ย้อน 10 คำชี้แจงจาก ค่ายแสงรวีฯ ก่อนฟ้อง อิงฟ้า 1,200 ล้าน!

ย้อนดู 10 คำชี้แจงจาก ค่ายแสงรวีฯ กรณีเรื่องผิดสัญญาศิลปินของ อิงฟ้า วราหะ ลั่นเดินหน้าดำเนินคดี ก่อนฟ้อง 1,200 ล้าน!

จากกรณีความขัดแย้งระหว่าง อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 กับค่ายเพลงเก่าอย่าง แสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เกี่ยวกับเรื่องสัญญาการเป็นศิลปิน โดยก่อนหน้านี้หลังจากที่สาว อิงฟ้า ได้รับตำแหน่ง มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ทางค่ายได้มีการออกมาประกาศว่าสาว อิงฟ้า นั้นมีการทำผิดสัญญาศิลปินในการไปประกวด นางงาม บนเวที มิสแกรนด์ เนื่องจากเธอยังติดสัญญากับทางค่ายอยู่นั้นเอง

ด้าน อิงฟ้า ก็ได้มีการออกมาชี้แจง โดยเธอรับว่าเธอยังติดสัญญากับทาง ค่ายแสงรวี อยู่จริง แต่ก่อนหน้าที่เธอจะประกวดก็ได้มีการปรึกษากับทนาย และมีการดำเนินการทางด้านกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้สามารถประกวดได้ อีกทั้งเธอยังเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เธอออกมาจากค่าย เธออ้างว่าเนื่องจากค่ายไม่ให้งานเธอเป็นเวลาหลายปี

ล่าสุดด้วยความขัดแย้งดังกล่าว ทำให้ทาง ค่ายแสงรวี ได้ตัดสินใจทำการฟ้องสาว อิงฟ้า พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นเงินมากถึง 1,200 ล้านบาท! โดยก่อนที่จะทำการฟ้อง ทางค่ายก็เคยออกมาแถลงการณ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องสัญญาศิลปินของ อิงฟ้า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยทางค่ายระบุว่า

“แถลงการณ์เรื่อง ข้อเท็จจริงสัญญาศิลปินในสังกัดระหว่างบริษัท แสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กับนางสาว อิงฟ้า วราหะ (มุก) ตามที่มีข่าวการกระทำ ผิดสัญญาศิลปิน ระหว่าง ค่ายแสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต้นสังกัด กับนางสาว อิงฟ้า วราหะ (มุก) ศิลปินในสังกัด ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสื่อมเสียดังที่ปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในขณะนี้ ทำให้บริษัท แสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้รับความเสียหาย สร้างความเกลียดชัง และขาดความเชื่อถือในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนการถูกใส่ร้ายดูหมิ่นเหยียดหยาม โดยสัญญาที่ระบุไว้เป็นเวลา 12 ปีนั้นเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่ายตามหนังสือสัญญา จากกรณีดังกล่าวข้างต้น ทางบริษัท แสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดจึงขอชี้แจงตามข้อเท็จจริง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

(1.) บริษัท แสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2543 โดยมีแรงบันดาลใจมาจากการชื่นชอบ และรักในเสียงเพลงของผู้บริหาร และบริษัทฯ ยังมีกิจการหลายประเภทที่สามารถหล่อเลี้ยงกิจการในเครือ ซึ่งมีศิลปิน และพนักงานหลายชีวิต โดยที่ผ่านมาได้สร้างสรรค์ผลงานเพลง และโปรโมตให้กับศิลปินมากมาย จนศิลปินบางคนมีชื่อเสียงโด่งดังในภาคอีสาน

