ฌอห์ณ จินดาโชติ อัปเดตความคืบหน้างานแต่ง เผยจัดเต็ม 4 เดือน 4 งาน

ฌอห์ณ จินดาโชติ อัปเดตความคืบหน้างานแต่ง เผยจัดเต็ม 4 เดือน 4 งาน พร้อมตอบเตรียมชัดทิ้งงานแสดง ผันตัวไปทำเบื้องหลังจริงไหม?

หายหน้าหายตาไปสักพักใหญ่จนหลายคนคิดถึง สำหรับ ว่าที่เจ้าบ่าว อย่าง พระเอก ชื่อดัง ฌอห์ณ จินดาโชติ ล่าสุดหนุ่ม ฌอห์ณ ก็ได้มามาร่วมงานเปิดตัว BOSS Cafe แห่งแรกในเมืองไทยของแบรนด์ ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ งานนี้จึงขอเข้าไปพูดคุยกับเจ้าตัวกันสักหน่อยว่าเตรียมงานแต่งไปถึงไหนแล้ว

ปีนี้ไม่ค่อยเห็นทางหน้าจอสักเท่าไร?

“ใช่ครับ เป็นแพลนเยียร์ที่คุยกันไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว กับทางคุณเพชร และคุยกับตัวเอง แพลนเยียร์ที่จะเกิดขึ้นในปี 66 เราก็เลยได้ข้อสรุปว่าตั้งแต่ช่วงเดือน 7 มันจะวุ่นวาย ทั้งเรื่องงานส่วนตัว งานบริษัท โปรดักชั่น ของเรา แพลนเยียร์ของลูกค้าในบริษัทเอง ก็เลยเป็นเหตุที่ว่าปีนี้เรารับซีรีส์ หรือละครแค่ 1 เรื่อง แล้วโฟกัสกับงานที่กำลังจะเกิดขึ้นมากกว่า แต่หลังจากนั้นก็มาแพลนกันใหม่ว่าในปีต่อไปจะเป็นในรูปแบบไหน”

งานเบื้องหน้าเบาลงมาก?

“ผมว่าในปีนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจในปีหน้านะ คือผมมีบริษัทที่ต้องรับผิดชอบ 2-3 บริษัท และผมจะมี งานแต่ง ซึ่ง งานแต่ง มันไม่ได้เกิดแค่วันเดียวด้วย มันมีหลายวัน ที่สำคัญมันเป็นงานที่เราช่วยกันออกแบบกับคุณเพชร แพลนงานหลายๆ อย่าง เราพยายามออแกไนซ์เอง มันต้องเอาตัวไปอยู่ในทุกกระบวนการ เราต้องรู้ ต้องติดต่อ มันไม่ใช่ว่าทำวันสองวัน มันก็เลยใช้เวลาเยอะ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าปีนี้ไม่สามารถรับซีรีส์แบบคิวจันทร์ถึงอาทิตย์ได้ ไม่อย่างนั้นเราไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย”

พอไปทำงาน เบื้องหลัง เยอะขึ้น ติดใจไหม?

“ผมชอบนะ ผมชอบตัวเองที่ได้มาอยู่ในอีกบทบาทหนึ่ง พอได้มาทำโปรดิวเซอร์เอง ได้มาทำเป็นผู้กำกับ เอง ก็รู้สึกดีใจ และชอบ มันเหมือนมีมุมมองภาพหลายอย่างที่เราอยากจะเล่าสมัยที่เราเป็น นักแสดง หรือว่าเรามีทีมเขียนบทที่เราอยากจะนำมาเสนอ แล้วพอลูกค้า หรือว่าผู้ใหญ่นายทุนเขารู้สึกชอบในบทบาท และอยากจะร่วมงานด้วย แปลว่าไอเดียสิ่งที่เราคิดไว้มันทำงานได้ มันก็เป็นอีกบทบาทหนึ่ง ตำแหน่งมันก็ไม่เหมือนเดิม อาจจะยังไม่ค่อยชินในช่วงแรก แต่มันก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เวลาไปกอง เราไม่ต้องไปแต่งหน้าแล้ว เรามาอยู่หลังมอนิเตอร์วัดเฟรมไฟ คุยกับโปรดิวเซอร์ว่างบประมาณเกินหรือยัง แล้วก็เรื่องแคสต์นักแสดงที่บางทีเรากลายเป็นคนที่ต้องเดินไปคุยกับนักแสดง เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่โตขึ้นตามวัย”

