เป็นอีกหนึ่งสาวที่ไม่ว่าจะโพสต์ หรือพูดอะไรในช่วงนี้ก็มักจะถูกนำมาเป็นประเด็นอยู่บ่อยครั้ง สำหรับ ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ อดีตภรรยาของ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
อย่างก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวไปออกรายการดัง เปิดใจถึงเรื่องราวความรักในอดีต พร้อมเผยซีนจูบเท้าสุดโรแมนติก จนหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเธอกำลังพูดถึงอดีตสามี ทำให้กลายเป็นประเด็น ดราม่า อยู่หลายวัน ก่อนที่เธอจะออกมาชี้แจงในภายหลัง โดยยืนยันว่าเธอไม่เคยเอ่ยชื่อ พิธา ในเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน
แต่ ดราม่า เก่ายังไม่ทันคลาย ก็มีเรื่องราวร้อนๆ มาให้ชาวโซเชียลได้จับตามองกันอีกครั้ง เมื่อสาว ต่าย โพสต์ภาพแอปเปิ้ลสีแดงที่มีข้อความว่า “ONLINE ISN’T REAL.” ผ่านอินสตาแกรมสตอรี่ พร้อมมีอีกหนึ่งข้อความที่ระบุว่า “ไม่รู้ว่าจะสื่อถึงอะไร แต่ก็ดูพยายามดีนะคะ ลงแล้วลบ หนูงงเด้แม๊ๆๆๆๆๆๆ” งานนี้หลายคนก็เลยเอ๊ะๆ ว่า แอป (เปิล) นี่จะมีอะไรเกี่ยวจ้องกับ นางเอกสาว แอฟ ทักษอร ที่กำลังมี ข่าวจิ้น กับอดีตสามี อย่าง พิธา หรือเปล่านะ?
ล่าสุด ได้เจอสาว ต่าย ใน งาน ซีไลฟ์ แบงคอก เปิดแคมเปญใหม่ “ผจญภัยกับเปปป้าพิกหมูน้อยสีชมพู ณ ใต้ท้องทะเลสุดมหัศจรรย์” เจ้าตัวจึงได้เปิดใจถึงประเด็น แอปเปิ้ลแดง โดยบอกว่า “ปกติเราเป็นคนโพสต์เรื่องคติ ธรรมะ สัจจธรรมเป็นปกติ ซึ่งพอครั้งนี้โพสต์ไปก็รู้สึกความหมายของในรูปว่าทุกสิ่งทุกอย่างออนไลน์ ทุกคนแชร์กิจกรรมกับรูปมันไม่เหมือนกันหรอก มันเป็นสัจจธรรม บางคนโชว์แต่ด้านดีๆ อาหารแพงๆ แต่ความจริงเป็นยังไง เหมือนโพสต์ให้ข้อคิด แต่ทีนี้คือดันเป็นรูปแอปเปิ้ล ซึ่งเราไม่รู้เรื่องว่ามันคืออะไรเหรอ เพราะเราไม่ได้รู้เรื่องราวในโซเชียลว่าเขาเรียกใครแทนใคร เพราะเราเป็นคนไม่อ่านเรื่องคนอื่น เราเป็นคนไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น เพื่อนก็เลยมาบอกว่าเดี๋ยวคนเข้าใจผิด เราก็เอ๊ะ ทำไมคนต้องตีความ”
ต่าย กล่าวต่อว่า “แล้วอีกอย่างหนึ่งมันมีคนแคปรูปแล้วก็เอาไปโพสต์ใส่แคปชั่น ถ้าดูดีๆ ก็จะมีหัวคนที่รีโพสต์ คือเราไม่ได้โพสต์อะไร พอโดนพาดหัวข่าวอีกว่าเราโพสต์รูปนี้พร้อมกับแคปชั่นว่า ‘ดูพยายามดีนะ’ ซึ่งเราไม่ได้โพสต์ เราก็งงว่าเราแชร์อะไรที่มันเป็นคติสอน กลายเป็นว่าโดนผลกระทบมาอีกว่าอยู่นิ่งๆ เหอะ เราก็อ้าว! เราโพสต์อะไรเกี่ยวกับธรรมะ คติสอนไม่ได้เลยเหรอ งง กลายเป็นว่าโดนโยงๆ เพราะฉะนั้นเราโพสต์ด้วยเจตนาดี เจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็อยากให้ข้อคิดสอนคนด้วย แต่ว่าคนที่อคติ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงคิด ถึงโยงไปเป็นเรื่องอะไรแบบนั้นได้”
คนก็มองว่ามีปัญหากับ แอฟ หรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ก็ดี มีการแชร์โพสต์ลูกๆ เจอกัน?
