลือกที่จะไม่อัดเสียงแม่ แอนนา บอกว่าถ้าเขาเป็นแม่เราเราก็คงไม่อยากให้ใครมาด่าแม่เรา แล้วโมมันรักแม่มัน มันก็คบงไม่อยากให้ใครมาด่าแม่มัน”

“กำหนดกลับของแอนนาก็ตามที่เขาบอกเลย เมไม่ทราบเรื่องถูดหมายเรียก หมายจับ แต่ที่รู้คือสุขภาพเขาแย่มาก เลยอยากไปพักผ่อน เขาทำได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาทำรถพยาบาลด้วยเงินตัวเอง ให้พี่แตงโม เรื่องความรวย คือเขาขายของ มีเงินเก็บมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เรื่องรถเขาซื้อมือสอง ราคามันไม่ได้แรงมาก เขามีเท่าที่กำลังเขามีได้ แอนนาไม่ได้ใช่เงินอู้ฟู่ขนาดนั้น”

“เราไม่ได้ตัดสินนะว่าเขาเป็นพรีเซนเตอร์หรืออะไร เพราะเห็นข่าวมีชื่อเป็น CEO เรารู้ล่าสุดว่าเป็นพรีเซนเตอร์ เราไม่รู้เรื่องความเป็นมา เขาบอกว่าเชื่อในตัวฉันนะ ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด ฉันก็สู้คดี อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ฉันเชื่อว่าฉันไม่ได้ฆ่าใครตาย ความดีจะปกป้องฉัน ถ้าผิดก็ยอมรับ ถ้าถูกอย่าปรักปรำฉันนะ”

“อยากบอกว่า เพื่อนๆทุกคนพยายามคลายข้อสงสัย แต่เพียงแต่ว่าเราแสดงออกไปไม่ได้ กลัวเสียรูปคดี เราไม่หยุดที่จะสู้เพื่อเพื่อน และสิ่งที่แอนนาจะไม่หยุด คือไม่หยุดที่จะสร้างบุญกุศลให้พี่แตงโม วันนี้เมญ่าแบกร่างมา คุยกับพี่แอนนา เรื่องร่วมกับอีจันทำโรงเรียนเพื่อน้องๆ อยากสร้างห้อง นิดา สักห้องหนึ่ง คุยกับพี่แอนนา เขาบอกอยากทำ ก็หาเงิน ด้วยวิธีการขายของ เราไม่รู้ว่าเราจะทำห้องเรียนนิดาได้มั้ย แต่เราตั้งใจ แอนนาตั้งใจ เราอยากทำกุศลที่ได้ใช้ร่วมกัน”

“ทุกคนมีทั้งสีขาวสีดำ ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก แต่อยากให้มองถึงสิ่งดีๆที่เขาทำด้วยค่ะ”

เรียกว่าเป็นความรู้สึกจากเพื่อนคนหนึ่งถึงเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมานาน ส่วนในเรื่องของคดีต้องรอเจ้าตัวออกมาชี้แจงอีกครั้งนั่นเองค่ะ