ตู่-มาวิน ฉลองวิวาห์สุดหวาน เล่าถึงที่มาใช้เพชร 300 กว่าเม็ดเนรมิตชุด

ตู่-มาวิน ฉลองวิวาห์ พร้อมเล่าที่มาใช้เพชร 300 กว่าเม็ดเนรมิตชุดแต่งงาน มูลค่ารวมกว่า 100 ล้าน บอกตั้งแต่แต่งงานความสุขในชีวิตมันง่ายขึ้น

หลังจากที่เจอวิกฤตโควิด ทำให้คู่รัก อย่าง นักแสดงหนุ่ม มาวิน ทวีผล และผู้จัดคนสวยของช่อง3 ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์ ที่ควงแขนกันเข้าพิธีมงคลสมรสเมื่อปลายปี 2563 จำเป็นต้องเลื่อนงานงานฉลองวิวาห์ออกไป

ล่าสุด (9 ตุลาคม 2565) ตู่และมาวิน ได้ถือฤกษ์จัดงานฉลองวิวาห์ พร้อมเผยที่มาของชุดแต่งงานมูลค่ากว่า 100 ล้าน

วันนี้ฤกษ์ดีฉลองมงคลสมรส ตื่นเต้นไหม

ตู่ : “ตอนแรกคิดว่าจะไม่ตื่นเต้น แต่ว่าตื่นเต้นมากประมาณหนึ่ง (หัวเราะ) คือตอนหมั้นพิธีการจะค่อนข้างเยอะมาก”

มาวิน : “พิธีหมั้นจะค่อนข้างเกร็งกว่า แต่วันนี้รู้สึกว่าเหมือนเรามาเจอเพื่อนๆ มาเพื่อเฉลิมฉลอง เพื่อปาร์ตี้ ก็จะรีแลกซ์กว่า”

ตู่ : “สบายๆ แต่ก็ตื่นเต้น เราเว้นไปเกือบ 2 ปีค่ะ”

มาวิน : “ประมาณ 1 ปี 10 เดือนครับ คือระยะที่โควิดระบาดหนักๆ ช่วงนั้นเลย”

ตู่ : “เรารอมาสักระยะหนึ่ง มันก็จะเริ่มคลาย จัดได้ 200-300 คน แต่ด้วยความที่เราเป็นคนเพื่อนเยอะมาก ก็เลยรอให้มันคลี่คลายสุดๆ เพื่อให้ทุกคนมาแล้วก็สบายใจด้วยค่ะ สเกลวันนี้ก็น่าจะประมาณ 800 คนค่ะ”

มีธีมงานไหม

ตู่ : “มีกำหนดแค่ธีมสีอย่างเดียวค่ะ จะเป็นสีออกเขียว เทา เบจ เป็นสีธรรมชาติ ส่วนเราสองคนก็จะเปลี่ยนทั้งหมด 4 ชุดค่ะ ซึ่งจะเป็นแบรนด์ของไทยทั้งหมดเลย เป็นความตั้งใจตั้งแต่ตอนเลือกชุดแต่งงาน ว่าจะให้แบรนด์ไทย เพราะตู่รู้สึกว่าคนไทยน่าจะเป็นคนที่รู้จักสรีระของเรามากที่สุด ถ้าเกิดเป็นของฝรั่ง มันต้องมานั่งแก้โน่นนี่นั่น ถ้าใช้แบรนด์ไทยเขาสามารถปักลายให้มันไปตามทรงเราได้เลย ก็เลยเลือกแบรนด์ไทยทั้งหมดค่ะ คือจะมีชุดนี้หนึ่งชุด แล้วก็ชุดที่ยืนหน้าแบ็กดรอป แล้วก็จะมีชุดที่เดินเข้างาน แล้วก็ชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ”

