ไม่คิดเรื่องความรัก ออย ธนา พร้อมเปิดใจแยกกันอยู่กับภรรยา

​​ไม่คิดเรื่องความรัก ออย ธนา พร้อมเปิดใจแยกกันอยู่กับภรรยา ลั่นตอนนี้อยู่ในสถานะพ่อแม่ ช่วยกันดูแลลูก

หลายคนยังคงสงสัยเรื่องของชีวิตคู่ของหนุ่ม ออย ธนา ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์กับภรรยาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจว่าตอนนี้ตนเองได้แยกกันอยู่กับภรรยา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย ออย ธนา เผยว่า

ก่อนหน้านี้คนเข้าใจผิดว่าบวช?

“ก็จากละครเรื่องนี้แหละครับ แต่งเอาครับ แต่งนานครับ เหมือนคนใส่วิกทั่วไป แต่คือที่ผมพูดถึง เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมไม่เคยอยากบวชเลย แล้วก็ไม่ค่อยเข้าวัด ไม่ค่อยทำบุญ เพราะผมมีความรู้สึกว่ามันไม่เห็น แล้วเราก็รู้สึกว่า เราไปทำในสิ่งที่เราสบายใจดีกว่า ผมก็เลยไม่ไหว้พระ ไม่ค่อยเข้าวัด แต่วันนั้นพอผมเข้าใจว่าเฮ้ย…พอเราได้ทำอะไรแบบนั้น มันก็รู้สึกทำไมไม่รู้มันอยากบวชขึ้นมาจริงๆ หลังจากนั้นผมก็ไปคุย เคลียร์กับผู้จัดการ ว่าเราอยากบวชแล้วอะ เราอยากเคลียร์งาน แต่มันติดไปหมด พอเราจะไปบวชมันก็ติดนู่นติดนี้ไปหมด ก็เรื่องประมาณนี้ครับ”

มีแพลนว่าจะบวชไหม?

“มีครับ แต่ว่าผมติดงานเรื่องที่ถ่ายปัจจุบันอยู่ ก็จะบวชก่อนที่จะถ่าย ผมก็ยาวไม่ทัน หรือว่าถ่ายจบแล้วผมจะยังอยากบวชอยู่ไหม ผมก็รู้สึกว่ามันก็หายไปแล้วอะ มันเหมือนมีไฟ แต่การที่เราจะทำอะไรพอมันห่างไปเรื่อยๆ มันก็ลืม ความอยากมันไม่เท่าตอนนั้น”

ตอนนี้ความรู้สึกยังอยากบวชอยู่ไหม?

“นี่ลืมไปแล้วเนี่ย (หัวเราะ) ถ้าไม่พูดนี่ลืมไปแล้ว พอเรามานั่งคิดว่าความสบายของเรา เฮ้ย…มันสบายมากเลย เพราะไปอยู่ในนั้นไม่ต้องคิดอะไร ไม่มีภาระหนี้สิน ไม่มีเรื่องที่จะต้องมาวุ่นวายรายเดือน จ่ายโน่นจ่ายนี่ มันสงบ ผมรู้สึกว่ามันสบายจังเลย อ๋อ…รู้แล้วทำไมคนถึงบวชกัน แล้วมันก็สบายใจ แต่พอกลับสู่โลกแห่งความจริง ชีวิตคนเราต้องทำอะไรเยอะ มันมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบ มันก็ทำให้เรื่องไม่ต้องคิดเยอะ”

มีความคิดลองปฏิบัติทำไหม?

“ไม่เคยเลย ผมไม่เชื่อเท่าไหร่ ผมเชื่อในสิ่งที่ทำมากกว่า แต่นั่งสมาธิหรืออะไรผมไม่เก็ตเท่าไหร่ ไม่เข้าใจด้วย”

ถ้ามีโอกาสได้บวชจริงๆจะบวชนานไหม?

“มีคนเคยบอกว่า ถ้าผมเข้าใจมันอาจจะไม่สึกก็ได้ เพราะว่ามันสบาย ถ้าเอาแบบคนไม่รู้เรื่องในธรรมะจริงๆ ผมว่าการที่เราอยู่ทุกวันนี้ เราเอามาแบกเอง สุดท้ายก็วุ่นวายกับชีวิตเราเอง เรามีค่าน้ำค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ กินนู่นกินนี่อะไรแบบนี้ เราต้องการเองทั้งหมดเลยแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันวุ่นวายเพราะสิ่งที่เราอยาก เป็นหนี้สินเพราะสิ่งที่เราอยาก แต่พอเป็นพระมันไม่มีเลย มันเหมือนกับวางทุกอย่างไปเลย แล้วเรารู้สึกว่ามันสบายมากไม่ต้องคิดอะไร แล้วก็มารู้สึกว่ามันสบายใจ”

ตอนนั้นเหมือนเราไปเจอเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ?

