ทนายนิด้า พร้อมต้นสังกัด พอร์ส นรากร แถลงปมดราม่าสัญญาทาส

ทนายนิด้า พร้อมต้นสังกัด พอร์ส นรากร แถลงปมดราม่าสัญญาทาส ผู้ปริหารยัน ไม่เคยกีดกันเรื่องการรับงาน และวางแผนโปรโมทศิลปินตลอด

จากกรณีที่ทางทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมาว่าเป็นคนดูแลเรื่องของคดีของ พอร์ส นรากร นักร้องนำวงดนตรีวัยรุ่นเปิดหมวก วง Yes Indeed ซึ่งตัวของ พอร์ส ยังอยู่กับต้นสัมกัดอย่าง EXP Entertainment ซึ่ง ทนายตั้ม ได้มีการเผยว่า สัญญาต่างๆ จึงมีลักษณะเอาเปรียบเด็ก และมีเจตนาที่จะมุ่งแต่ขอส่วนแบ่งรายได้ของน้อง พอร์ส เป็นหลัก จึงทำให้น้อง พอร์ส ซึ่งเป็นผู้เยาว์นั้น เสียหาย เสื่อมเสีย เสียโอกาส และเสียรายได้ รวมถึงเป็นอุปสรรคต่อการเจริญก้าวหน้าในอาชีพนักดนตรี คุณพ่อซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมสามารถบอกเลิกความยินยอมในการที่ผู้เยาว์ทำสัญญาได้ และผมได้ทำหนังสือไปถึงค่ายเพลงดังกล่าว บอกเลิกความยินยอมไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามที่อีจันบันเทิง ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ 22 ก.ค. ทางผู้บริหารของค่าย ทีมงานดูแลศิลปิน พร้อมด้วย ทนายนิด้า ศรันยา ได้นำหลักฐานที่มี ไม่ว่าจะเป็นข้อความแชท รวมถึงเอกสารสัญญาต่างๆมาเพื่อไขข้อสงสัยทั้งหมดให้กับสื่อมวลชน

ท็อป : สวัสดีสื่อมวลชนทุกท่านครับ ผมเป็นผู้บริหารบริษัท EXP Entertainment วันนี้ที่เชิญสื่อทุกท่านมาก็เพื่อที่จะต้องการแถลงความจริง กรณีสัญญาของ พอร์ส นรากร รวมถึงการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมด เนื่องจากว่าตอนนี้บริษัทถูกกล่าวหา ถึงการใช้สัญญาที่ไม่เป็นธรรม มีการเอาเปรียบศิลปิน และไม่มีการผลักดันอะไรเลย เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย เรื่องนี้สร้างความเสียหายให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก ผมในฐานะผู้บริหารต้องออกมาชี้แจง ออกมาปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของบริษัท วันนี้ผมจะเผยไทม์ไลน์การทำงานทั้งหมด หลักฐานการแชท โอนตั้งแต่วันแรกที่ พอร์ส มาทำงานกับเรา พอร์ส เป็นญาติของทางฝั่งเพื่อน ฝากเข้ามาบอกว่าเป็นหลานมีความสามารถในการร้องเพลงเล่นดนตรีทำงานเปิดหมวกช่วยที่บ้านกับน้องสาวจากนั้นก็มีการส่งโปรไฟล์เข้ามาผมก็ให้ทีมงานดูได้มีการเรียกเข้ามาพูดคุยกันทางเราเห็นว่าน้องมีแววคิดว่าน่าจะพักดันได้ก็เลยมีการนัดทำการเซ็นสัญญา หลังจากนั้นก็มีการประชุมโดยมีหัวข้อว่าศิลปินใหม่ พอร์ส หลังจากนั้นสองสัปดาห์ก็มีการนัดถ่ายโฟโต้ชู้ตทันที ร่วมกับศิลปินคนอื่นๆในบริษัท

ทนายนิด้า : ครั้งแรกที่เซ็นสัญญาก็คือวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ในวันที่เซ็นสัญญาตอนนั้นน้องยังเป็นเยาวชนอายุ 17 ปีมีความจำเป็นต้องให้ผู้ปกครองได้รับความยินยอมในหนังสือสัญญาเขียนว่า จ้างขับร้องเพลงและนักแสดง ถูกทำขึ้นในวันนั้นโดยมีคุณพ่อเป็นพยาน ที่หลายคนบอกว่าเยาวชนทำสัญญาเองไม่ได้ ถูกต้อง สัญญาดังกล่าวได้รับความยินยอมจากบิดาซึ่งเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันเดียวกัน โดยทั้งคู่ได้อ่านและรับทราบเข้าใจในเนื้อหา ทั้งหมดมาโดยตลอด จึงได้ทำสัญญาฉบับนี้

