ทนายนิด้า ชี้แจงคดี กระทำชำเรานางงาม อดีตช่างภาพ เปิดใจกับสื่อ

​​ทนายนิด้า ชี้แจงคดีกระทำชำเรานางงาม อดีตช่างภาพ เปิดใจกับสื่อ ยืนยันคดียังไม่ถึงที่สุด

หลังจากที่อดีตช่างภาพ ที่เคยเป็นข่าวกระทำชำเรานางงาม และตกเป็นข่าวดังเมื่อประมาณปี 64

โดยก่อนหน้านี้ อดีตช่างภาพ ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อครั้งแรกว่า ตอนนี้คดีแรก ศาลยกฟ้อง และยังเหลือต้องต่อสู้อีก 2 คดี โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิด ตามที่อีกฝ่ายกล่าวหา อีกทั้งเจ้าตัวยังบอกว่า เตรียมตัวจะฟ้องกลับคู่กรณีอีกด้วย

แทน อดีตช่างภาพ เปิดใจ ปมตกเป็นข่าว ก่อเหตุอนาจาร นางงามเวทีดัง

อย่างไรก็ดีหากจำกันได้ ตอนที่เป็นข่าวนั้น ทนายที่เป็นผู้ทำคดีให้ฝั่งนางงามก็คือ ทนายนิด้า ศรันยา หลังจากที่มีข่าวของอดีตช่างภาพออกมานั้น ด้าน ทนายนิด้า ก็ออกเคลื่อนไหวเฟซบุ๊ก โดยโพสต์ชี้แจงว่า

คดีข่มขืนนางงาม ที่ว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องแล้วมาบอกว่าคดีพลิก

พลิกในความหมายของนิด้าคือเรื่องเอากันไม่เคยเกิดขึ้นนะคะ แต่ในความเป็นจริงแล้วเกิดขึ้นจริง เอากันจริง โดยเราบอกว่าเราไม่ได้ยินยอม ตั้งใจไปถ่ายแบบไม่ได้ไปเอา ทางจำเลยสู้เรื่องว่ามาถ่ายแบบแล้วก็ตั้งใจเอากันด้วย จึงถือเป็นการยินยอม ไม่ใช่การข่มขืน

ประเด็นที่ศาลวินิจฉัยจึงสู้กันแค่ในเรื่องยอมหรือไม่ยอมแค่นั้นเอง ศาลมองว่ายอมก็ยกฟ้อง ศาลมองว่าไม่ยอมก็ลงโทษ ซึ่งในคดีนี้ศาลชั้นต้นให้น้ำหนักไปในทางยอมก็ยกฟ้องไป

ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ คดียังไม่ถึงที่สุด เพิ่งยื่นอุทธรณ์ไปเมื่อตอนต้นเดือนนี้ จึงพูดอะไรเกี่ยวกับรายละเอียดของคดีมากกว่านี้ไม่ได้เพราะมีเรื่องละเมิดอำนาจศาลอยู่ ติดคุกได้สูงสุด 6 เดือน และสภาทนายความชุดนี้จริงจังเรื่องมรรยาททนายความมากด้วย จึงต้องระมัดระวังให้มากขึ้น

แต่ที่แน่ๆ นิด้าเพิ่งรู้เหมือนกัน ว่ากล้องวงจรปิดมี เพราะในศาลนิด้ารีเควสมากอยากให้เอามาให้เห็นเหตุการณ์แต่ต้น ว่าก่อนเอากันมีที่มาที่ไปอย่างไร เจ้าตัวก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ติดตั้งไว้ จึงมาแต่ภาพนิ่งที่อีกฝ่ายถ่ายไว้โดยกล้องถ่ายภาพของตนเอง ซึ่งไม่สามารถเล่าเรื่องราวแต่ต้นก่อนเอาได้ ไม่มีเสียง นิด้าก็เลยไม่สามารถเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าชัดเจนขึ้นแบบไม่สามารถโต้แย้งได้ ส่วนเรื่องการเรียกค่าเสียหาย เป็นไปตามมาตรา 44/1 เป็นกระบวนการของศาลให้สิทธิผู้เสียหายในคดีอาญาเรียกค่าเสียหายเข้าไปในคดีได้ ไม่เคยเจรจานอกรอบทั้งก่อนศาลมีคำพิพากษาและเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว อีกทั้งค่าเสียหายดังกล่าวไม่มีผลเป็นการแลกกับการถอนฟ้องหรือแถลงไม่ติดใจเอาความคดีอาญาในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ไม่ว่าจะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้หรือไม่ก็ตาม คดีอาญาก็จะดำเนินต่อไป ขอให้รายละเอียดไว้เพียงเท่านี้นะคะ