“ไม่หรอกครับ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนั้น แล้วก็ความรู้สึกว่าผมเคยบวชแล้ว แล้วมันก็รู้สึกว่ามันเป็นทางๆ หนึ่ง ที่ทำให้คนได้พักสมอง ไม่ต้องคิดเรื่องกับชีวิตที่ต้องเป็นแบบวัฎจักร เพราะเราต้องกินต้องใช้ต้องทำงาน เพื่ออะไร เพื่อสิ่งนู่นสิ่งนี้ทุกอย่าง แต่พอไปทางนู่น ผมรู้สึกว่ามันหยุดทุกอย่าง เหมือนพักผ่อน”

มันเกี่ยวกับเรื่องชีวิตคู่ตอนนั้นด้วยหรือเปล่า ที่ทำให้เราเข้าถึงมุมนั้น?

“ไม่เกี่ยวครับ ผมแค่รู้สึกว่าลองคิดดู หลังจากลองนั่งใส่วิกมาหลายชั่วโมงแล้วก็ไปนั่งใส่ผ้าเหลืองดู มานั่งคิดว่าทำไมคนบวชเพราะอะไร อ๋อ…เพราะมันสบาย เพราะมันพักทุกอย่าง มันวางสิ่งที่เราเอามาเอง ผมเคยเห็นคำสอนของในวัด เขียนสอนคนว่า ถือก็หนัก วางก็เบามันก็จริง เราก็เอามาถือเอง วางลงก็เบา แค่นั้นเอง”

ถึงวันนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยหมดแล้ว?

“ใช่ครับ ตอนนี้ก็แยกกันอยู่ นี่สิ่งที่อยากถามใช่ไหม ไม่เป็นไรครับ ก็ชัดเจนครับ คือตอนนี้เราก็มีหน้าที่อย่างเดียว คือเป็นพ่อและแม่ ก็หาวิธีการตกลง โดยการไกล่เกลี่ยในแบบศาลปิด ก็ช่วยกันดูแลเขาให้ดี เขาก็มุ่งประเด็นไปที่เด็ก ก็ฝ่ายพ่อแม่เป็นไงเขาไม่ได้มอง ประเด็นหลักคือเขาอยากให้เด็กมีประโยชน์ที่สุด ได้ความสำคัญที่สุด แล้วเด็กต้องมีทั้งพ่อและแม่ช่วยกันดูแล เขาก็จะมีการแบ่งวันกันดูแลชัดเจน ก็ดูแลให้ดีที่สุด”

น้องก็อยู่กับคุณแม่เป็นหลัก?

“ไม่ใช่ครับ แบ่งกันครับ เป็นวัน ชัดเจน มีกำหนดในข้อกฎหมาย ไม่ต้องลงดีเทลดีกว่าครับว่าแบ่งยังไง”

ในเรื่องของความรู้สึกของน้อง เรากังวลขนาดไหน?

“มันแน่นอน มันมีอยู่แล้ว พอมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น หรือเราเรียกว่ามันเป็นอุบัติเหตุในชีวิตเรา เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด เราอยากทำให้มันดีที่สุด แต่วันหนึ่งมันเกิดขึ้นแล้ว เราไม่ต้องคิดแล้วว่ามันเกิดขึ้นทำไม เราคิดดีกว่าว่าเราจะทำไงต่อไปให้ดี”

ทุกวันนี้น้องมีคำถามไหม ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า?

“ผมเชื่อว่าเขามีในใจ แต่เขาพูดไม่ถูก มันซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็ก 8 ขวบ แต่เด็ก 8 ขวบบางคนอาจจะรู้เรื่องแล้ว แต่ว่าอย่างลูกผมเขาก็คงรู้สึกข้างในแหละว่าเขาเป็นอะไร แต่เขาพูดไม่ได้ เขาพูดไม่เป็นก็เลยจะเงียบๆแบบผม”

มุมมองความรักเปลี่ยนไปเยอะไหมตอนนี้?

“ไม่ได้มองแล้วครับ ผมมองไปที่ว่าเราจะทำยังไงต่อไปให้มันดี ไม่ได้มองเรื่องชีวิตคู่เลย ตอนนี้ก็ดูสถานการณ์ แล้วก็ดำรงชีวิตต่อไป ช่วยกันดูแลเด็กมากว่า ส่วนเรื่องความรักผมเลิกมองไปสักพักแล้วครับ”

เรื่องของความรัก เป็นเรื่องที่คนสองคนจะรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายเราเป็นคนนอก ก็มีหน้าที่ในการให้กำลังใจเท่านั้นก็พอค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
พีพี กฤษฏ์ หลังถูก เติร์ก Gym and Swim วิจารณ์แรง