เฌอเอม เผยความรู้สึก หลังไม่เข้า TOP20 มิสแกรนด์ไทยแลนด์2023

เป็นอีกหนึ่งสาวที่หลายคนถามหา ตลอดการแข่งขันรอบไฟนอล เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ มิสแกรนด์ลำพูน เพราะตัวเต็งอย่างเธอ ไม่เข้า #TOP20 ด้วยซ้ำ เกิดอะไรขึ้น และความรู้สึกของเธอเป็นอย่างไร เราไปสอบถามเฌอเอมไปพร้อมกัน!

จากผลการประกาศผล มิสแกรนด์ไทยแลนด์2023 รอบไฟนอล เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 เม.ย. 66) หลายคนต้องตกใจ กับผลประกาศรางวัลที่ เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ มิสแกรนด์ลำพูน ตัวเต็งอันดับต้นๆของหารประกวดรอบนี้ แต่กลับไม่เข้า TOP20

ซึ่งจากการประกาศผลดังกล่าว ทำเอาโลกโซเชียลฮือฮาไม่น้อย ต่างเดาเหตุผลกันไปต่างๆนาๆ เพราะ เฌอเอม เพิ่งคว้ารางวัลใหญ่ ขวัญใจเชียงใหม่ มาครอง เมื่อตอนไปเก็บตัวที่ จังหวัดเชียงใหม่ มากอดไม่นาน ซึ่งในรอบไฟนอลนี้ หลังการประกวดจบ แอดได้เจอกับสาว เฌอเอม จึงได้ขอสอบถามจากปากเจ้าตัว นำคำตอบมาฝากทุกคนให้คลายสงสัย

เราสู้มาจนวินาทีสุดท้าย ภูมิใจยังไงบ้าง

“จริงๆ ก็ภูมิใจค่ะ เพราะว่าเรานึกว่าเราจะหยุดที่รองหนึ่งลำพูน แต่เราก็บังเอิญได้มาถึงจุดนี้ แล้วระหว่างทางก็เจออะไรมากมาย ที่รู้สึกว่ามันมีค่า แล้วก็เจอความสามารถที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายของ การเดินที่อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ดีขึ้นมาก และที่สำคัญก็คือเราได้รับกำลังใจจากคนลำพูนเยอะจริงๆ ซึ่งเอมไม่เคยคิดเลยค่ะ ว่าเราจะสามารถทำประโยชน์ได้มากขนาดนี้ แล้วมันทำให้คนที่เสียเซลล์ในการหางานประจำทำ รู้สึกว่ามั่นคงมากขึ้น คือเรากล้าจะออกจากกรอบแล้วทำสิ่งใหม่ๆ เพราะจริงๆ แล้วหนูเป็นนางแบบมาตลอด คนอาจจะคิดว่ามันเป็นอาชีพที่ดีแล้ว ให้เป็นดาราต่อ ให้เป็นนางงามต่อ แต่หนูอยากทำงานทั่วไปมาตลอดเลยค่ะ หนูอยากเรียนปริญญาโท หนูอยากทำงานเกี่ยวกับชุมชนมาตลอด หนูเพิ่งมากล้าทำมันจริงๆ ก็ปีนี้ ขอบคุณเวทีมิสแกรนด์มากจริงๆ”

ย้อนกลับไป อะไรทำให้เราตัดสินใจกลับมายืนบนเวทีนางงามอีกครั้ง

“จริงๆ มันก็หลายเหตุผลนะคะ ก็มองว่าเผื่อมีรายได้ด้วยส่วนหนึ่ง อยากแก้ความเข้าใจผิดก็ส่วนหนึ่ง แล้วหลักๆ คือคาใจค่ะ ไม่อยากให้มันจบลงไปโดยมี่เราไม่ได้ทำอะไรเลย พอเรารู้สึกว่าเรายังมีโอกาสก็ควรจะลองดู อย่างน้อยเราอาจจะเหมาะไม่เหมาะยังไง แต่เราได้ทำแล้ว อย่าให้ชีวิตมีคำว่าถ้าตอนนั้นค่ะ”