ทนายนิด้า : วันที่ 15 มิถุนายน 2564 มีการนัดถ่ายโฟโต้ชู้ต ศิลปินเพื่อทำการพีอาร์ หนึ่งในนั้นก็มีน้อง พอร์ส อยู่ในนี้ วันที่ 24 มิถุนายน 2564 บริษัทขอคิว พอร์ส เพื่อนัดโปรดิวเซอร์ นั่นก็คือ คุณเอก วงซีซั่นไฟว์ ก็มีการคุยกันเรื่องทำเพลงต่างๆ ทุกอย่างมีหลักฐานแชททั้งหมด เราอยากทำอะไรทำไรให้ดูว่าเราได้ทำงานและดูแลศิลปินคนนี้อย่างไร

บูม ฝ่ายพัฒนาและดูแลศิลปิน : เนื่องด้วยตอนนั้น มันเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิดระบาด เราจะทำกิจกรรมที่ช่วยศิลปินในช่วงโควิด มาเปิดหมวกออนไลน์ โดยการส่งคลิปเข้ามา มีทั้งศิลปินในสังกัดและนอกสังกัด ทุกคลิปที่ส่งเข้ามาเรามีการจ่ายค่าคลิปให้กับศิลปินทุกท่าน โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดใด หลักฐานการโอนเงินต่างๆโอนเข้าที่ศิลปินโดยตรง พอร์ส นรากร ก็เป็นหนึ่งในศิลปินในนั้น เรามีหลักฐานการจ่ายเงินชัดเจน ตั้งแต่วันที่ 26สิงหาคม 2564 เราก็โปรโมทน้องมาตลอดอยู่แล้ว

ทนายนิด้า : วันนั้นที่ได้มีการแถลงข่าวของทางน้อง พี่ได้เอารูปทางช่องทางออนไลน์ว่าไม่ได้มีรูปศิลปินน้องพอร์ส ก็คือช่องทางนั้นมันไม่ใช่ช่องทางของเรา

บูม : ในเดือนพฤศจิกา 2564 เรามีคอนเทนท์ตัวหนึ่ง ที่ชื่อว่า มพร ก็เป็นการรวมตัวของศิลปินที่มีเจเนอเรชั่นใกล้ใกล้กันก็คือ น้องมิน น้องพอร์ส และน้องรีวอร์ด เป็นโปรเจกต์ที่เราทำคอนเทนท์ออนไลน์ ผ่านทางช่อง ยูทูบของค่ายเพื่อเป็นการ โปรโมทศิลปิน รวมถึง โปรโมท ลงโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มของค่าย แต่ละครั้งเราจะมีการจ่ายค่าตอบแทนคือครั้งละ 1500 บาท ต่อหนึ่งศิลปิน มีหลักฐานการโอนเงินและการเซ็นรับทุกครั้ง ในการขายสปอนเซอร์แต่ละครั้งค่ายได้เฉลี่ยไม่เกินครั้งละ 10,000 บาท เนื่องจากผู้ติดตามของน้องน้องแต่ละคนในตอนนั้นยังน้อย จึงทำให้เราไม่สามารถอัพค่าตัวได้ หักค่าใช้จ่ายแล้วค่ายก็แทบไม่เหลืออะไรเลย

ทนายนิด้า : ที่บอกว่าขายได้ 10,000 บาทนี่คือจำนวนมากที่สุดนะคะ แต่ถูกสุดที่ได้จากสปอนเซอร์คือ 5000 บาท เราก็ยังให้ค่าตัวน้อง 1500 บาทเท่าเดิม ซึ่งคอนเทนท์ตรงนี้มันยังไม่ได้ก่อเกิดรายได้ให้กับบริษัท แต่ที่ทำขึ้นเพราะเรากำลังปั้น มพร บางคนอาจจะมองว่าบริษัททำนาบนหลังคน เอาเปรียบน้องว่าทำไมบริษัทมีรายได้เยอะ แต่ว่าน้องถึงได้ค่าตัวเท่านี้ นี่ก็คือเหตุผลที่จะอธิบายให้ฟัง

บูม : วันที่ 24 ธันวาคม 2564 น้องได้ทักมาหาผมเพื่อให้ออก หนังสือรับรองการเป็นศิลปินของค่ายเราเพื่อใช้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากนั้นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 คุณพ่อของน้องได้นัดเค้ามาขอคุยที่บริษัทเพื่อหารือเกี่ยวกับการเข้ามหาวิทยาลัยของน้องซึ่งในการพูดคุยในวันนั้นไม่ได้มีการพูดคุยว่าจะขอยกเลิกสัญญาแต่อย่างใด