ค่อยๆ เฟดงานเบื้องหน้าไปเอาดีงาน เบื้องหลัง ? “จริงๆ ยังชื่นชอบในงาน นักแสดง อยู่นะครับ ถ้าไม่มีงานแสดงก็คงไม่ทำให้เราได้รู้จักกัน และคงไม่ได้ต่อยอดไปถึงงานธุรกิจ และโปรดักชั่นอื่นๆ ก็คงจะไม่หายจาก งานแสดง แต่ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับบทบาทที่ผู้ใหญ่ส่งมา เราก็อายุโตขึ้น เราก็ 30 กว่าแล้ว ฉะนั้นมันไม่ได้อยู่ที่เราอย่างเดียว มันอยู่ที่คู่พระคู่นางว่าบทมันตรงกันไหม วัยเราเข้ากับนางเอกหรือเปล่า ผมว่ามันก็อาจจะมีปัจจัยเรื่องของความเหมาะสมมากขึ้น”

เป็นไปตามสเต็ปของชีวิต?

“ผมว่านะ ผมสนิทกับคุณ โดนัท มนัสนันท์ ตอนที่แกเริ่มผันตัวมาทำ โปรดักชั่น เบื้องหลัง แกก็เริ่มตอนอายุ 33-34 ปีนี้ผมก็อายุ 34 เข้าสู่ 35 มันก็ตามขั้นตอน ผมก็เริ่มทำงานเบื้องหลังตอนอายุ 33 มันก็ตามวาระที่พี่ โดนัท เขาก็เป็น สมัยถ่าย โสดสตอรี่ ด้วยกัน ผมรู้สึกว่ามันก็โอเคตามวุฒิภาวะ มันไม่ได้อยู่ที่เรามองตัวเราเองอย่างเดียว มันอยู่ที่คนภายนอกเขามองเราด้วย ไม่งั้นผู้ใหญ่เขาคงไม่ให้โอกาส อยู่ดีๆ คงไม่ได้ไปทำ บก.นิตยสาร หรอก เราจุดหนึ่ง คนภายนอกจุดหนึ่งด้วย”

อิ่มตัวกับงาน เบื้องหน้า หรือยัง?

“ไม่หรอกครับ ผมมีความสุขในการไปกองนะ แต่ถ้าพูดตามความเป็นจริงกำลังของเราก็ไม่ได้เหมือนเดิม เราไม่สามารถตื่นตีห้า 7 วันได้เหมือนเมื่อก่อน แล้วเรามีความรับผิดชอบที่เยอะขึ้น มันมีคนรอเราอยู่ เราไม่สามารถจัดประชุมทุก 4 ทุ่ม เพราะทุกคนรอให้เราเลิกกองได้ ฉะนั้นเราก็ต้องคุยกับผู้จัดการ และครอบครัวของเราได้ บางอย่างมันต้องเลือก แล้วเราก็ต้องเลือกในสิ่งที่ไม่ทำร้ายใคร เราไม่สามารถรับได้ทุกอย่าง มันเป็นเรื่องของความเหมาะสม วัยผมจะ 35 แล้ว ยิ่งจะ แต่งงาน แล้วด้วย มันคืออีกขั้นหนึ่ง มันคือวุฒิภาวะที่เปลี่ยน ฉะนั้นมันก็ต้องเป็นบทบาทที่เข้ากับตัวละครเรา แล้วอีกอย่างหนึ่งแพลนของผมหลังจากนี้อยากจะโฟกัสโปรดักชั่นมากขึ้น แต่ก็ยังบอกผู้ใหญ่ บอกพี่ ป้อน นิพนธ์ พี่ บอย ถกลเกียรติ อยู่ว่าผมก็ยังพร้อมทำ การแสดง นะตามแต่ความเหมาะสมที่ผู้ใหญ่มองเห็น”

ปฏิเสธไปหลายงานไหม?