(2.) ข้อเท็จจริงสำหรับ นางสาว อิงฟ้า แสงรวี (วราหะ) เริ่มต้นจากการที่มีผู้นำพามาฝากทางค่ายให้ดูแลเป็นศิลปินในสังกัด ซึ่งผ่านขั้นตอนการออดิชั่น และได้รับการยอมรับเข้าค่าย โดย อิงฟ้า เดินทางมาจากจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งขณะนั้น อิงฟ้า อายุประมาณ 17 ปี บริษัทฯ จึงได้นัดหมายให้นำบิดาและมารดามาด้วย เพื่อตกลงยินยอมให้บุตรของตนเข้าสังกัด แต่มารดาของ อิงฟ้า คือ นางบุญช่วย วราหะ (โบว์) ได้อ้างว่าสามี หรือพ่อของ อิงฟ้า ป่วยเป็น มะเร็งระยะสุดท้าย เดินทางมาไม่ได้ จึงขอเดินทางไปๆ มาๆ เพื่อดูแลสามี

ในระหว่างนั้น อิงฟ้า ยังศึกษาอยู่ที่อุทัยธานี แต่เมื่อตกลงกันแล้วทางบริษัทฯจึงได้หารือให้ย้ายมาศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ในโรงเรียนในเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อความสะดวกคล่องตัวในการทำงานเป็นศิลปิน โดยบริษัทฯได้อุปการะทั้งค่าเทอม และค่าใช้จ่ายในระหว่างศึกษา ค่าใช้จ่ายรายวัน และรายสัปดาห์ ประมาณวันละ 500-600 บาท บางวันมีกิจกรรมพิเศษ สามารถเบิกซื้ออุปกรณ์การเรียนได้อีกต่างหาก และสามารถร้องขอค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มได้อีก

ภาพจาก IG fa_engfa8(3.) ต่อมา นางบุญช่วย มารดา และ อิงฟ้า ได้แจ้งบริษัทฯ ว่า สามี หรือพ่อ อิงฟ้า ได้เสียชีวิตลง จึงได้มาขอความช่วยเหลือกับบริษัทฯ เป็นค่าปลงศพ เป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท โดยขณะนั้นยังไม่ได้เซ็นสัญญาต่อกันเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากนั้น อิงฟ้า และมารดาก็ได้เดินทางเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างถาวร โดยบริษัทฯ ได้อุปการะไว้ทั้งสองคน

ในระหว่างที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ บริษัทฯ ได้จัดหาที่พักอาศัยให้อยู่อย่างดี กล่าวคือ มีบ้านพัก มีห้องนอนปรับอากาศ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีแม่บ้านดูแลความสะอาดในห้อง และรอบที่อยู่อาศัย บางครั้งมีบริการซักเสื้อผ้าให้ และได้สนับสนุนซื้อเสื้อผ้าอย่างดีให้สวมใส่ ในส่วนของอาหารก็ดูแลกันเสมือนบุตร และสมาชิกในครอบครัว โดยมีแม่ครัวทำอาหารให้กิน และได้อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านเดียวกัน และไม่เคยให้กินบะหมี่สำเร็จรูปแทนมื้ออาหารตามที่เป็นข่าว เพราะบริษัทฯ ให้การอุปการะเลี้ยงดูเหมาะสมเป็นอย่างดี

(4.) เมื่อได้อยู่อาศัยในช่วงเวลาหนึ่งจนพร้อม และมั่นใจกัน และกันแล้ว บริษัทฯ จึงได้เรียกนางบุญช่วยมารดาของ อิงฟ้า เข้ามาเซ็นสัญญาคู่กับ อิงฟ้า เพราะ อิงฟ้า ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย ต้องให้มารดาให้การยินยอมลงลายมือชื่อในสัญญาซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจน โดยในสัญญานั้นไม่มีการระบุว่า ให้ยกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวแต่ประการใด การยกเลิกสัญญาต้องได้รับรู้กันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นการที่อ้างว่า ยกเลิกฝ่ายเดียวนั้น จึงไม่สามารถทำได้ตามที่เป็นข่าว ทำให้สังคมไม่รู้ความจริง และมองภาพบริษัทฯ เสียหาย

