อนันดา – มาริโอ้ เผยความประทับใจที่มีต่อ หม่อมน้อย

อนันดา – มาริโอ้ เผยความประทับใจที่มีต่อ หม่อมน้อย ครูที่เปรียบเสมือนพ่ออีกหนึ่งคน

เป็นอีกสองพระเอกดังที่ได้เป็นลูกศิษย์คนแรกๆ ของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือ หม่อมน้อย บรมครูแห่งวงการบันเทิง สำหรับหนุ่ม อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และ มาริโอ้ เมาเร่อ ล่าสุด หลังจากที่ หม่อมน้อย จากไป ทั้งคู่ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงการสูญเสียในครั้งนี้ หลังได้เดินทางไปร่วมงานพิธีรดน้ำศพ ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ในวันนี้ (17 ก.ย. 65)

เห็นว่าไปรับตั้งแต่ที่โรงพยาบาลเลย เป็นอย่างไรบ้าง?

อนันดา : ก็เป็นวันที่เศร้า เพราะว่าหม่อมก็ไปดีก่อนแล้ว ผมว่าทุกคนก็สบายใจที่ท่านพ้นทุกข์

ทราบข่าวอาการป่วยของท่านตั้งแต่เมื่อไร?

มาริโอ้ : ก็ประมาณ 2 เดือนครับที่ทราบว่าหม่อมป่วย

ตอนที่ถ่ายหนัง Six Characters เราทราบไหมว่าท่านป่วย?

มาริโอ้ : ยังครับ หม่อมยังแข็งแรงดีครับ ยังกำกับ ยังมาตลอดครับ

เห็นว่าอนันดาก็เป็นศิษย์ หม่อมน้อย ตั้งแต่หนังเรื่องแรกเลย คือเรื่อง “อันดากับฟ้าใส”?

อนันดา : ครับ เรื่องแรกเลย ตอนนั้นอายุ 13 ท่านก็คล้ายๆ เป็นพ่ออีกคนหนึ่งครับ เพราะว่าตอนผมเด็กๆ ผมก็เป็นเด็กซนเด็กดื้อไม่เอาไหนคนหนึ่ง พ่อแม่ก็เลยฝากไว้กับหม่อม ตอนนั้นพ่อกับแม่จะส่งไปอยู่ที่อินเดีย จะส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ดาร์จีลิ่ง แล้วพ่อแม่เห็นว่าก็ให้โอกาสนี้แล้วกัน ลองดูว่าถ้าอยู่กับท่านแล้วท่านทำให้เป็นผู้เป็นคนได้บ้าง ก็ต้องขอบคุณท่าน ก็นับว่าเป็นผู้เป็นคนอยู่ (หัวเราะ) อยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็โอเคครับ

คำสอนของหม่อมที่อยู่ในใจเราคืออะไร?

อนันดา : อย่างที่ผมพูดที่งานกาล่า Six Characters คือท่านสอนให้รู้จักคำว่าศรัทธา ว่าเราต้องศรัทธาต่ออาชีพ เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เราถ่ายทอดให้กับผู้ชมมันเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์นะ วิญญาณของตัวละครเราต้องเชื่อว่ามีจริง เมื่อเราเชื่อว่ามีจริงก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันก็เป็นสิ่งที่ผมถือเป็นคติในการทำงานตั้งแต่เด็กจนโตครับ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้เข้าใจทุกอย่างที่หม่อมสอน แต่ว่าด้วยศรัทธาเราก็ทำมาตลอด จนทุกวันนี้มันก็เกิดเป็นปัญญา และเข้าใจอะไรมากขึ้นเยอะ

เรียกว่าพ่อคนนี้เป็นต้นแบบให้กับเรา?

อนันดา : ครับ แน่นอน คือหลายอย่างที่ได้มาคือเรารู้ เพราะเราอยู่ตั้งแต่เด็ก มันไม่ใช่ว่าเราสามารถตกผลึกทุกอย่างที่ท่านสอนมาให้มันเป็นปัญญาจริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมว่าท่านสอนมา และเป็นข้อดีสำหรับชีวิตการงาน และชีวิตส่วนตัว คือแค่สอนให้รู้จักธรรมชาติ อยู่กับปัจจุบัน ก็เป็นสิ่งที่ใช้อยู่ในชีวิตทุกวันนี้

นอกจากคำสอนแล้ว อะไรที่เดินตามรอยท่านมาตลอด?

อนันดา : คือมันมีหลายอย่างที่ท่านทำแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราทำงานอยู่ทุกวันนี้ มีศรัทธาต่องานที่เราทำ เพราะว่าผมไม่เคยเจอใครในชีวิตผมที่อุทิศตนทุกวินาทีของชีวิตเพื่อศาสตร์นี้ เพื่อเป็นครูที่มาสอนเราทุกคน เลยใช้ตรงนี้เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน

จำได้ไหมว่าเล่นหนังของหม่อมกี่เรื่อง?

อนันดา : จำไม่ได้ เยอะมาก

วิธีการสอนของหม่อมที่ มาริโอ้ จำได้ และรู้สึกว่าเราต้องทำให้ได้?

มาริโอ้ : จริงๆ คล้ายๆ กับของพี่ อนันดา คือหม่อมจะสอนให้เราไม่ได้เรียนแค่คลาสการแสดงอย่างเดียว แต่สอนให้เรารู้จักตัวเอง เวลาผมได้เรียนกับหม่อม หม่อมจะมีคลาสนั่งสมาธิ มีการเรียนคล้ายๆ โยคะด้วยครับ คือการฝึกฝนร่างกาย และจิตใจให้พร้อมในการเป็นนักแสดง กลายเป็นผมชอบวิธีการที่หม่อมสอน คือการนั่งสมาธิ เป็นอะไรที่ทำให้เราในฐานะนักแสดงเข้าถึงบทบาทได้ง่าย ทำให้มีสมาธิมากขึ้นครับ

แสดงว่านอกจากการแสดงที่เราได้ มันทำให้ชีวิตประจำวันเราเปลี่ยนไปด้วย?

มาริโอ้ : (พยักหน้า) ใช่ครับ หม่อมไม่ได้สอนแค่การแสดง หม่อมสอนเรื่องชีวิตประจำวัน เรื่องการประพฤติตัว อย่างที่พี่ อนันดา บอกก็สำคัญมากๆ คือเรื่องการรักงานของเราครับ เพราะหม่อมทำให้เราเห็นตลอดว่าหม่อมเต็มที่กับงาน การที่หม่อมเป็นผู้กำกับ หม่อมทำหน้าที่ของหม่อมอย่างเต็มร้อย เกินร้อยทุกครั้งครับ

ในมุมผู้กำกับกับมุมครู อันไหนดุกว่ากัน?

มาริโอ้ : จริงๆ แล้วหม่อมเป็นคนดุ แต่ว่าลึกๆ ทุกอย่างที่หม่อมดุเรา ก็เพื่อให้เราทำงานออกมาให้ดีครับ

สำหรับ มาริโอ้ คำด่าคือคำสอน?

มาริโอ้ : ใช่ครับ หม่อมด่าเรา เราก็เก็บไป เอาไปใช้ทำให้ตัวเราดีขึ้น ถ้าเราดีหม่อมก็ไม่ว่า

จริงๆ มีนอยด์ไหม?

อนันดา : ผมโดนตั้งแต่เด็กก็เลยชิน ผมรู้อยู่แล้วว่าเจตนาของท่านเป็นสิ่งที่ดี พูดตรงๆ คือตอนแกป่วย ทุกคนยังยุให้แบบ…ดุหน่อยสิหม่อม คือผมว่าทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวแกก็รู้อยู่แล้วว่าเจตนาของแกคือเพื่อที่จะสอนครับ

ช่วงสุดท้ายได้ไปเยี่ยมท่านไหม?

อนันดา : ก็ไปเรื่อยๆ เนอะมาริโอ้ : ศิษย์ทุกคนก็ไปกันหมดครับ

ท่านได้สั่งเสียอะไรไหม?

อนันดา : คือถ้าอย่างผม ผมรู้สึกว่าถ้าไม่นับตอนที่ท่านป่วยหนัก คือตอนที่แกมาเยี่ยม ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าท่านก็ปล่อยวางอะไรไปเยอะ ดูเพลินกับเชียงใหม่มาก แฮปปี้มาก ผมว่าท่านคงรู้แหละว่าสิ่งที่ท่านสอนกับลูกศิษย์ทุกคนมันอยู่ในใจพวกเราทุกคนอยู่แล้ว ช่วงท้ายผมแค่รู้สึกว่าทุกคนอยากเห็นแกสบายมากกว่า

แสดงว่าเราสองคนมองว่าโชคดี เพราะหลายคนอยากเรียนกับท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้สอนทุกคน?

อนันดา : ใช่ คือจริงๆ ตอนผมเป็นศิษย์ท่านตอนแรก ท่านก็ไม่ได้บอกว่าท่านเป็นครู ด้วยความจำเป็น เพราะผมเล่นหนังเรื่อง อันดากับฟ้าใส ก็เป็นเด็กคนแรกที่เขาสอน จากนั้นมาคนก็มาฝาก นี่ก็คนหนึ่ง (หันไปทาง มาริโอ้ ) นี่ก็ฝากตัว มาเองเลยคนนี้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายที่จะเรียนกับท่าน ก็เป็นเกียรติอยู่แล้วครับ

เป็นคนปลุกปั้นขึ้นมาให้มี อนันดา ?

อนันดา : ก็แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมว่ามันคงเป็นไปได้ยากมากที่เราได้ยืนอยู่ในจุดยืนนี้ ถ้าไม่ได้ผ่านมือท่านมา

มาริโอ้ ก็พูดซึ้งว่าโตมากับสปาเกตตี้ของหม่อม?

มาริโอ้ : ทุกคนที่เป็นศิษย์หม่อมจะรู้ว่าหม่อมสอนเสร็จจะทำอาหารให้เรากินครับ มันก็เป็นอะไรที่เด็กทุกคนที่เคยเป็นศิษย์หม่อมต้องเคยกิน เมื่อกี้นั่งกันอยู่ก็มีคนบอกคิดถึงสปาเกตตี้ แต่ว่าเดี๋ยว นิว ชัยพล จะทำมาครับ นิว ชัยพล ขโมยสูตรหม่อมมาครับ เดี๋ยวเอามาให้ทุกคนกินอนันดา : อาจจะยากนิดหนึ่งนะ เท่าที่เราเห็นนี่คือรสมืออย่างเดียวมาริโอ้ : รสมือหม่อมครับ

อยากบอกอะไรกับ หม่อมน้อย เป็นครั้งสุดท้าย?

อนันดา : คือหลักๆ ก็ขอบคุณท่านครับมาริโอ้ : ผมก็บอกหม่อมว่า ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอเป็นลูกศิษย์หม่อมอีก

ถามถึงความตั้งใจของหม่อมกับหนัง Six Characters?

มาริโอ้ : หม่อมตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆ เป็นหนังที่หม่อมอยากจะทำมานานแล้ว พอหม่อมมีโอกาสได้ทำก็รู้เลยว่าหม่อมตั้งใจมากๆ ครับ เป็นหนึ่งในหนังที่เราซ้อมกันเยอะที่สุดเลยครับ ก็อยากให้ทุกคนมีโอกาสได้ไปดูผลงานสุดท้ายของอาจารย์ด้วยครับ

เห็นว่าหนังได้ไปชิงรางวัลที่ปูซานด้วย หม่อมเคยบอกว่าอย่างไรบ้าง?

มาริโอ้ : หม่อมก็ดีใจครับที่หนังเราไปถึงขนาดนั้น

ท่านก็จากไปในวันที่หนังเข้าฉายวันแรก?

มาริโอ้ : เราลูกศิษย์ทุกคนก็พูดเหมือนกันว่าหม่อมรอวันที่หนังออนวันแรกครับอนันดา : เห็นพี่อ๊อฟเล่าให้ฟังว่าท่านไปแบบสบายมากครับ ท่านไปแบบสงบมาก คือผมอยู่วันนั้น แต่ผมไม่ได้อยู่ตอนที่ท่านไป ผมไปธุระแล้วมาอีกทีตอนดึก ก็มาพร้อมกันกับ มาริโอ้ ครับ แต่ก็สบายใจครับ

อีจันบันเทิงก็ต้องขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือ หม่อมน้อย มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