“ก็หลายอยู่นะครับ ก็เสียดายเหมือนกัน พอบอกว่าผมต้องโฟกัสเรื่อง งานแต่ง ครับ ผู้ใหญ่ก็เข้าใจ พอเขาเห็นในสิ่งที่เรากับคุณเพชรทำว่าเราลงเลือกสถานที่ เขาก็เลยรู้ว่า ฌอห์ณ ต้องโฟกัสสิ่งนั้น แม้กระทั่งกอง ละคร ซีรีส์ ที่เราถ่ายอยู่ ก็คุยกันตอนรับตั้งแต่แรกว่าผมมีคิวได้ถึงเดือน 7 นะ ถ้าพี่ทำงานได้ เราก็โอเค ถ้าพี่ทำไม่ได้มันจะกระทบทุกฝ่าย คือเราทำการบ้านมาแล้วครับ”

ตอนนี้คืบหน้าเตรียม งานแต่ง ไปถึงไหนแล้ว? “ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว”

ได้ฤกษ์ชัดเจนแล้ว?

“ใช่ มันมีหลายวันมาก มันจะมีงานบุญใหญ่ก่อนที่เราบูรณะพระเจดีย์เสร็จ เราก็จะไปร่วมฉลองแต่ง ชุดไทย ที่นั่น เราจะมีงาน หมั้น เราจะมี งานฉลองมงคลสมรส ที่เชียงรายอีก มันมีหลายงานแยกเป็นเดือนๆ ออกไป”

จัดทั้งหมดกี่ครั้ง?

“จริงๆ เกือบ 4 เดือน เดือนละงาน เพราะว่าเราก็ต้องทำอย่างอื่นด้วย คุณเพชรเขาก็แฟชั่นวีกที่ดูไบ เดือน 10 เราต้องพัก แล้วเขาก็ต้องไปจัดแฟชั่นโชว์ ผมเองก็เปิดกล้องอีกเรื่องหนึ่ง”

จัดงานติดกันในแต่ละเดือนเลยไหม?

“มีติด และมีเว้นด้วยครับ เดือนตุลาเป็นเดือนพักของเรา จริงๆ เริ่มทำบุญเดือน 7 งานหมั้นเดือน 8 งานผู้หลักผู้ใหญ่เดือน 9 เว้นวรรคเดือน 10 และเดือน 11 ฉลองมงคลสมรส ที่เชียงราย มันเป็นสถานที่เดทแรกๆ ของเรา เราก็ไปปลูกต้นไม้กันที่นู่น เราเคยไปดำนา ปลูกข้าวกันที่นู่น คุณแม่ของคุณเพชรเองก็มีบ้านอยู่ที่นู่น และญาติหลายๆ ท่าน มันเป็นสถานที่ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะ แล้วเราก็เคยตั้งหมุดกันไว้ว่า ชีวิตบั้นปลายเราอยากไปอยู่ที่นู่น เราก็เลยอยากให้ทุกคนได้เห็นบรรยากาศของเรา และเข้าใจว่าทำไมเราถึงชอบเชียงราย ก็เลยไปจัดที่เขาครับ ส่วนงานที่กรุงเทพฯ จะเป็น งานหมั้น เป็นงานผู้ใหญ่ครับ”

เตรียมงาน 80 เปอร์เซ็นต์แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

“เหนื่อยครับ แต่มีความสุขดี ขั้นตอนของการขอไม่ยากเท่ากับเตรียมในมุมของผมนะ ขอมันแค่เราลุ้นอยู่คนเดียว เราเตรียมซื้อแหวน เก็บเงิน แต่พอเราตัดสินใจกันเรื่อง งานแต่ง คุณต้องเอาความชอบของคุณด้วย และเอาความชอบของว่าที่ภรรยาคุณด้วย แต่บางคนเลือกที่จะยอมทุกอย่าง ภรรยาก็ไม่ชอบ เขาอยากให้มีดีเอ็นเอของคุณผู้ชาย บางทีการสั่งการทุกอย่างภรรยาก็ไม่ชอบ ฉะนั้นมันคือการบาลานซ์ให้มันสมูทที่สุด นี่แหละมันคือความยาก แต่คู่ผมไม่มีปัญหา “

เพราะเรายอม?