เล่าที่มาที่ไปของชุดเข้าพิธีให้ฟังหน่อย

ตู่ : “คือพอตู่เริ่ทำชุดแต่งงาน ก็คือเริ่มคุยกับสไตล์ลิสต์ทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนกันเลย แล้วเขาก็เลยมาแชร์เรื่องราวของเขาให้เราฟัง 2 ปีที่แล้วตอนที่ไปตัดชุดงานหมั้นแต่ง คุณแม่ คุณภัทรสิริ ก็ยังมีชีวิตอยู่ พอผ่านมาถึงตอนนี้ ท่านเสียไปแล้ว ทางคุณนิวที่เป็นดีไซน์เนอร์ ก็เลยเล่าให้ฟัง ว่าคุณแม่เคยทำชุดๆ หนึ่งให้กับมาดามฝรั่งเศสคนหนึ่ง ซึ่งปักด้วยเพชรจริง เราก็เลยได้ไอเดียขึ้นมา ว่ามันได้ด้วยเหรอ ในไทยคิดว่ายังไม่เคยมีใครทำ

เผอิญทำร้านเพชรอยู่แล้ว ก็เลยถามหุ้นส่วนว่า มันเป็นไปได้ไหม การที่เอาเพชรจริงไปเย็บติดกับชุด เราจะหาเพชรจำนวนเยอะมากขนาดนั้นได้ยังไง เขาก็บอกว่าน่าจะใช้ประมาณ 200 เม็ดขึ้นไป ซึ่งเราก็รู้สึกว่าเราจะทำได้ไหม แต่พอคุณกับเพื่อนเขาเทรดเพชรอยู่แล้ว ก็เลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา เลยค่อยๆ คุยว่าเราหาเพชรได้แน่ๆ แต่การที่จะยึดติดกับชุดจะทำยังไง ก็เลยต้องทำกะเปาะพิเศษขึ้นมา เพราะปกติกะเปาะธรรมดามันไม่มีที่ให้เข็มสอดได้ คือต้องทำใหม่ทั้งหมดเลย

การเย็บก็ต้องใช้ด้ายที่เหนียวเป็นพิเศษ เพื่อมั่นใจว่าจะต้องไม่หลุดออกจากชุดสักเม็ดเดีย เริ่มแรกเราวางไว้ที่ 200 เม็ดค่ะ แต่พอใช้ไปจริงๆ ปักแค่ครึ่งด้านหน้าแล้วมันแปลกๆ ก็เลยต้องไปเพิ่มครึ่งหลังทั้งหมด ก็กลายเป็นประมาณ 300 กว่าเม็ดค่ะ ก็มีน้ำหนักตั้งแต่ครึ่งกระรัตไปถึง 2 กะรัตค่ะ ขนาดไม่เท่ากัน”

เห็นว่าราคาร้อยล้านเลย ชุดนี่ชุดเดียว

ตู่ : “ใช่ค่ะ ชุดนั้นชุดเดียว (ต้องมีคนดูแลเป็นพิเศษไหม?) มีค่ะ วันนี้เราก็มีซีคิวริตี้มาช่วยดูแล ก็เฝ้าอยู่หน้าห้องค่ะตอนนี้ (หัวเราะ) ห้ามใครเข้าออก เป็นห้องต่างหากที่เราไว้เก็บชุดอย่างเดียวเลย ไม่มีใครเข้าออกทั้งสิ้นค่ะ”

ความตั้งใจที่เราอยากจะใส่ชุดแต่งงานอันนี้

ตู่ : “งานแต่งงานมันเป็นงานในฝันของผู้หญิงทุกคน เลยอยากจะหาจุดจำในงานของเรา ให้ทุกคนจำงานเราได้ ก็เลยคิดว่าอันนี้มันน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ลืมงานเรา”

มาวิน : “ส่วนผมไม่เอาสักเม็ดเลยครับ ไม่เอาเลยครับ ผมเดินเบาๆ สบายๆ ดีกว่าครับ”

