ครูไพบูลย์ พูดครั้งแรก ปมเจอดราม่าหนัก พร้อมตอบ ทำศัลยกรรมหรือไม่

​​ครูไพบูลย์ พูดครั้งแรก ปมเจอดราม่าหนัก รับเคย คิดสั้น พร้อมตอบ ทำศัลยกรรมหรือไม่

เป็นอีกหนึ่งคนที่โดนมรสุมดราม่าหนักมากๆ สำหรับ ครูไพบูลย์ แสงเดือน และ นักร้องสาว กระต่าย พรรณนิภา จนมาถึงตอนนี้ดูเหมือนว่า ดราม่าจะเบาลงบ้างแล้ว วันนี้ 25 ส.ค. ครูไพบูลย์ ได้มาพูดคุยกับอีจันบันเทิง ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต ว่าจะผ่านมันมาได้ ต้องตั้งรับ หรือทำใจอย่างไรบ้าง รวมถึงโดนบูลลี่หน้าตา ถูกเรียกว่า ลูกชิ้นมีหู รู้สึกอย่างไรบ้าง โกรธหรือเปล่า และ ล่าสุดโดนเม้าท์ว่า แอบไปเสริมความหล่อ อัปดั้งใหม่มาหรือไม่ วันนี้มีคำตอบ โดย ครูไพบูลย์ เผยว่า

“ถามว่าทำอะไรอยู่บ้าง เรื่องงานเพลงก็ยังทำเหมือนเดิม ยังทำคอนเทนต์ลงยูทูบ แล้วที่เพิ่มมาคือน้อง กระต่าย ไลฟ์สดขายของ สาเหตุที่ต้องมาขายของด้วยเป็นเพราะว่า ช่วงโควิด รวมถึงเจอดราม่าด้วย งานไม่มีถูกยกเลิก ไม่มีงานคอนเสิร์ตช่วงโควิด และยังมาเจอดราม่าอีก ก็เลยลากยาวมา 3 ปีครับ และอีกอย่างตอนนั้น น้อง กระต่าย ก็มีน้องด้วย ก็เลยอยู่บ้านเลี้ยงลูก ต้องขอบคุณกระต่ายที่ขยันมาก ขายของ ก็ยอมรับว่าเหนื่อยมากขึ้นจากเมื่อก่อนครับ”

“ย้อนกลับไปในตอนแรกมันแย่มาก แย่ถึงขั้นเคยคิดสั้น เราไม่เคยเจอ รับสภาพตรงนั้นไม่ได้ เวลาผ่านไปสักพักเราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เรียนรู้ความเป็นมนุษย์เรียนรู้สติปัญญา ก็ค่อยค่อยทำความเข้าใจไป มันก็ดีขึ้นครับ เรามี กำลังใจที่ดีก็คือมาจากลูก รวมถึงคนในครอบครัวมี แม่ มีพี่ มีน้อง แต่หลักๆเราสองคนจะชอบกอดให้กำลังใจกัน และก่อนนอนเราก็จะคุยกัน ตัวน้อง กระต่าย เองประสบการณ์ชีวิตยังน้อย ผมจะเป็นคนที่บอกเขาว่าเราจะต้องสู้ ใจเย็นๆทุกอย่างเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปก็ให้กำลังใจกัน ซึ่งเขาก็สู้แล้วก็มีกำลังใจในการไปไลฟ์สดขายของ สู้กับทุกๆอย่างครับ แต่เราไม่ได้โทษใครเลยนะครับ ทุกอย่างเกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เกิดจากเหตุ และผล และเวลาของมัน เราต้องมีสติ เราต้องรู้จักปล่อยวาง ภาพธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ก็มีแค่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป มันก็จะผ่านไปครับ เราใช้ธรรมะในการเยียวยาหัวใจของเราช่วงนั้นจะไปทำบุญบ่อย คนที่ทำให้สุขภาพจิตเราดีนั่นก็คือลูกของเรา เขาไม่ได้นอนกับเราแต่บางคืนก็นอนด้วยกัน ทุกครั้งที่ตื่นมาเราก็จะคอยนอนฟังเสียงเขา บางคืนเขานอนกับคุณยาย บางคืนก็จะนอนด้วยกัน ผมจะชอบฟังเสียงเขาเวลาเรียกย่า เรียกยาย เรียกป่ะป๊า แม่ต่าย เราได้ยินเสียงเขามันก็ทำให้ชีวิตเรามีพลัง มันมีแรงที่จะสู้ต่อ เมื่อก่อนไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีชีวิตไปเพื่ออะไร แต่ทุกวันนี้ชัดเจนเลยว่าเราจะอยู่เพื่อดูแลเขา ดูการเจริญเติบโตของเขา ตอนนั้นเราโดนดราม่าหนักมากจน กระต่ายบอกว่าขอยอมแพ้ ยอมแพ้ทุกอย่างไม่อยากออกจากบ้าน ไม่กล้าออกจากบ้าน ผมก็บอกเขาว่าไม่เป็นไรมันเป็นเรื่องที่เราจะต้องเจอ เราอยู่ในวงการนี้เราต้องก้าวต่อ เราต้องข้ามผ่านดราม่าไปให้ได้ และก็พิสูจน์ให้คนเห็นว่าเรายังสู้และเรายังทำสิ่งดีๆตอบแทนสังคมต่อไปได้”