“คิดดูถ้ามีปัญหาจริงๆ จะโพสต์ทำไม เราโตแล้ว เราไม่ใช่คนที่จะมาโพสต์ด่าออนไลน์ มันไม่ใช่ แล้วเราก็ไม่ได้มีปัญหากันด้วยเลยค่ะ”
มีการคุยกันหลังไมค์กันการเข้าใจผิด?
“ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิด เพราะเราก็รู้สึกว่าเขามีความเป็นผู้ใหญ่ เขาก็เข้าใจสถานการณ์อยู่แล้ว แล้วเราไม่ได้มีปัญหากัน เพราะฉะนั้นถ้ามีปัญหากันอาจจะคิดว่าเรา.. แต่เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย ทีนี้เขาจะโยงได้อย่างไร (ไม่ถึงขั้นยกหู?) ไม่จำเป็น แต่ว่าเพื่อนก็บอกว่าบอกเขาหน่อยไหม เพื่อนก็ชาวบ้าน 1 (หัวเราะ) บอกเขาหน่อยไหมว่าเห็นข่าวหรือยัง แต่เราแค่รู้สึกว่าถ้าเจตนาเราไม่ได้มีอะไรแบบนั้นจะแก้ตัวทำไม”
คิดว่า แอฟ น่าจะเข้าใจ?
“ใช่ๆ แต่ก็มีถามไปว่าเห็นข่าวหรือยัง ไม่น่าจะเข้าใจ เพราะตอนนั้นที่เรามีข่าวพี่แอฟเขาก็กลัวเราเข้าใจผิด ซึ่งเราก็ไม่ได้มีอะไร ก็มีทักไปนิดหน่อย อันนี้ไม่ได้มีอะไรเลยนะ เขาก็น่าจะเข้าใจนะคะ”
ย้ำเลยว่าไม่ได้มีปัญหากับ แอฟ ?
“ไม่ได้มีค่ะ เหมือนว่าคนชอบมาโยงทุกเรื่อง ให้มีเรื่อง เอาจริงๆ เรื่องที่หนักคือพาดหัวข่าว เพราะคนไทยอ่านแค่พาดหัวข่าว เนื้อข้างในมันไม่ใช่ ทุกอย่างอยากให้พาดหัวข่าวถูกต้อง เป็นจริง อันนี้ทำข่าวได้เลย แต่ถ้าทำให้คนเข้าใจ ทัวร์มาลง ไม่รู้จะทำ ทำไม”
ด้วยความที่เราโพสต์กลางๆ อาจจะทำให้คนเข้าใจผิด?
“ก็ถึงได้บอกว่าเราโพสต์ด้วยเจตนาดี และบริสุทธิ์ แต่ถ้าเกิดว่าคนที่อ่านมีเจตนาที่มีความอคติ หรือมีเจตนาที่คิดลบ หรือคิดไปเอง อันนี้เราห้ามไม่ได้ แต่เรารู้สึกว่าไม่อย่างนั้นเราโพสต์รุป หรืออะไรต้อมีความหมายแฝงทุกครั้งเหรอ เราไม่ได้เป็นคนยาก หรือมีเลเยอร์ขนาดนั้น เป็นคนตรงๆ โพสต์อะไรก็ตามนั้นเลย”
อาจจะผิดจังหวะ?
“เรามีเรื่องอะไรกับเขาเหรอ คือหมายถึงว่าเพิ่งมีข่าวแล้วก็โพสต์ อันนี้มันก็เหมือนกับว่าเป็นการดำเนินชีวิตของเรามาเรื่อยๆ แล้วเราก็โพสต์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว (อยากบอกอะไรคนโยง?) เราก็งงว่าเขียนตอนไหน หรือข่าวที่ก่อนหน้านี้ที่บอกเราพูดก็คือยังไม่ได้พูด พอพาดหัวปุ๊ปคนก็มาด่าๆ ว่าเราพูดแบบนี้ได้ไง ตอนไหน ไม่ได้พูด”
กดดันไหมเวลาจะโพสต์อะไร ทำให้ต้องคิดเยอะกว่าเดิมไหม?