(5.) ในช่วงที่ อิงฟ้า เป็นวัยรุ่น บริษัทฯ พยายามทำความเข้าใจ และปรับเข้าหากัน แต่บางครั้ง การที่ศิลปินหายตัวไป กลับบ้านมาหลังเที่ยงคืนอยู่บ่อยๆ บริษัทฯ มีความเป็นห่วง จึงได้มีจดหมายตักเตือน อิงฟ้า ไปหลายครั้ง

จนกระทั่งอิงฟ้าจบ ม.6 ทางบริษัทฯ ได้สนับสนุนให้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์อีก 4 ปี

โดยอุปการะทั้งค่าเดินทางไปเรียนโดยรถแท็กซี่ (ไม่ใช่รถประจำทาง) ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา อีกทั้งได้ส่งเสริม และฝึกฝนการร้องเพลง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นมืออาชีพ เมื่อมีความพร้อมก็ได้เข้าห้องบันทึกเสียง และว่าจ้างครูมาสอนเต้น สอนรำไทย ในขณะนั้นมีงานร้องเพลงเข้ามาบ้างประปราย เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยบริษัทฯได้ผลิตเพลงให้ อิงฟ้า ทั้งอัลบั้ม และซิงเกิล อย่างน้อย 15 เพลง ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามสื่อ แต่เนื่องจากสถานการณ์ โควิด และ อิงฟ้า ได้หายตัวออกไป บริษัทฯ จึงหยุดทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์

(6.) ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน บริษัทฯ ตระหนักดีว่า การเป็นศิลปินนั้นจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี และมีบุคลิก หน้าตาสวยงาม ทางบริษัทฯจึงลงทุนให้ไปทำศัลยกรรม เช่น เสริมจมูกหลายครั้ง ดัดฟัน ฉีดแฟตหน้าเรียว ลดแก้ม เขียนคิ้วถาวร ฯลฯ

(7.) ความเป็นจริงเรื่องการทำขวัญนาค ทางบริษัทฯ ได้ว่าจ้างวงปี่พาทย์ดนตรีไทยมาสอนเพื่อเพิ่มเติมทักษะ โดย อิงฟ้า ได้เรียนทำขวัญนาคจากครูเพลง ซึ่งเป็นศิลปินในค่ายเดียวกันมาสอนให้จนเกิดความเชี่ยวชาญ สามารถต่อยอดมีชื่อเสียงในโซเชียลเรื่องการทำขวัญนาค และสามารถออกรับงานทำขวัญนาคได้ โดยรายได้จากการขวัญนาคนั้น ทางบริษัทมอบให้เป็นรายได้ส่วนตัวทั้งหมดโดยไม่มีการหักค่าเปอร์เซ็นต์ใดๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ อิงฟ้า ให้ข่าวแต่ในทางลบกับบริษัทฯ

(8.) เรื่องการรับงานแสดงนั้น หลังจาก อิงฟ้า มีอัลบั้ม และซิงเกิลแล้ว แต่ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงรับงานได้เล็กน้อย ทางบริษัทฯ ไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์ หรือมีรายได้จากงานของ อิงฟ้า เลย ตรงกันข้ามทางบริษัทฯ ได้หารือกัน เพื่อเพิ่มรายได้ให้ อิงฟ้า โดยให้เข้ามาช่วยงานบริษัทเป็นครั้งคราว และจ่ายเงินเดือนให้ทุกเดือน (นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ให้ตามปกติ) ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯ ได้ยื่นมือช่วยเหลือ และดูแลการเงินให้กับมารดา อิงฟ้า เป็นพิเศษต่างหากอีกหลายครั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ให้ความรัก และความผูกพันกับ อิงฟ้า เสมอมา จนกระทั่ง อิงฟ้า ได้เคยเขียนส่งในแอปพลิเคชันไลน์ว่า รักเจ้าของบริษัทเหมือนเป็นแม่ โดยกล่าวว่า “ไม่มีเงิน ก็ไม่ขายแหวนของแม่ (เจ้าของบริษัทซื้อแหวนให้) และประโยคที่ว่า “รักแม่” (คำเรียก อิงฟ้า เรียกเจ้าของบริษัท) จะไม่มีวันทรยศ”