จะเก็บชุดไว้เป็นความทรงจำหรือว่าเอาเพชรออก

มาวิน : “เลาะออกถึงครับ อย่าเก็บไว้เลยครับ (หัวเราะ)”

ตู่ : “พอถอดชุดเสร็จปุ๊บ ซีคิวริตี้ก็จะนำออกจากงานไปเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องระวัง”

เสร็จออกมาสวยถูกใจไหม

ตู่ : “เอาเป็นว่าเกินที่คิดไว้มาก เกินที่คาดหวังไว้เยอะมาก”

ก่อนจะเคาะออกมาเป็นงานวันนี้ มีแก้ไขเยอะไหม

ตู่ : “ก็พอคิดอะไรได้เรื่อยๆ เพราะมันก็ห่างเกือบ 2 ปี ก็จะเติม จะบอกแพลนเนอร์ไปเรื่อยๆ ว่าเราเติมอันนี้ได้ไหม จะเพิ่มไปเรื่อยๆ”

งานกับชุด อันไหนเตรียมนานกว่ากัน

ตู่ : “ชุด จริงๆ อันที่ยากคือต้องรักษาหุ่นให้ใส่ชุดนั้นได้ เพราะชุดจะเป็นโครงของเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ต้องพยายามรักษาหุ่นให้ใส่ได้ เพราะทุกแบรนด์ตั้งใจทำให้เรามากๆ ค่ะ เราก็อยากจะใส่มันออกมาให้สวยที่สุด”

มาวิน : “เราต้องขมิบร่างกายไว้ให้มันคงรูปให้ได้”

ใช้เวลากี่วันกับชุด

ตู่ : “แต่ละชุดก็ประมาณ 5-6 เดือน อย่างชุดที่ใส่ตอนนี้ ก็คือปักตาแตก เป็นปกติของชุดแต่งงานอยู่แล้วค่ะ แต่ตอนปักเพชรจะช้าที่สุด คือวันสุดท้าย เพราะเราจะไม่เอาเข้าไปในชุดก่อน เขาต้องระดมช่างมา เพื่อจะปักภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะเราไม่ได้เอาเพชรไปทิ้งไว้นานค่ะ”

1 ปีกว่าที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นอย่างไรบ้าง ต่างกับตอนเป็นแฟนกันไหม

ตู่ : “ต่างมาก เพราะว่าไม่ทะเลาะกันเลย”

มาวิน : “ไม่ทะเลาะกันเลยครับ เพราะตอนห่างกัน มันจะมีจังหวะที่ไม่รู้ทำอะไร โทร.ไปไม่รับสาย ถ้าผมรับไม่ทันเขาจะขึ้นทันทีเลย แต่พออยู่ด้วยกันมันก็ไม่ต้องห่าง ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ ตื่นมาเห็นหน้าก็จบแล้ว สบาย”

ตู่ : “แต่งงานแล้วไม่ค่อยทะเลาะกัน แล้วก็คุยกันมากขึ้น เพราะเรารู้สึกว่าชีวิตเราน่าจะไปอีกสเต็ปหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แฟนที่ไม่พอใจก็คือเลิก เราเลยจุดนั้นมาแล้ว เป็นจุดที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ แล้ว”

รู้สึกยังไงที่ตื่นมาเจอกันแล้ว?

มาวิน : ผมมีความสุขทุกเช้า ก่อนนอนจะจับแขนเขา ตื่นมาก็หอมเขาทุกวัน มีความสุขมาก

ตู่ : เขาเป็นคนชอบสัมผัส ต่างจากตู่จะเป็นคนขี้รำคาญ เขาจะชอบกอด ชอบหอม แต่เราจะพอแล้วกอดนานไปแล้ว

มาวิน : แต่เวลาแมวมากอดถ่ายคลิปมาให้ดู แมวได้แต่สามีไม่ได้

ตู่ : ได้บ้าง เวลาตู่ไม่อยู่ก็ไล่เตะแมวในห้องเลย (หัวเราะ) เพราะแกใช่ไหม

ไม่ต้องปรับตัวอะไรกันแล้ว?

ตู่ : เนื่องจากก่อนแต่งงานเราคบกันมา 11 ปี ตู่กับวินเราเป็นคู่ที่คุยกันเยอะมาก มีอะไรตู่เป็นคนไม่เก็บ ตู่พูดว่าไม่ชอบอันนี้ แก้ได้ไหม ถ้าแก้ไม่ได้จะถามตัวเองว่าตู่อยู่กับสิ่งนี้ได้ไหม หรือเขาปรับให้เราได้ไหมให้เราอยู่กันได้ จะเน้นคุยกันเยอะๆ ด่าก็คือด่าเลย ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ สมมุติเวลาเขาไม่ค่อยมีสติก็ด่าๆๆ ไป จะบอกเขาว่าพรุ่งนี้ฉันจะตื่นมาถามเธอว่าฉันพูดอะไรไปบ้าง

มาวิน : อันนี้น่ากลัวมาก ผมต้องจำทุกอย่างที่เขาพูดให้ได้

ภรรยาดุมากเลยใช่ไหม?

มาวิน : โอ้โห จะเหลือหรอครับ ที่เขาเล่ามาคิดว่าเขาโชว์ความใจดีหรอครับ

ไม่สามารถเป็นพ่อบ้านใจกล้าได้เลยหรอ?

ตู่ : มีๆ

มาวิน : นานๆ ทีที่รัก

เข้าชมรมกลัวเมีย?

มาวิน : แน่นอนเลยครับผม ขอเป็นประธานสมาคมเลยก็ได้ ผมยอมๆ (ดุแต่ก็รัก?) รักมากครับๆ ดุเพราะอยากให้เราได้ดี เชื่อเมียแล้วเจริญ ผมเชื่อคตินี้จริงๆ ครับ

มีคำมั่นสัญญาอะไรที่ให้กันไหม?

มาวิน : จริงๆ เคยให้ไว้ตั้งแต่ตอนที่ไม่รู้จะได้แต่งงานกันหรือเปล่า ว่าต่อให้ไม่ได้แต่งงานเราก็จะรักกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาจะอยู่ข้างผม ผมจะอยู่ข้างเขา แต่พอแต่งงานก็รู้สึกว่ามีความสุขจัง มันดีกว่าที่เราคิด แล้วเหมือนเราโตไปด้วยกัน ทำงานไปด้วยกัน ไม่ต้องแยกจากกันเลย ก็คงอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปตลอดชีวิตครับ อีกอย่างที่อยากตอนนี้คือมีลูกครับ

ตู่ : แต่เราก็คุยกันแล้วแหละว่าถ้าไม่มีเราก็ต้องมีความสุขนะ แต่ถ้ามีก็ถือว่าเป็นโชคดีของเรา

วางแพลนไว้ยังไงแล้วเรื่องมีลูก?

ตู่ : ตอนนี้ก็ปรึกษาคุณหมอค่ะ ทั้งหมอและหมอดู ทั้ง 2 ทาง แล้วก็จะเริ่มจริงจังมากขึ้นหลังจากงานนี้ค่ะ

มาวิน : ใช่ ผมรู้สึกว่าตู่เขายังไปไม่สุดเพราะเขาอยากให้งานมันเกิดขึ้นจริง ถ้าเกิดท้องแล้วชุดจะยังไง

ตู่ : ใช่ ก่อนหน้านี้กังวลว่าจะท้องหรือจะฉลองแต่งก่อน แล้วโควิดก็ขยับไปมา หลังจากนี้ก็น่าจะจริงจังมากขึ้นค่ะ แต่จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เริ่มปรึกษาคุณหมอแล้วค่ะ

ห่วงเรื่องสุขภาพอะไรยังไงบ้างไหม?

ตู่ : คุณหมอบอกว่าเคสเราก็เป็นเคสที่ยากเนื่องจากอายุเยอะแล้ว และไม่เคยได้ทำการเก็บไข่อะไรมาก่อน แล้วก่อนหน้านี้เราไม่รู้ว่าจะได้แต่งงานหรือเปล่า เลยไม่ได้แพลนอะไรเลย พอมาถึงจุดที่ต้องเริ่มทำเลยรู้สึกว่า เราอายุค่อนข้างเยอะ เป็นเกณฑ์ที่เลยไปเยอะแล้วค่ะคุณหมอก็บอกว่าเป็นเราที่ค่อนข้างยาก ก็น่าจะวิธีวิทยาศาสตร์”

มาวิน : “ใช้ทุกวิธีเลยครับ เอาหมดเลยครับ (ยิ้ม) อยากได้ลูกผู้หญิงครับ ผมชอบเด็กผู้หญิงมาก”

ตู่ : “ก็ใช้ทุกวิธี ตอนแรกเราไม่อยากได้แฝดค่ะ แต่พอด้วยช่วงเวลาที่เลยมาเยอะก็อาจจะรู้สึกว่ามีทีละคนไม่ทัน เพราะเราอยากมีลูก 2 คน ก็เลยคิดว่าอาจจะแฝดเดี๋ยวต้องปรึกษาคุณหมอก่อนว่าร่างกายเราจะไหวหรือเปล่า (แฝดชายหญิง?) จริงๆอยากได้ลูกผู้หญิงค่ะ แต่ตอนนี้ใครมาก็ได้ค่ะ ขอให้มา”

เรื่องงานมีส่วนกับการเตรียมตัวมีลูกไหม ทำงานอาจจะมีความเครียด?

ตู่ : “ใช่ ๆ มีส่วนเพราะไม่ได้หยุดทำงานเลย ตอนนี้เปิดละคร 2 เรื่อง ปีหน้าก็จะเปิดอีกเรื่องนึง งานค่อนข้างเยอะ ”

มาวิน : “มีส่วนครับ 2 ปีที่ผ่านมาก็ทำเพจกระจายเลย แตกหน่อทำหลายสิ่งอย่างมากทั้งร้านอาหารด้วย ละครด้วย ผมว่าเดี๋ยวพอเรื่องงานแต่งผ่านไปก็จะเบาขึ้นเยอะ เพราะช่วงประมาณครึ่งปีนี้วนกับงานแต่งเยอะมาก เมื่อวานยังเพิ่งรู้ว่าบางท่านการ์ดยังตกหล่นเลย ซึ่งเราส่งไปแล้วทำไมไม่ถึง มีปัญหารายวัน ถ้าตรงนี้จบไปได้ เรื่องปัญหาที่กองถ่ายตู่เขามีโปรดิวเซอร์เก่ง ๆ คอยซัพพอร์ตอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเพจผมเป็นคนจัดการเอง คิดว่าน่าจะมีเวลาเตรียมมีทายาท”

ตู่ : “เรื่องเพจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักมากของเรา เพราะคนอื่นอาจจะเล่นแค่ช่องทางเดียว แต่ว่าเราทำทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ ไอจี ติ๊กต๊อก คือเล่นทุกสื่อและลงทุกวัน วินถ่ายเองตัดเอง ก็เลยเป็นอะไรที่ค่อนข้างหนักมาก”

ทายาทปีนี้ต้องมาเลยไหม?

ตู่ : “ถ้าเขามาก็อยากให้มาเลยค่ะ เพราะตอนนี้เริ่มคิดเยอะกัน เริ่มคิดคำนวณถ้าเรามีลูกปีนี้ ลูกอายุเท่านี้เราอายุเท่าไหร่ เขาจะรับปริญญาตอนนี้ แล้วเราจะอายุเท่าไหร่ คิดไปถึงวันที่เขาแต่งงานเรายังอยู่ใช่ไหม (หัวเราะ) ก็เริ่มคิดแล้ว”

มาวิน : “อย่างบ้านใหม่ที่เรากำลังสร้างอยู่ เฟอร์นิเจอร์ก็เริ่มคิดแล้วว่าถ้าเราจะเอาตัวนี้ แล้วถ้ามีลูกต้องเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไหม หรือต้องยังไงหรือเปล่า”

เรือหอใกล้เสร็จหรือยัง?

ตู่ : “ดีเลย์ไปเยอะเหมือนกัน”

มาวิน : “เรื่องการออกแบบทำให้ล่าช้าไป 3 เดือน แล้วก็ช่วงนี้ฝนตกหนักจริง ๆ ผมซื้อบ้านหลังนี้กำแพงรอบ ๆ บ้านผมทุบทิ้งทั้งหมด ขยายออกทำเป็นตามใจฝันหมดเลย ก็เลยใช้เวลาในการทำนานมาก ถ้าตัวบ้านตอนนี้ก็ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ข้างบนชั้น 2 ก็ทุบ แต่เราต้องการโครงเขาไว้ แต่ก็ดีนะ ข้าง ๆ บ้านก็ถือโอกาสรีโนเวสไปด้วย”

ตู่ : “เราจะใช้บ้านในการถ่ายรายการด้วย ก็เลยมีการทุบค่อนข้างเยอะเพื่อที่จะให้บ้านหลังนึงมีพื้นที่ถ่ายรายการได้หลาย ๆ มุม ตอนนี้ก็ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะเราทุบเยอะ บ้านอื่นเขางงไปหมด (ยิ้ม) มีเพื่อนบ้านที่เป็นนักออกแบบเขาก็มาถามว่ามีปัญหาเรื่องแบบหรือเปล่าทำไมถึงทุบไม่เหลือผนังเดิมอยู่เลย ก็บอกเขาว่าไม่ได้ปัญหาแต่อยากทุบจริง ๆ (หัวเราะ) ถามว่ามีขีดจำกัดไหม ก็จะเข้าอยู่มีนาคมปีหน้า (2566)”

มาวิน : “ตอนแรกเราแพลนไว้ว่าจะประมารณธันวาปีนี้ แต่ขยับไป 3 เดือน ซึ่งไม่เป็นไรครับ ก็เตรียมตัวเพราะว่าก็ดีครับ เพราะเฟอร์นิเจอร์บางตัว บางอย่าง บางรุ่น ก็มีใหม่ ๆ เข้ามา ก็อาจจะเหมาะกับบ้านเรา บางชิ้นก็ต้องรอเพราะนำเข้า”

แพลนฮันนีมูนที่ไหน?

ตู่ : “ยังไม่ได้คิดเลย แต่ว่าหลังจากแต่งงานมีแพลนว่าจะไปญี่ปุ่น ก็น่าจะไปแค่ญี่ปุ่นก่อน อย่างที่บอกเปิดละครไว้ 2 เรื่อง ไปไหนนานไม่ได้”

มาวิน : “ปีหน้ากะว่าจะไปยุโรป”อยากให้ “มาวิน” พูดถึงภรรยาคนนี้หน่อย?

มาวิน : “ผมโชคดีที่ได้เขามา โชคดีจริง ๆ เขาน่ารักมาก ผมรักเขามาก ๆ เขาเป็นกำลังใจที่สำคัญให้ผม ใช่ เขาดุ แต่ที่เขาดุเพราะว่าบางอย่างผมเป็นผู้ชายเกินไป อาจจะละเลยเกินไป ผมรู้วึกว่ามีเขาได้ทั้งเพื่อน ได้ทั้งเมีย ได้ทั้งแม่ ในคนเดียว ครบมากครับ (หัวเราะ) นี่คือชม ๆ ผมดีใจที่มีเขาเป็นผู้นำในชีวิตของผม ผมชัดเจนมากครับ (ยิ้ม) ผมแฮปปี้ ผมมีความสุขมาก ๆ ครับ ถ้าซึ้ง ๆ ก็ รักนะที่รัก ปีที่ 14 แล้ว สุดท้ายก็ฝันเป็นจริง วันที่จะจัดงานแต่งผมบอกเขาเลยว่างานนี้มันต้องเกิดนะ อยากให้เขาทำตามใจฝัน เขาจะทำอะไรอะไรทำเต็มที่เลย ผมพร้อมซัพพอร์ตเขาหมด เพราะว่าคือความฝันของเขา แล้ววันนี้ผู้ชายคนนี้ทำให้ได้แล้ว มาถึงตรงนี้แล้ว รักนะคะ”

อยากให้พูดถึงสามี ฝ่าฟันสิ่งต่าง ๆมาจนถึงวันนี้?

ตู่ : “ก็อย่างที่ตู่บอกไปก็คือ จริง ๆ ตู่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้แต่งงาน วันที่เขาขอคนที่เห็นคลิปจะทักเลยว่าทำไมร้องไห้เร็วมาก เห็นปุ๊ปน้ำตาหยดเลย เพราะอย่างที่บอกว่าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาจะมาขอเราแต่งงานได้ รู้สึกว่าตั้งแต่แต่งงานกับเขามาความสุขในชีวิตเรามันเกิดง่ายจัง กินข้าวด้วยกันมื้อนึงมีความสุขมากเลย ความสุขเกิดขึ้นทุกวันและง่ายดายมากโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนหามัน มันอยู่ข้าง ๆ เรา”

ทำไมถึงคิดว่าเขาจะไม่มาขอแต่งงาน?

ตู่ : “คือก่อนหน้านี้วินเป็นนักแสดง นายแบบ ซึ่งมันก็เป็นชีวิตที่พูดง่าย ๆ คือขึ้นอยู่กับคนอื่นจะมีงานเข้ามาไหม

มาวิน : ก่อนหน้าเล่นละครมาเป็น 10 ปี พูดจริงๆ นะครับ คนยังทักผมผิดเลย ทำให้เราไม่มีความมั่นใจในตัวเองไปเลย แล้วเราก็อายุเยอะขึ้นทุกวันเด็กใหม่ๆ เขาก็ต้องขึ้นมา พอเรามาทำเพจเรื่องการกินมันทำให้เราเริ่มมองเห็นทาง ทำสิ่งที่เรารักก่อนเป็นตัวเองเลยให้ทุกคนมาสนุกไปด้วยกัน พอมันเริ่มดีขึ้น ผมขอบคุณโควิดจริงๆ นะ ที่เข้ามาเพราะมันทำให้ผมสู้สุดๆ เลย เพราะว่าไปรีวิวข้างนอกไม่ได้ ช่วยคนสิเอาของเขามารีวิวที่บ้าน เข้าครัวสิ ช่วยคนให้มีรายได้สิ ตอนนั้นมันทำให้มันสตาร์ทตัวตั้งขึ้นมาได้เลย แล้วทำให้เรามั่นคงทำให้เราแตกหน่อไปทำธุรกิจอื่นได้ ไปทำร้านอาหาร

ตู่ : คือเริ่มมีเงินก็เริ่มไปลงทุนธุรกิจอื่นๆ

มาวิน : เริ่มมั่นใจว่าผมพอเห็นทางว่าได้เขามาอยู่ข้างๆ ผมแน่นอน

ตู่ : ตู่กับวินพูดได้เลยว่าเราสองคนเป็นคนที่ทุกอย่างหารครึ่ง เราอาจจะเป็นคนที่เติบโตมามีต้นทุนที่ดีกว่าเขา ดังนั้นตู่ไม่ได้มายด์ว่าเขาต้องออกให้เรา ผู้ชายต้องเป็นคน คือตู่ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น ขณะเดียวกันตู่ก็ไม่ได้ออกให้เขานะ ถ้าเรากินได้เท่านี้ก็กินเท่านี้ หารครึ่งกัน แต่จะไม่ไปกินแพงๆ แล้วฉันจ่ายให้เธอ ตู่ไม่ทำ งานแต่งงานก็เหมือนกันไม่มายด์เลยกับการหารครึ่งกัน แต่ตู่จะไม่ใช่คนที่ออกทั้งหมดเพื่อให้ตู่ได้แต่งงาน