“ก็นิดหนึ่งค่ะ เพื่อนก็คอยเตือนว่าถ้าเป็นกระแสเยอะก็ไม่ต้องโพสต์ ซึ่งเรารู้สึกว่าแล้วทำไมจะโพสต์ไม่ได้ ถูกไหม เราก็โพสต์ปกติอยู่แล้ว และถ้าเกิดว่าเราโพสต์ให้คนที่มีจิตใจที่ดีเขาอ่าน เขาก็ไม่ได้มีอะไร เราทำตัวปกตินะ การโพสต์รูป หรือทำกิจกรรม แต่คนจะชอบมองว่าทำแบบนี้ ทำแบบนั้น ซึ่งเราก็ทำตามปกติ”
อึดอัดไหม ครอบครัวเราโดนจับจ้อง?
“โดนจับจ้องได้ แต่ว่าอยากให้จับจ้องให้ถูกในเจตนาของเรา ซึ่งครอบครัวเรา หรือตัวเราเองไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว เป็นคนปกติธรรมดานี่แหละ ที่เลี้ยงลูกทำงานปกติเลย ไม่ได้แขวะใคร ไม่ได้มีเรื่อง ไม่ได้มีปัญหา”
ก่อนจะโพสต์ต้องคิดไหมว่าจะเป็นประเด็นอีกไหม?
“ก็นิดหนึ่ง บางทีเราจะโพสต์เรื่องเป็นห่วงลูก เรายังต้องคิดเลยว่ามันจะกระทบใครหรือเปล่า”
อย่างล่าสุดที่ไปพัทยา คนก็จับจ้องว่าไปด้วย?
“คือทุกเรื่องเขาโยงหมด ไม่ต้องไปพัทยา เขาไปนั่งกินข้าวก็จับคู่จาน หรือเราเองไปเชียงใหม่ คนก็ตามไปถามที่ร้านว่าเขามากับใคร ส่งข้อความมาถามก็ได้นะ (หัวเราะ) อะไรแบบนี้ ก็ไม่ต้องขนาดนั้น”
หรือบางคนอยากเห็นภาพครอบครัว หรือเปล่า พ่อ แม่ ลูก?
“ก็มีเยอะแยะในเน็ต (รู้สึกยังไงที่คนยังลุ้น และเชียร์?) อย่างที่บอกนานาจิตตั้ง แล้วแต่เขา อยากให้ลุ้นไปด้วยเหรอ (ไม่ต้องลุ้นแล้วใช่ไหม?) ไม่หรอก อย่างที่บอกคือเราทำหน้าที่ตรงนี้คือเป็นคุณพ่อคุณแม่ของ พิพิม ก็แฮปปี้ดี”
แล้วจะมีโอกาสเปิดตัวหนุ่มใหม่ไหม?
“ไม่มี เปิดตัวหนุ่มอะไร (เจ้าของแหวนล่ะ?) เห็นไหม เล่าให้ฟังว่ามันเคยเกิดขึ้นนะ คนจะคิดว่าไทม์ไลน์คือตอนนี้ ตอนนี้แหละ เพราะฉะนั้นคือเวลาพูดอะไรต้องลงท้าย ณ วันที่ เวลา อะไรอย่างนี้ บางทีเราตอบอะไรไปมันเป็นการอัพเดตช่วงนั้น สมมติวันนี้เราทะเลาะกัน เราบอกสื่อว่าโสดค่ะ อีก 2 วันดีกันแล้ว ทุกคนเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ถูกไหม (แสดงว่าตอนนี้โสด?) ตอนนี้โสด ไม่ใช่ ณ วันนี้ คือตอนนี้โสด (หัวเราะ) เหมือนบางทีเล่าอะไรให้ฟังในเรื่องของอดีต อดีตต้องเป็นคนนี้แน่เลยใช่ป่ะ คืออดีตก็ไม่ได้มีคนเดียว อายุจะ 40 แล้ว ไม่ได้มีคนเดียวหรอกค่ะ (แหวนวงนั่นคือโมฆะไปแล้ว?) เวลาเล่าอะไรมันเป็นอดีต (จบนานยังเจ้าของแหวน?) ก็ จริงๆ เขาก็มาง้อแหละ แค่แบบว่าพอดีกว่า (เหตุผลล่ะ?) เรารู้สึกยังไม่พร้อมด้วย ถ้าจะมีครั้งที่สองมันก็ต้องมั่นใจกว่านี้นะ เขาก็ยังไม่ได้ทำตัวให้มั่นใจด้วย”
คือตอนนี้แม่โสด ช่วยกันลุ้นได้?