(9.) เมื่ออิงฟ้าเรียนจบปีสุดท้าย ได้ขอลางานบริษัทฯ เพื่อไปหาพี่สาว หลังจากวันนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย และได้ทำการบล็อกไลน์ บล็อกเบอร์โทรศัพท์ เพื่อไม่ให้ใครสามารถติดตามได้ จนกระทั่งได้ไปออกรายการประกวดร้องเพลง “เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์” ซึ่งฝ่ายประสานงานของบริษัทได้โทรแจ้งรายการว่า อิงฟ้า ยังติดสัญญากับค่ายฯ

หลังจากนั้น อิงฟ้า ได้มาเจรจาที่บริษัทฯ โดยนำกลุ่มบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องมาร่วมเจรจา บริษัทเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ควร จึงปฏิเสธการเจรจา ซึ่ง อิงฟ้า ทราบเป็นอย่างดีว่า ตนเองยังอยู่ในสัญญา แต่หลังจากนั้นก็ยังมีประพฤติผิดสัญญาอีก โดยได้ไปสมัครประกวด มิสแกรนด์สุพรรณบุรี ฝ่ายประสานงานบริษัทจึงโทรเข้าแจ้งกองประกวดว่า อิงฟ้า ยังติดสัญญากับบริษัทฯ โดยทางบริษัทฯไม่ได้มีเจตนาขัดขวางการทำงาน แต่ควรขออนุญาตให้ถูกต้องตามสัญญา

(10.) อนึ่ง การเซ็นสัญญา 12 ปีนั้น หลังจากการเซ็นสัญญาแล้ว ด้วยความไม่พร้อมของ อิงฟ้า ทำให้ยังไม่ได้เป็นศิลปินทันที เพราะบริษัทให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาเล่าเรียน โดยส่งเรียนในระดับมัธยมศึกษา – อุดมศึกษา รวมระยะเวลา 7 ปี หลังจากนั้นเมื่อพร้อมแล้ว จึงเริ่มมีผลงานเพลงเผยแพร่ ซึ่งหลังจากนั้นตรงกับช่วงสถานการณ์ โควิด อีก 3 ปี ทำให้ต้องชะลอการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในระหว่างนั้นหาก อิงฟ้า มีความประสงค์ดี โดยบอกกล่าวบริษัทเพื่อให้ส่งเสริมสนับสนุน เช่น การเข้าประกวดร้องเพลง ประกวดความงาม หรืออื่นๆ บริษัทฯ สามารถยินยอมยืดหยุ่นให้ทำงานดังกล่าวได้

จากการชี้แจงนี้ บริษัทฯ ยืนยันว่า เป็นความจริงทุกประการ สาเหตุที่ บริษัทฯ ไม่ได้ออกมาตอบโต้ก่อนหน้านี้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกระแสในแง่ลบทั้งสองฝ่าย แต่ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับผลกระทบในทางลบจากกระแสโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมากเพียงฝ่ายเดียว บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงต่อสื่อมวลชน และสังคม เพื่อความเป็นธรรม โดยจากนี้บริษัทฯ จะดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสัญญา, ละเมิดสิทธิ์, หมิ่นประมาท หรือสร้างความเสียหายใดๆ ต่อทางบริษัทฯ”

ซึ่งหลังจากที่ค่ายได้ออกมาร่ายยาวชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว ด้านสาว อิงฟ้า เองก็ได้มีการออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า คำแถลงการณ์ดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง งานนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เราคงต้องไปติดตามกันต่อในเรื่องของคดีความ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม แอดจะนำมารายงานให้ทราบกันต่อไปนะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
อิงฟ้า วราหะได้รับหมายศาล ค่ายเพลงเก่าฟ้อง 1,000 ล้าน