โมเมนต์ไหนที่ทำให้เรารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นภรรยาเรา

มาวิน : ตอนที่ผมเริ่มคำนวนเงินในบัญชีได้แล้วว่าผมสามารถซัพพอร์ตเขาได้ งานทุกงานที่ผมได้เงินจากการรีวิวมาทั้งหมดครึ่งหนึ่งเป็นของเขา มันเป็นหน้าผมมันเป็นชื่อผมขึ้นมาปุ๊บผมจะโอนให้เขาทันทีเลยผมมีเงินให้เขาทุกเดือน มันมาถึงจุดนี้แล้วที่เราดูแลเขาได้ ผมแฮปปี้ผมเลยกล้าขอเขาแต่งงานครับ มันมีจุดมั่นคงมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ตอนนี้ก็เลยให้เขาทั้งหมดแล้ว

มาวิน : ดะๆ ได้ครับ อยู่ลิ้นเปลี้ยหมดแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ให้เขาดูบัญชีอยู่แล้วครับ ผมจะถามเขาว่า ที่รักอันนี้ผมซื้อได้ไหม

ตู่ : คือเงินจะอยู่ที่เขา เราจะไม่เป็นครอบครัวที่เงินทุกอย่างจะต้องอยู่กับภรรยา ตู่รู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะอยากใช้จ่ายส่วนตัว จะซื้อของอะไรของเค้าเราไม่อยากไปบีบบังคับขนาดนั้น แต่ต้องขออนุมัติ ทำเรื่องเสนอก่อน เหตุผล (อนุมัติยากไหม?) ไม่ยาก

มาวิน : โอ่โห่ ไม่ยาก แต่บอกว่าแล้วแต่เธอสิ ก็ไม่กล้าซื้อเลยครับ บัตรไม่กล้าใช้นั่งนิ่งๆ เลย (ความหมายนี้เท่ากับ?) โน แต่ก็ดีใจที่เขาให้ผมมีเงินเอาไว้จะได้แอบไปซื้อของเล่นกระจุกกระจิกไม่ให้เขารู้

ตู่ : เขาจะมีมุมรกของเขาหนึ่งมุมที่ตู่จะไม่ยุ่งเลย คือตามธรรมเนียมบ้านตู่แต่งแล้วเขาจะย้ายเข้ามาที่บ้าน ตู่เป็นคนมีระเบียบมากทุกอย่างเป๊ะๆ แล้วพอเขามาอยู่ก็วางของรกไปหมด แล้วตู่รู้สึกว่าตู่เครียด แต่จะให้เขามาเป๊ะแบบเราเขาก็จะเครียดเหมือนกันก็เลยจัดมุมให้เขาไปมุมนึงเลยให้ถมเลย ฉันจะมองข้ามไป

มาวิน : ขอโทษนะครับ มุมนั้นเล็กกว่าโต๊ะนี้ แล้วดูแมวเธอสิมีแต่ที่แมวเต็มไปหมด แต่ยังดีที่เขาไม่ห้ามผมซื้อเสื้อฮาวาย

อีจัน บันเทิง ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่อีกครั้ง ขอให้มีทายาทอย่างที่ตั้งใจไว้ในเร็ววันนะคะ

คลิปอีจันแนะนำ
นิ้ง ชัญญา แจงประเด็นมือที่สาม พลอย หอวัง-ทู สิราษฎร์