“อีกแล้วหรอ (เมื่อกี้บอกว่าแล้วแต่เขา?) ไม่ใช่ไม่ได้พูด เอาอีกแล้ว พูดตอนไหน ตอนนี้เป็นคุณพ่อคุณแม่ก็แฮปปี้แล้ว (ต่างฝ่ายต่างเป็นพ่อแม่ให้ พิพิม ?) ใช่”
นอกจากนี้ สาว ต่าย ยังได้ย้อนกลับไปชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่เล่าเรื่อง อดีตคนรักจูบเท้า ในรายการดัง ว่า “พอพูดว่าอดีต คนก็จะคิดว่าคนนี้แหละ มีคนเดียว แล้วก็เข้ามาด่า เข้ามาคอมเมนต์ ทุกคนเลยนะคะ ศึกษาข้อมูลก่อนนะคะ ทั้งหมดเลย รวมถึงชาวบ้าน 1-2-3 คือเวลาไปออกรายการทุกคนก็โดนถามความรักครั้งแรกเป็นยังไง อดีตมีเรื่องราวอะไรบ้าง อยากให้ดูที่เจตนาของคนตอบจริงๆ มากกว่า ว่าเขาตอบคำถามพิธีกรก่อน ไม่ใช่มีอะไรจะจับโยงไปหมดทำไมคะ โยงเก่ง โยงเก่งมาก”
ยืนยันว่าเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ พิธา ?“(หัวเราะ) จะบอกว่าแฟนเก่าดิฉันมีหลายคนค่ะ ก็หลายคนไงคะ ไม่ได้หรอ จะเป็นใครก็เถอะ แต่มันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นกับหนึ่งคนแล้วกัน โอเคไหม จบป่ะ แต่ก็ไม่อยากจะไปเจาะจงว่าเป็นใคร ก็แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว แล้วเรารู้สึกโรแมนติกแบบนี้ เราประทับใจนะ ถ้าบอกว่าได้ดอกไม้ คุณจะมานั่งถามกันไหม เพราะไม่ว่าจะคบใครก็ต้องดอกไม้ทุกคนนั่นแหละ”
บางคนมองว่าเรา โหนกระแส เป็นนักปั่น?
“เราไม่ได้อยู่ดีๆ เดินไปพูดนะ รายการเชิญไปแล้วเขาก็ถาม ไม่ใช่ว่าเราไปขอออก ไม่ใช่ เราอยู่เฉยๆ เราอยู่ในวงการอยู่แล้ว การไปออกรายการมันก็เป็นเรื่องปกติไหม ก่อนหน้านี้เราอาจจะถอยจากวงการออกมาเพราะไปมีครอบครัว แต่ตอนนี้กลับมาทำงานแล้ว เขาก็เชิญเราไปออกรายการ”
ชาวเน็ตขอไม่ให้พูดเรื่องอดีตแล้วได้ไหม?
“คือเขาหวงส่วนตัวหรือเปล่า คือเธอ ฉันพูดแล้วเธอรู้สึกอะไรเหรอ ทำไมอะ (เป็นสิทธิ์ของเรา?) ใช่ แล้วอดีตที่ฝั่งนั้นเขามี เป็นหนังสือเขาก็มี ทุกคนก็มีเรื่องราว มีความประทับใจ มีอดีตที่สามารถเล่าได้”
คนแซวว่าไปต่อแถวใหม่ค่ะ?
“ก็บอกแล้วไง ไม่ได้ต่อแถวแล้ว ทุกวันนี้คือช่วยกันเลี้ยงลูกกันไป”
ออกนอกแถวมานานแล้ว?
“ อยู่หัวแถว ค่ะ เข้าใจไหม คืออยู่ช่วยกันเลี้ยงลูก ช่วยกันดูว่าลูกจะเรียนอะไร ค่าเทอมยังไง ก็พูดว่าอยู่ หัวแถว ก็เจอ ดราม่า อีก คืออยากจะบอกว่าอยู่ หัวแถว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ มันต้องรับผิดชอบลูกนะคะ ไหนจะค่าเรียน ค่าอะไรทุกอย่าง ต้องช่วยกันเลี้ยง”
งานนี้คุณแม่ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับใครทั้งนั้นนะคะ ส่วนเรื่องที่ออกมาเล่าเกี่ยวกับอดีตคนรัก ก็อาจจะใช่ หรือไม่ใช่ พิธา ก็ได้ เพราะแม่ไม่ได้มีแฟนคนเดียวเนอะ แล้วถ้าใครมาบอกให้แม่ไปต่อคิวใหม่แม่ ต่าย ก็บอกตรงนี้เลยว่า ไม่จ่ะ ฉันอยู่หัวแถว ช่วยกันเลี้ยงลูก เอาเป็นว่า แยกย้ายๆ ดรามง ดราม่า อะไร ไม่มี
คลิปอีจันแนะนำ
หม่ำ เมินคนคอมเมนต์ด่าแรง ซัดกลับ ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู