นานๆสื่อจะได้เจอะเจอตัวพี่ เปิ้ล หัทยา ทั้งทีงานนี้ต้องมีการจ่อไมค์ถามถึงเรื่องของ ลูกสาวฝาแฝด ลูกหนุน ศุภรา เรื่องของงานในวงการบันเทิง และ ลูกหนัง ศีตลา เรื่องของ การตัดสินใจถอนตัวจากวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี H1-KEY หลังเดบิวต์พร้อมเพื่อนๆ โดยพี่ เปิ้ล เล่าว่า
“ตอนนี้พี่เปิ้ลถ่ายอยู่เรื่องนึงค่ะ และจริงๆ พี่ก็มีงานที่ทำอยู่หลายงานเหมือนกัน คือถ้าเวลาได้บทได้พี่ก็โอเค แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูด้วยว่างานหลักของเราคืออะไร เพราะพี่เองก็มีงานวิทยุ งานคอนเสิร์ต งานอีเวนต์ เป็นหลัก ส่วนงานตรงไหนที่มีเวลาไปได้พี่ก็ไป เพราะการได้เปลี่ยนบรรยากาศมันก็ดีเหมือนกันค่ะ ส่วนลูก น้องหนุน เพิ่งปิดกล้องกับทางเวิร์คพอยท์ไปเลยค่ะ เป็นเรื่องแรกของเขาด้วย คือคนนี้เขาจะมีวิธีคิดของเขาว่า ขอเรียนจบก่อน จบแล้วค่อยรับงาน”
น้องหนังเป็นยังไงบ้าง ?
“สำหรับน้องหนัง เหลืออีก 2 วิชาก็จบแล้วค่ะ และก็คงจะสอบที่เกาหลีให้จบ ใกล้จะจบแล้ว”
น้องมีแพลนหรือมีความตั้งใจอะไรในอนาคตอีกไหม ?
“น้องหนัง ก็อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็คือก็อาจจะบอบช้ำกับเรื่องที่ตัวเองเจอ และก็คิดว่าไม่อยากให้ตัวเองไปสร้างความหนักใจให้กับทีมงานหรือว่าเพื่อนร่วมทีม เขาก็เลยคิดว่าเอาตัวเขาเองออกมาก่อนดีกว่าแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
ย้อนกลับไปตอนนั้น น้องใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้นานไหม ?
“นานค่ะ คือพี่ เปิ้ล คิดว่าเป็นสิ่งที่หนักสำหรับเด็กคนหนึ่งเลยแหละ แต่พี่เปิ้ลก็เคารพการตัดสินใจของเขานะ เขาบอกว่า เขาอยากหยุด อยากอยู่นิ่งๆ ก่อนแม่ เพื่อแบบให้คนอื่นเขาได้ไปต่อ ถ้าหากตัวเขาเองทำให้คนอื่นหนักใจ แต่จริงๆ แล้ว พี่ก็เคารพการตัดสินใจของเขานะ”
กลัวไหมว่าเรื่องนี้จะเป็นปมในใจของน้อง และทำให้เขาไม่กล้ารับงานในวงการ ?
“ก็มีบ้างนะคะ ก็มีบ้าง ก็ต้องบอกกับน้องอ่ะค่ะว่าต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และเราก็คงจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
กังวลไหมว่าเรื่องนี้มีผลต่ออนาคตของน้อง ?
“พี่ว่าเดี๋ยวเขาคงคิดแหละค่ะ แต่ตอนนี้เขายังเหลือเรื่องการเรียนอีก 2 วิชา ที่เขาอยากทำให้สำเร็จก่อน หลังจากนั้นเดี๋ยวเขาก็คงตัดสินใจว่าจะยังไงต่อไป เขาก็ได้มีการเขียนเพลงให้กับสมาชิกที่เขาเคยทำงานด้วยนะคะ มีทำนู่นทำนี่ของเขาค่ะ”
น้องยังมีความมุ่งมั่นที่อยากจะทำงานในเกาหลีไหม ?
“เขาอยากอยู่ในเกาหลีนะ พี่เปิ้ลรู้สึกว่าเหมือนเขาเองก็คุ้นชินกับเพื่อนๆ กับชีวิตที่นั่นแล้ว และเขาเองก็เติบโตที่นั่นมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย”
ให้กำลังใจและซัพพอร์ตลูกยังไงบ้าง ?
“ให้กำลังค่ะ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ต้องคุยกันนาน ต้องอธิบายกันยาวนาน และก็ต้องฟังเขาด้วย เขาเองก็เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดอีกแบบ ก็ต้องฟังเขาค่ะ”
ช่วงที่เจอกับดราม่าหนักๆ เขามาระบายหรือมีน้ำตากับเรื่องนี้ไหม ?
“เยอะค่ะ เขาเครียด คือจริงๆ เขาเจอเรื่องหนักมาตั้งแต่ตอนซ้อมแล้วค่ะ แต่มาหนักสุดก็ตอนที่เจอเรื่องนี้”
ตอนนี้น้องโอเคขึ้นหรือยัง ?
“ลึกๆ พี่เปิ้ลไม่แน่ใจนะ แต่ไม่น่า 100 เปอร์เซ็นต์ เขาก็คงมองแนวทางว่าเขาจะยังไงต่อไปกับชีวิตเขา มีหลายๆคนให้มุมมองในการใช้ชีวิต”
เป้าหมายตอนนี้คือขอเรียนให้จบก่อน ?
“ใช่ค่ะ ใกล้จบแล้วเหลืออีกแค่ 2 วิชา”
เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะชวนน้องกลับไทย ?
“เขาก็มาไทยนะคะ ช่วงที่ครบรอบเสียชีวิตพี่ตั้ว 2 ปี เขาก็กลับมา แล้วก็กลับไปสอบ ยังไปๆ มาๆ ส่วนเรื่องทำงานยังไม่เคยได้คุยเลยค่ะ เขามีมุมมองของเขาเองด้วย เขามีเพื่อนที่นั่นเยอะ สังคมส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่นั่น”
งานนี้คุณแม่อย่างพี่ เปิ้ล ก็บอกว่าจะคอยซัพพอร์ตลูกสาวเสมอ ไม่ว่าลูกจะเลือกทางเดินไหน แอดว่าถ้าน้องมีความสามารถมากขนาดนี้ ไปสร้างชื่อเสียงให้กับคนไทยได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เราก็ควรจะเชียร์และสนับสนุนน้องนะคะ