ความเข้าใจผิดที่เราอยากมาแก้คืออะไร

“มันก็หลายเรื่องค่ะ ต้องยอมรับจริงๆ อย่างล่าสุดก็เพิ่งมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ปี 2019 ออกมาพูด ว่าตอนนั้นเรายังไม่ได้รู้คำตอบก่อน ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมปีนั้นถึงไม่พูด กว่าที่หลายๆ อย่างจะเปิดเผย คนก็เข้าใจผิดเกี่ยวกับเราไปเยอะแล้ว ซึ่งบางทีมันอติต่อคนรอบตัว ต่อคนที่เรารักด้วย เอมรู้สึกว่าใครจะอะไรกับเอม เอมไม่สนใจ ไม่สำคัญ แต่เราไม่อยากเห็นคนที่เรารัก ถูกทำร้ายเพราะว่าเขารู้จักกับเรา”

เขาตัดสินเราไปก่อน เรานอยด์หรือเสียใจไหม

“มันน่าหงุดหงิดมากกว่าค่ะ อันนี้หนูพูดตรงๆ นะ การจะมาเสียใจ มันอาจจะเป็นวูบแรก แต่วูบต่อไปคำถามก็คือคุณเป็นใคร คุณเป็นใครถึงมาพูดแบบนี้ มันก็เป็นความโกรธขึ้นมาแล้ว แต่สุดท้ายแล้วคนเขาต้องรู้จักเรามากแค่ไหน ถึงจะให้เกียรติเรา ต้องรู้จักเรามากแค่ไหนถึงจะรักเรา ถ้าเขาเกลียดเรา นั่นคือเพราะทั้งหมดที่เขารู้ ก็หมายความว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจผิดค่ะ แต่เขารู้จริงแค่นั้น”

โค้งสุดท้ายที่มันเกิดขึ้น คนรู้สึกว่ามันเหมือนเดิมอีกแล้ว เราอยากบอกตรงนี้ยังไง

“จริงๆ มันก็แตกต่างค่ะ ต้องเรียกว่ามันมีระเบียบของมัน แม้ว่าไทม์มิ่งบางอันมันอาจจะกะทันหันนิดหนึ่ง แต่เอมก็รู้สึกว่า บอสมีการตัดสินใจที่ดี แล้วเอมก็เคารพการตัดสินของกรรมการ ที่สำคัญคือเขามีโอกาสให้เราเลือก การมีสิทธิ์เลือกเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ แล้วถ้าเลือกแล้ว เราก็ต้องรู้ผลของมัน หนูก็ไม่ได้รผู้สึกอะไรนะ พูดตรงๆ หนูรู้สึกว่าแค่ตี่เขาก็แฟร์กับเอมมากแล้ว ที่เอมได้ยืนบนเวทีอันทรงเกียรตินี่จนวินาทีสุดท้าย หลังจากที่เอมเคยโดนกระทำในที่ลับมานาน เขาทำทุกอย่างในที่สว่าง สังคมรู้ทุกคนรู้ อันนี้คือเอมเคารพการตัดสินใจขององค์กรแกรนด์มาก”

หลายคนก็เสียดายที่เรามาถึงแค่นี้ เพราะเราน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ อย่างการได้ยืนเป็นสองคนสุดท้าย