พอเรื่องราวมันดีขึ้นรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

“มันเหมือนการยกภูเขาออกจากอก ถามว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ไหมก็ยังไม่ ตอนนี้สิ่งที่อยากทำคืออยากทำเพลงให้มันดังมีกระแสมีงาน เพราะว่าน้องชอบร้องเพลง ถามว่าของขายดีไหม ขายดี ได้เงินเยอะครับแต่มันเป็นความสุขของน้อง ความสุขหลักของเขาคือการที่น้องได้ร้องเพลง การมอบความสุขให้กับคนดู แม้ว่าคนอาจจะไม่ได้กลับมาชอบมากมายเหมือนเดิม แต่อยากให้กลับมาฟัง ได้รับความเมตตาเหมือนเดิม เขาก็พร้อมที่จะมอบความสุข ด้านหน้าเวทีเหมือนเดิมครับ ถามว่าตอนนั้นกระทบกับงานมากแค่ไหนก็เคยมีงานแบบเต็มเดือนสุดท้ายเหลือแค่ 5-10งาน หรือบางเดือนช่วงนี้ก็ไม่มีงานเลย เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเป็นบทเรียนอย่างดี เป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่”

คำด่าหรือคำบูลลี่ไหนที่รู้สึกเจ็บที่สุด ?

“คำด่าซะส่วนใหญ่ ที่เอ่ยถึงบุพการี มากกว่าครับที่ทำให้ผมรู้สึกไม่โอเค แต่ถ้ามาด่าส่วนตัวกับผม เขาด่าได้นะ เขาด่าในมุมมองของเขา เรามองว่ามันเป็นการติเตือน ถ้าเรามองทุกครั้งมันเป็นคำด่า เราจะไม่มีความสุขแล้วก็รู้สึกท้อมาก ถามว่าคำไหนหนักที่สุดก็คือคำที่ด่าถึงบุพการีครับ”

คุณแม่เป็นยังไงบ้าง ?

“ต้องบอกว่าคุณแม่ผมเพิ่งเสียไป ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตอนที่ท่านอยู่ท่านจะให้กำลังใจ ผมเป็นคนที่ติดแม่จะอยู่กับแม่ตลอด แม่บอกว่าสิ่งที่จะช่วยได้ก็คือมีสติ แล้วก็รักกัน เงินที่คุณแม่เสียนั้นคือคุณแม่ป่วย เมื่อปี 63 ผมพาแม่มาอยู่ในเมืองจากที่แม่เคยทำงานท่านไม่ได้ทำแล้ว แล้วแม่เป็นสโตรก เขาล้มหัวฟาดพื้นแล้วก็เหมือนเป็นอัมพาตครึ่งซีก ช่วงนั้นเราก็รักษาทันพอหลังจากนั้น ด้วยความชราตอนนั้นก็เดินได้บ้างไม่ได้บ้าง หลังจากนั้นแม่ก็เป็นหลายโรค ผมจะคอยให้กำลังใจแม่แล้วจะหาสิ่งใหม่ๆทำทุกปีแล้วบอกแม่เพื่อให้ท่านรอ เป็นกำลังใจ แต่สุดท้ายด้วยความที่แม่อายุเยอะ แล้วก็เป็นหลายโรค เราก็อยู่ด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย จนถึงวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นวันที่ท่านเสียครับ”

วินาทีนั้นมัน ช็อกขนาดไหน?