ทนายนิด้า : จากการแถลงข่าวของน้องครั้งที่แล้วที่น้องบอกว่า ที่ทำให้ไม่พอใจที่สุดในการร่วมเป็นศิลปินในค่ายนี้ก็เรื่องของการที่เราดูแลน้องในเรื่องของการที่จะเข้ามหาวิทยาลัยวันนั้นที่เราฟังกันอยู่เรายังไม่เคลียร์เท่าไหร่ว่า เค้าไม่พอใจเราในทุกตรงไหน อย่างไรในเรื่องเรียน ณ ตอนนั้นมีการพูดคุยให้เราช่วยเหลือในการหาสถานที่เรียนซึ่งเราก็ได้ทำ ทำตามความสามารถที่เราจะทำได้ตามกฎเกณฑ์ตามหลักเกณฑ์ที่มันควรจะเป็น ซึ่งเรามีแชทหลักฐานที่มีการพูดคุยถึงเรื่องการเรียนทั้งหมด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าน้องไม่พอใจในจุดตรงไหน ซึ่งทางน้องให้บริษัทออกเอกสารรับรองว่าน้องเป็นศิลปินของทางค่ายเพื่อจะไปขอทุนเรื่องของการศึกษาซึ่งเราก็ได้ทำให้จนสุดท้ายน้องก็ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยปัจจุบัน โดยที่ใช้หนังสือรับรองของเราไปเป็นทุนในส่วนหนึ่ง วันนั้นที่ออกมาแถลงว่าไม่พอใจเรื่องของการเรียนวันนี้เราไม่เคลียร์จริงๆ ว่ามันมีความหมายอย่างไร

บูม : วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เรามีการวางแผนเป็นเยียร์แพลน เป็นเพลงทั้งปีของบริษัทเราซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่าของน้องเดือนสิงหาคมเราสรุปการประชุมวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 อันนี้หลักฐานเราก็มี ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2565 มีการนัดคุยกับทางโปรดิวเซอร์ กับน้องพอร์ส มพร ต่อมาวันที่ 31 มีนาคม 2565 เราได้รับเชิญไปงานเดินพรมแดงของงานคมชัดลึกอวอร์ด และน้องพอร์ส ก็ไปในนามศิลปินของเรา รูปชัดเจนแล้วก็โพสต์ลงในโซเชียลด้วย ต่อมาวันที่ 4 เมษายน 2565 เราก็หางานให้หน่อยได้เรื่อยๆแต่ด้วยความที่ เค้ายังไม่ได้ดังก็เลยไม่ผ่าน วันที่ 18 เมษายน 2565 เราได้ทำโปรเจกต์ แฟนมิตติ้ง วันที่ 1มิถุนายน 2565 ก่อนวันที่สยามแตกคือวันที่ 3 มิถุนายน 2565

ทนายนิด้า : เราได้มีการคุยกันวันที่ 1มิถุนายน 2565 เรื่องของแฟนมิตติ้ง ถัดไปวันที่ 3มิถุนายน 2565 พอร์ส และวงเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยาม วันนั้นเป็นวันแรกที่บริษัท พอร์ส มีวง Yes Indeed ส่วนในเรื่องของการกีดกันการรับงาน ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เราให้น้องรับงานได้เต็มที่ เพราะถือว่าเป็นงานร้องเพลง ส่วนเรื่องเงิน 30000 ที่บอกว่าทางค่ายไปเรียกเก็บตอนที่วงไปเล่นที่ห้างแห่งหนึ่ง ก็ยืนยันว่าไม่ได้เก็บแต่อย่างใด สำหรับกรณีการรับงานนั้น ขอแค่บอกว่าจะรับงานอะไร บอกกันหน่อย เพราะทางค่ายก็ต้องหางานด้วยเช่นกัน จะได้ไม่ชนกันเท่านั้นเอง ยืนยันว่าเราไม่ใช่สัญญาทาส ไม่ได้ทำผิดอะไรกับน้อง สำหรับกรณีเรื่องให้ใส่กางเกงบ๊อกเซอร์ ทำคลิป เราไม่ได้บังคับให้ใส่ แต่น้องใส่เอง ใส่ทับกางเกงยีนส์ที่น้องใส่อยู่ แต่ถ้าหลายคนมองว่าไม่เหมาะสมทางค่ายก็จะเอาไปปรับปรุง เรื่องที่เขาบอกเลิกสัญญา เราขอปฏิเสธการบอกเลิกสัญญานั้น เพราะว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไร

ท็อป : สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ผมอยากให้มาคุยกันอย่างผู้ใหญ่คุยกันครับ ไม่ได้จะอยากมีเรื่องอะไร

ทนายนิด้า : วันนี้จึงมีความจำเป็นมากที่เราจะต้องมาพูดเรื่องไทม์ไลน์ให้ชัดเจน เพื่อความเข้าใจของสังคมค่ะ

งานนี้เราคงต้องติดตามต่อว่าทางฝั่งของ พอร์ส และ ทนายตั้ม จะออกมาตอบโต้อะไรหรือไม่ หากมีอะไรคืบหน้า แอดจะมารายงานให้ทราบต่อไปค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
ไบร์ท นรภัทร เผยโมเมนต์กระทบไหล่ แจ็คสัน หวัง GOT7