“จริงๆ มันก็อาจจะมีสิทธิ์ค่ะ แต่เอมเชื่อว่าทุกคนที่ได้ตำแหน่ง เขาเหมาะสมมากๆ แล้วนะคะ แล้วอีกอย่างชีวิตเราไม่ได้จบแค่เวทีแกรนด์ค่ะ แม้ว่าวันนี้เราอาจจะไม่ได้เป็นที่หนึ่ง แต่เอมคิดว่าต่อไป เอมจะสามารถทำอะไรได้อีกเยอะมาก ที่เป็นประโยชน์กับตัวเอม เป็นประโยชน์กับสังคม หรือจริงๆ อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะ แต่มันเป็นบางอย่างที่เราสบายใจ และคนอื่นมีความสุข อย่างการแต่งคอสเพลย์ การเขียนนิยายอะไรแบบนี้ หนูว่าการได้ทำสิ่งที่ชอบในชีวิต มันทำให้ชีวิตของคนเรามันสมบูรณ์”

เราเสียใจไหม อีกนิดเดียวมือเราจะแตะมงฯ แล้ว

“ไม่เลย ไม่เลยจริงๆ ไม่ใช่เพราะเอมไม่เห็นคุณค่าของมงกุฎนะคะ แต่เอมมีความรู้สึกว่าหลายๆ อย่าง ที่เราคิดว่าเราอยากก้าวข้ามมัน เราก้าวผ่านมาได้แล้ว ส่วนเรื่องของศาสนา หนูก็เข้าใจการตัดสินใจของบอส แล้วหนูก็รู้สึกว่า ในเมื่อความต้องการมันไม่มิกซ์กัน เขาก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกหนทางที่มันเป็นประโยชน์กับองค์กร อย่างที่บอกว่าการที่เอมยังอยู่ที่นี่ มันแฟร์กับเอม ก็แปลว่าเขาได้ให้พื้นที่เอม อย่างที่เขาสมควรจะให้แล้ว เราไม่มีอะไรที่จะต้องพูดมากกว่านั้น นอกจากขอบคุณ”

สปิริตเราก็อยู่จนจบ

“พี่เห็นหนูเต้นไหมล่ะ หนูจอยมากเลยนะ แต่อาจจะผิดจังหวะเยอะนะคะเพลงมาที่สอง แต่ว่าจอย”

การกลับมาประกวดได้แก้ปมที่มันคาใจสำเร็จไหม

“ก็แก้เยอะเลยค่ะ เอาเข้าจริง มันไม่เชิงว่าเป็นปม เราแค่อยากทำให้เต็มที่ ถ้าวันนี้มันไม่สำเร็จ แต่เรารู้สึกว่าเราเต็มที่แล้ว ก็ช่างมัน”

ความฝันการเป็นนางงามจะหยุดแค่วันนี้ไหม

“จริงๆ หนูไม่ใช่คนที่อยากเป็นนางงามมากมาตั้งแต่ต้น หนูชอบคอนเซ็ปท์ของเวทีนางงาม การได้มาชาเลนจ์หลายๆ อย่าง มันทำให้เรารู้สึกสนุก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวทีกับชุมชน การพรีเซ้นท์ของท้องถิ่น แม้แต่การตอบคำถาม ความพาราด็อกของเวทีที่ขายความสวย แต่ก็อยากจะขนาดในเวิร์ดซิตี้ มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่พอเราลองทำมาถึงจุดหนึ่ง มันก็เหมือนอาหารที่เราทานบ่อย มันมีความรู้สึกว่า วันหนึ่งเราจะคิดถึงนะ แต่วันนี้อาจจะไม่ใช่ อาจจะเปลี่ยนไปทานอย่างอื่นก่อน”

จะสานต่อมายเซ็ตที่เราคิดไว้ยังไงต่อ

“จริงๆ เอมว่ามันไม่ต้องสานต่อค่ะ เพราะมันอยู่ในธรรมชาติของเรา มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกกับทุกๆ เรื่องในชีวิต คือมันอาจจะมีคนบางคน ที่มีความรู้สึกว่า ถ้าเป็นเรื่องประมาณนี้ เขาจะไม่พูดอะไร เอมก็มีเรื่องที่เอมไม่พูดอะไร แต่เอมก็มีเรื่องเอมสนใจจะพูด ซึ่งพอมันอยู่ในธรรมชาติของเรา เราไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะสานต่อมัน”

อยากกลับมาประกวดนางงามอีกไหม

“หนูพูดตรงๆ นะ หนูชอบนอน (หัวเราะ) คือบางทีเราอาจจะไม่ได้ทุกอย่างที่เราต้องการ แต่ว่าเราต้องเลือกทำบางอย่างในบางช่วง เพื่อจะทำเป้าหมายให้รู้เรื่อง ซึ่งหนูก็นอนน้อยมา 1 เดือน แต่ว่ามันก็ลุล่วงแล้ว ต่อจากนี้ หนูก็จะกลับไปนอนค่ะ แล้วก็ทำงานอื่น”

ในมุมนางงามเราคิดว่าเราทำสำเร็จแล้วหรือยัง

“เอมว่ามันสำเร็จนะ วันนี้เอมไม่ได้มีมงกุฎอะไร ยากเว้นมงฯ ขวัญใจเชียงใหม่ ที่อันนั้นเอมภูมิจริงๆ เพราะพี่ๆ ชาวปกาเกอะญอก็มาเชียร์ด้วย แต่เอมรู้สึกว่าหลายๆ อย่างที่เราพูด ทำให้เกิดข้อถกเถียงในสังคมขึ้นมาในประเด็น ในเวทีนางงามมันไม่ถูกตั้งเป็นคำถามรอบรองไฟนอลด้วยซ้ำ แต่มันกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนพูดถึง แล้วตระหนักดูว่าเราอาจจะไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันสำคัญ หนูว่าหนูก็คอมแล้วนะ เพราะเราอยากเปลี่ยนวงการนางงาม อยากทำให้สังคมกระเพื่อม เราก็ดกระเพื่อมแล้ว แม้ว่าเท้าเรายังติดดินอยู่”

มงฯ ไม่ลง แต่คนรักเพิ่มมากขึ้น

“จริงๆ ก็ดีใจค่ะ เพราะคนรักในตัวเอม เอมยินดี แต่เอมอยากให้คนรักในสิ่งที่เอมพูด เรื่องของสิทธิมนุษยชน เรื่องของชนชาติพันธุ์ เรื่องของจ.ลำพูนเอง หรือว่าการเปิดกว้างทางศาสนาก็ตาม การที่คนเราหันมาเปิดรับในสิ่งเหล่านี้ มันทำให้ประเทศไทยน่าอยู่”

จะกลับไปทำอะไรหลักจากนี้

“ว่าจะกลับไปสร้างธุรกิจเล็กๆ ที่ลำพูนค่ะ เพราะว่ามีความสนใจอยากเรียนปริญญาโทมนุษยวิทยา แล้วก็อยากทำแพลตฟอร์ม เพื่อนำสินค้าในจ.ลำพูนหรือชุมชนชาติพันธุ์อื่นๆ มาขาย ขายทั้งสินค้าและคอนเซ็ปท์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปินเหล่านี้ให้มันอยู่ต่อไป อันนี้เป็นความสนใจส่วนตัว จริงๆ แล้วเอมก็คิดว่าพีดีจะช่วยสนับสนุนเอมได้เต็มที่ ที่สำคัญก็คือเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการประกวด หรือแม้แต่คนที่สนับสนุนในลำพูน เราก็จะไปทำงานต่อเรียนต่อ ให้มันคุ้มกับที่เรามาทางนี้”

เราต้องเคารพการตัดสินใจของทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าทุกฝ่ายคิดมาดีแล้วสำหรับผลการตัดสินใจ ซึ่งไม่ว่าอย่างไร อีจันบันเทิง ก็ขอเป็นกำลังใจ ให้กับ เฌอเอม กับทุกเส้นทางที่เลือกนะจ๊ะ

คลิปอีจันแนะนำ
ฟาดกันเดือด ณวัฒน์ – เฌอเอม มิสแกรนด์ลำพูน ปมไม่ดูดวง