“ยอมหมดเขาก็ไม่ชอบ ผมว่ามันมีการดึง มีผ่อน มีปรนครับ บางอย่างเราต้องหลีก ส่วนเรื่องที่เราถนัด งานภาพถ่าย โปรดักชั่นพรีเซนต์วิดีโอเราใช้ทีมเรา เขาถนัดเรื่องแฟชั่นอยู่แล้ว แบ่งพาร์ตงาน เราจะไม่ตีกัน แต่มันก็มีบ้างอารมณ์เหนื่อย ถ่ายละครเสร็จสี่ทุ่มเราต้องประชุมเรื่องเวดดิ้งถึงตีสอง พรุ่งนี้ตื่นตีห้า แต่สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่งานที่จะเกิดขึ้นบ่อย มันเกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว มันคืองานความฝันของเขาความฝันของผม แล้วเป็นงานคนที่เรารักไปอยู่ตรงนั้น มันก็เลยจะเหนื่อยใจอะไร”

เป็นคนละเอียดอ่อนทั้งคู่ กว่าจะได้งานออกมายากไหม?

“ยาก มันเหมือนรวมเอาศิลปินสองคนมาร่วมงานกัน คือแฟนผมก็อาร์ตติสต์มากๆ เขาก็จะมีความไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ มันเหมือนกับที่เขาตัดเสื้อของเขา บางทีผมก็แปลกใจนะว่าเขาเอาเวลาไหนไปทำ วันนั้นเขาตัดชุดให้คุณ คิมเบอร์ลี่ ที่จะไป เมืองคานส์ ผมเห็นเขาทำอยู่ แล้วมือขวาก็มานั่งทำการ์ดกับเรา แล้วผมรู้สึกว่าเขาทำได้อย่างไร ผมก็งงมาก ทุกอย่างดีเทลต่างๆ ไม่ปล่อยผ่าน พอเขาละเอียดเราก็ไม่กล้าจะปล่อยผ่านง่ายๆ มันจะมีการคุยกันเยอะเรื่องนี้”

ตอนนี้งาน 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือล่ะคืออะไร?

“ผมว่ามันคือการซ่อมรอยรั่ว เก็บรายละเอียดที่เราขาดตกไปกับคอมเมนต์จากผู้ใหญ่ เหมือนตอนนี้เป็นความชอบของเราสองคนแบบนี้ ต่อไปมันจะเป็นเรื่องของคนนอกมอง เรื่องของกาลเทศะความถูกต้อง ผู้ใหญ่นั่งตรงนี้ถูกไหม เรื่องของการฟังความคิดเห็นจากครอบครัว”

ตื่นเต้นไหมใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว?

“โห มากเลยครับ ตอนนี้ก็ต้องอัดงานทุกอย่าง เพิ่งเข้าใจว่าจัดงานมันใช้งบค่อนข้างสูงหลายๆ อย่าง ของที่ดีมันก็มีราคา แล้วของที่มันดีที่เราไม่อยากได้ราคาสูงมันต้องไปเสาะหาเอาอีก ทุกอย่างมันไม่ง่าย ก็ตื่นเต้น คุยเรื่องงานทุกวันเลย มันก็เป็นอีกขั้นของชีวิตที่โตแล้ว”

เรียกว่าเป็นงานช้างอีกงานหนึ่งเลย?

“ใช่ คือมันมีคนคาดหวังเยอะ อย่างคุณเพชรเขาเป็นดีไซเนอร์ คนก็จะรอว่าเขาจะทำชุดอะไรออกมา คนก็มาถามผมอยากดูตัวพรีเซนต์วิดีโอช็อตฟิล์มว่าจะทำแบบไหน เราก็พยายามทำเต็มที่ที่สุดที่เราชอบ ส่วนเรื่องชุดเท่าที่คุณเพชรเขาวาง 4-5 ชุด ส่วนชุดเจ้าบ่าวผมให้คุณเพชรช่วยตัด เขาก็เหนื่อยหน่อย (หัวเราะ) คือเรื่องรสนิยมเขาดีครับ เราไว้วางใจเขา ตอนนี้ก็เริ่มแจกการ์ดแล้ว”

อดใจรอชมงานของหนุ่ม ฌอห์ณ ไม่ไหวแล้วนะคะเนี่ย ใส่ใจทุกกรายละเอียดขนาดนี้ งานแต่ง จะต้องออกมาดีอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
อัปเดตชีวิต ว่าที่เจ้าบ่าว ฌอห์ณ จินดาโชติ