ต่อมาจะพูดในส่วนของหลักการทั่วไป ในฐานะที่ทำคดีข่มขืนมาพอสมควร และปฏิเสธไปก็พอสมควรด้วยเหตุไม่มีพยานหลักฐานใดเลยมากไปกว่าคำบอกเล่าเพียงอย่างเดียว จะบอกว่าธรรมชาติของคนเอากันคือเอากัน 2 คนไม่ให้คนเห็น ดังนั้นไม่มีทางที่คดีข่มขืนจะหาประจักษ์พยานยืนยันได้ว่าก่อนเอาเหยื่อ จะดิ้นต่อท้องร้องต่อยปากอย่างไร หรือจะทำอะไรหากไม่ยินยอม หรือระหว่างทางเหตุการณ์เป็นอย่างไร ดังนั้น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ใช้พยานหลักฐานแวดล้อมทั้งนั้นมาประกอบร่างให้ศาลเชื่อให้ได้ เช่น คนเราเจ็บไข้ได้ป่วยไปหาหมอ จะอยากไปเอากับหมอไหม เป็นนางแบบตั้งใจไปถ่ายแบบส่งงานจะอยากไปเอากับตากล้องไหม หลังเกิดเหตุรีบประพฤติปฏิบัติตัวไปในทิศทางใด เล่าเหตุการณ์ให้คนที่ไว้ใจฟังไหม มีการเรียกเงินเรียกทองให้เข้าใจว่าแบล็คเมล์ไหม พยานแวดล้อมดังกล่าวจะเป็นคำตอบว่าอาจจะยอมหรือไม่ยอมก็ได้ แต่ทางไหนน่าจะเป็นมากกว่าก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาลพิจารณาจากร่างทั้งหมดที่ประกอบขึ้นมาในสำนวนคดีนั้นให้ศาลเห็น

เหยื่อบางคนก็ไม่ได้โชคดีเก็บหลักฐานอะไรไว้ได้มากพอ หรือถูกต้องถูกวิธี ดังนั้นในการทำคดีทั้งหมด คดีความผิดเกี่ยวกับเพศคือยากที่สุดแล้ว แต่ส่วนตัวรับรู้และเข้าใจในความเจ็บปวดของเหยื่อได้เสมอ ดังนั้นคดีประเภทนี้แทบจะไม่เคยปฏิเสธในการว่าความให้เลย แต่อย่างน้อยในสำนวนคดีนั้นจะต้องมีหลักฐานแวดล้อมให้นิด้าพอเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงประกอบเรื่องราวที่ลูกความเล่า และถ้าอยู่ในวิสัยที่สามารถช่วยแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในแง่มุมไหนให้ได้ก็จะทำ ที่นี้ก็เหลือแต่ว่าศาลเชื่อไหมแล้ว โดยในคดีอาญาต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นจนปราศจากความสงสัยให้ได้ ศาลจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลย โดยสุภาษิตที่ว่า ปล่อยคนชั่วไป 10 คน ดีกว่าเอาคนดี 1 คนเข้าคุก

และผลในการทำคดีข่มขืนมีทั้งคดีที่แพ้และชนะ โดยส่วนใหญ่ก็จะใช้แพทเทิร์นเดียวกันในการทำงาน และตั้งใจที่สุดแล้วในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อทุกคน อีกทั้งยังต้องให้กำลังใจลูกความในการถูกขู่ฟ้องกลับด้วยเสมอในกรณีแพ้คดี นับตั้งแต่เริ่มต้นคดี ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลให้เหยื่อที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราถูกปิดปากมาแต่ต้น นอกเหนือจากต้องแบกรับกับความเจ็บแค้นและความอับอาย และนิด้าเชื่อว่าเหยื่อเกินครึ่ง เลือกที่จะให้เรื่องนี้ตายไปกับตัวเองโดยไม่ทำอะไรต่อไป

อย่างไรก็ตามในฐานะอาชีพทนายความเรายอมรับทุกคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ว่าทำคดีแพ้แล้วไม่ยอมรับ

#ทนายความที่ไม่เคยแพ้คดีมีแต่ทนายที่ไม่เคยว่าความ

ไม่เห็นด้วยกับศาลชั้นต้นก็อุทธรณ์ไป ซึ่งคดีนี้เชื่อว่าคงสู้กันไปถึงศาลฎีกา และผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทุกฝ่ายต้องยอมรับเสมอ เพราะเชื่อว่าทนายความของทุกฝ่ายก็เต็มที่ๆ สุดแล้วในทุกคดีของตน

สุดท้ายนี้ นิด้าในฐานะคนที่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศมาหลายครั้งก่อนเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจมาเรียนกฎหมาย เป็นกำลังใจให้เหยื่อที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราทุกคน ยืนหยัดต่อสู้ ไม่ว่าจะสู้ในมิติไหนก็ตาม ไม่ว่าสู้แล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม ถ้าเชื่อใจ มั่นใจในความถูกต้อง ตั้งใจ จริงใจ ทนายคนนี้ไม่เคยทอดทิ้งลูกความ เคียงข้างเสมอและตลอดไปจนสุดทาง

เรื่องของคดี ต้องติดตามต่อไปว่าจะจบอย่างไร หากมีอะไรเพิ่มเติม แอดจะรายงานให้ทราบต่อไปค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
แทน อดีตช่างภาพ ออกมาอ้างว่าตนถูกใส่ความ