“มืดไปหมดเลยครับ แม้ว่าช่วงที่ท่านป่วยเราได้เริ่มทำใจกันมาอยู่บ้างแล้ว แต่คำว่าจากไปโดยไม่กลับ ของบุคคลที่ชื่อว่าเป็นบุพการีของเรา มันทำใจไม่ได้ ทุกวันนี้ผมก็ยังทำใจไม่ได้ ทุกวันนี้ถ้าวันไหนเหนื่อยก็คิดถึงแม่ครับแล้วก็ร้องไห้ ก็เป็นมุมที่คิดถึงท่านแต่ก็ทำดีที่สุดแล้วครับ ทำทุกอย่างเพื่อท่านได้อย่างดีมากแล้วครับ อีกหนึ่งที่ผมภูมิใจก็คือท่านได้เห็นความสำเร็จของเราอยู่ทุกช่วงชีวิตของเรา”

“ ต้องยอมรับว่าดราม่าครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่จริงๆ และขอให้เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตนะครับ เพราะว่ามันไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ เราไม่ได้ตั้งรับว่าชีวิตหนึ่งจะเกิดกระแสดราม่าได้ขนาดนี้ พยายามอธิบายบอกทุกคนแล้วว่า ทุกอย่างเกิดจากความรักและความดีที่เรามีต่อกันครับ”

รู้สึกอย่างไรที่คนเรียกเราว่าลูกชิ้นมีหู ?

“ผมมองว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขา เขาสามารถบูลลี่เราได้โดยเฉพาะสังคมออนไลน์ เขาบูลลี่เราเพราะว่าเขามองเขาเชื่อ เขาทำตามแล้วเค้าก็สนุก บางคนทำเพราะสนุกบางคนทำเพราะสะใจ บางคนทำเพราะไม่ชอบ มันไม่สามารถบังคับเขาได้ ผมจะเกิดมาหน้าตาอย่างนี้มันเลือกเกิดไม่ได้ครับ แต่ผมดีใจที่สุดที่คุณแม่ให้ผมครบ 32 ประการ และสิ่งที่ท่านให้มากที่สุดก็คือความรักคนจะบูลลี่ว่าผมเป็นอะไรนั้นก็แล้วแต่เขา เราไม่ได้ว่าอะไรครับ ถามว่าตอนแรกโกรธไหมก็ตกใจนะครับ เราไม่ได้ถึงกับโกรธหรือเกลียดคนที่พูดแต่เราแค่อาจจะอยู่ในภาวะอารมณ์ในช่วงนั้น อารมณ์และจิตใจมันก็จะต่างกันไปครับ”

ล่าสุดคนสงสัยว่าไปทำจมูกมาหรือเปล่า ?

“ทำจริงครับ เพิ่งทำได้ 14 วันเอง คนถามว่าทำไมต้องทำจริงๆแล้วผมไม่ได้อยากทำเพราะว่าผมเป็นคนกลัวเข็มมาก กลัวการฉีดยากลัวการผ่าตัดทุกอย่าง แต่เนื่องด้วยของโหงวเฮ้งความเชื่อเราอยากเปลี่ยนแปลง มีครูบาอาจารย์หลายท่านก็บอกว่าน่าจะทำ และเสริมดวงเสริมโหงวเฮ้งและที่สำคัญก็เพิ่มความมั่นใจนี่แหละครับ ทำแค่จมูกครับอย่างอื่นเหมือนเดิม หลังจากออกมาไม่รู้ว่ากระต่ายเห็นหรือยังแต่เขาก็ชมแล้วว่าดูดีขึ้น เหมือนให้กำลังใจเราให้เรารู้สึกดี ผมเองก็กลัวเพราะมันเจ็บมาก ที่ตอนแรกยังไม่บอกว่าทำมาเพราะว่ายังไม่กล้าบอกเพราะจมูกยังไม่เข้ารูปยังไม่ยุบบวม เดี๋ยวรอให้เข้าที่ก่อนถึงจะบอก หลักๆก็เสริมโหงวเฮ้งเพิ่มความมั่นใจ ถามว่ามันมั่นใจขึ้นไหมก็มั่นใจขึ้นครับแต่ก็ไม่ได้มากขึ้นเท่าไหร่ (หัวเราะ)”

เห็นว่าสร้างบ้านงบบานปลายเลยหรอ ?

“จริงครับเราสร้างด้วยเงินสดที่เรามีไม่ได้มีเยอะอะไรนะครับ เราพยายามค่อยๆหาค่อยๆจ่ายไปเรื่อยๆ เรามีความฝันว่าอยากมีครอบครัวใหญ่อยากให้ทุกคนมาอยู่รวมกัน ตั้งงบไว้ประมาณ 20 ล้านครับ ตอนนี้ยังไม่เสร็จก็หมดไป 10 กว่าแล้ว ถ้าเกินนี้ก็ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหน น้อง กระต่าย ก็ไลฟ์สดนะหาเงินขายของก็เหนื่อยครับ บ้านหลังนี้เป็นชื่อเขาแหละครับเขามีความฝันอยากได้บ้าน ที่ครึ่งบ้านเป็นห้องของเขาหมดเลย เขาชอบแต่งตัวชอบเสื้อผ้า มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นสาวๆครับ ตัวบ้านจะเสร็จประมาณธันวาคมนี้ ถ้าสมบูรณ์เสร็จทุกอย่างน่าจะต้นปีหน้า ตอนนี้ปั๊มเงินเหนื่อยมาก”

ฝากผลงานหน่อย?

“ฝากผลงานเพลงของน้องกระต่าย พรรณนิภา กำลังทำผลงานเพลงใหม่ พยายามทำผลงานดีๆ ที่จะให้แฟนคลับที่ยังเมตตาเราอยู่ ฟังแล้วก็อินไปกับเพลงของเรา แล้วก็เมตตาเราต่อๆไปเรื่อยๆ ฝากการขายของออนไลน์ของน้องด้วยฝากซื้อฝากเมตตาอุดหนุน เพราะว่าน้องตั้งใจทำครับ เพราะว่าเค้าทดลองใช้เองก่อนเขาถึงเอามาขายอยากให้ได้ใช้ของดีๆ ส่วนผลงานเพลงของค่ายจ้วดจ้าด ก็จะมีนักร้องใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ ก็สร้างขึ้นมาเรื่อยๆเท่าที่มีกำลัง ก็จะสร้างต่อไปไม่หยุดครับ ขอสัญญากับพี่ๆที่ยังไม่เข้าใจยังบูลลี่หรือคิดลบกับเราอยู่ เราจะพัฒนาตนเอง ทางด้านศักยภาพผลงาน ชีวิต และเราจะมอบสิ่งดีๆคืนกลับให้สังคม ให้มากที่สุด เราจะพยายามแบ่งปันและที่สำคัญเลย เราจะพยายามทำสิ่งดีๆไม่ว่าจะเป็นผลงานเพลงหรือขายของเราก็จะขายของที่ดีๆพยายามคืนกลับให้สังคมให้ได้มากที่สุด และอีกหนึ่งคนสำคัญคือแฟนคลับที่ยังคอยซัพพอร์ตเราอยู่ตลอด ต้องขอบคุณมากๆ ขอบคุณจากใจ เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาวการณ์แบบไหน พี่ๆก็ยังเมตตา และให้โอกาสมันใจฟูนะครับ ต้องขอบคุณด้วยครับ”

ถ้าตอนนี้คุณแม่ของเรามองลงมาอยากจะบอกอะไรกับท่าน ?

“แม่จะอยู่กับผมตลอด ผมเชื่อว่าแม่จะเห็นความสำเร็จเห็นความดี ความตั้งใจทุกอย่างของผม ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าผมทำดีที่สุดเพื่อแม่ จนวินาทีสุดท้ายครับ”

เป็นการเปิดใจครั้งแรกกับสื่อในรอบ 2 ปี ของ ครูไพบูลย์ ซึ่งแอดเชื่อว่า ดราม่าที่ผ่านมา ทั้งครูไพบูลย์ และ กระต่าย ก็โดนมาหนักหน่วงจริงๆ กว่าจะข้ามผ่านมาได้ ซึ่งกำลังใจสำคัญคือ ลูก และครอบครัวนั่นเองค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
เปิดใจ เจสซี่ รองอันดับ 1 MUT 2023 หลังผ่าย แอนโทเนีย