อีเต้ยอีจันตามหาพ่อพี่เชวงจนเจอ สุดท้ายนาทีเจอ กลับกอดไม่ได้

สงสารจับใจ! อีเต้ยอีจัน ตามหาพ่อให้พี่เชวงจนเจอ หลังพลัดพรากพ่อ 34 ปี แต่สุดท้ายกลับไม่ได้กอดกัน เมื่อได้ยินข่าวร้าย

เรื่องราวการพลัดพรากนี้ ถูกส่งมาจากค่ายทหาร จ.พิษณุโลก เจ้าของเรื่องชื่อ “เชวง” เขาบอกว่าพลัดพรากพ่อมาถึง 34 ปีแล้วค่ะ เมื่อได้รับเรื่องอีเต้ยจึงเดินทางไปพูดคุยกับพี่เชวง ถึงค่ายทหารนเรศวร จ.พิษณุโลก

จุดเริ่มต้นความพลัดพรากนี้เกิดขึ้นตอนพี่เชวง อยู่ในท้องแม่ได้แค่ 2-3 เดือน ตอนนั้นอยู่ที่ จ.เชียงราย พ่อทิ้งไปไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไรแน่ หลังคลอดได้ไม่นาน แม่ก็ไปอยู่กับแฟนใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย พี่เชวงจึงถูกเลี้ยงดูและเติบโตมากับตา ยาย จนพี่เชวงเรียกว่าท่านทั้ง 2 ว่าพ่อแม่โดยปริยาย

ถึงแม้ว่าตลอด 34 ปีที่ผ่านมา พี่เชวงจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แท้ๆ เลยก็ตาม แต่ก็ยังพอมีโอกาสได้พบเจอแม่บ้าง นานๆ ครั้ง

แต่กับพ่อนั้น ไม่มีแม้แต่โอกาสได้เจอเลย… มีเพียงรูปถ่ายพ่อสมัยหนุ่มๆ ที่แม่ได้เก็บไว้ให้ดูต่างหน้า

พี่เชวง บอก ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดที่จะตามหาพ่อ แต่เมื่อวันหนึ่งที่ตนมีโอกาสทำตามความฝันได้สำเร็จ คือ การรับราชการทหาร ก็อยากจะให้ผู้เป็นพ่อได้รับสิทธิ์สวัสดิการจากอาชีพที่ลูกภูมิใจ…

พี่เชวง ไม่อยากตัดสินว่าพ่อทิ้งไป แต่กลับกัน พร้อมจะเข้าใจว่าวันนั้น ต่างฝ่ายก็อาจจะมีเหตุผลที่ทำให้ต้องแยกทางกัน

อยู่มาจนทุกวันนี้ ก็กล้าพูดได้เต็มปากว่า “รักพ่อ” ถึงแม้ท่านจะไม่ได้เลี้ยงดูมา อย่างน้อยโอกาสที่เรารับราชการในวันนี้ ก็เพราะท่านให้โอกาส ให้ลมหายใจเรามา

ปมในใจที่มีมาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะไปทำอะไรที่ไหน สมัครเรียนอะไรก็ตาม ล้วนแต่ถูกถามหาข้อมูลพ่อ

ซึ่งเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่ได้…มีเพียงชื่อที่ทิ้งไว้ให้ “วัชรินทร์ บำรุงศรี”

อีกหนึ่งปมในใจคือ ไม่ว่าจะวันพ่อหรือวันแม่ก็ไม่มีให้กราบแบบคนอื่นๆ ทำได้แค่กราบตายายที่เลี้ยงดูมา

ข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวกับพ่อก็มีเพียง ชื่อ – นามสกุล โดยที่ไม่มีอะไรมายืนยัน ว่านั่นคือชื่อพ่อจริงๆ

พอมีข่าวคราว ข้อมูลของพ่อจากญาติๆ อยู่บ้าง คือ พ่อเป็นคน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีลักษณะผิวคล้ำ หน้าคม สูงผอม ซึ่งตรงกับรูปภาพพี่เชวงมีอยู่“อยากขอบคุณจากใจ อย่างน้อยที่เป็นผู้ให้กำเนิดเรามา ให้เราได้มีโอกาสได้เติบโต รับราชการถึงทุกวันนี้ ”

“ถ้าได้เจอจะใส่ชุดทหารไปกราบคุณพ่อสักครั้ง” นี่สิ่งที่พี่เชวงอยากทำ หากได้พบเจอพ่อ…

“อยากขอบคุณจากใจ อย่างน้อยที่เป็นผู้ให้กำเนิดเรามา ให้เราได้มีโอกาสได้เติบโต รับราชการถึงทุกวันนี้ ”

“ถ้าได้เจอจะใส่ชุดทหารไปกราบคุณพ่อสักครั้ง” นี่สิ่งที่พี่เชวงอยากทำ หากได้พบเจอพ่อ…

เคสนี้ เช็กเบื้องต้นมี 1 คนที่เข้าเค้า ไปโผล่อยู่ ม.5 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ทีมงานอีเต้ยรีบขึ้นเครื่องมุ่งหน้าไปตามหาทันที

เมื่อถึงปลายทาง เราเริ่มต้นที่ อบต.ทุ่งใหญ่ สอบถามเส้นทางไปยัง หมู่ 15

ทันทีที่เราเอ่ยปากสอบถามเจ้าหน้าที่ อบต. พี่เขาก็ยกหูหาผู้ใหญ่บ้าน ถามหาคนชื่อ “วัชรินทร์ บำรุงศรี”

ปัญหาหลังจากที่เราคุยกับผู้ใหญ่บ้านคือ ตอนนี้ช่วงโควิด ผู้ใหญ่บ้านไม่สะดวกให้ไปหา จึงให้เบอร์ติดต่อมาแทน เธอคนนั้นชื่อ “นฤมล” แกบอกเป็นญาติข้างบ้านของคนชื่อวัชรินทร์ ที่เรากำลังตามหา

อีเต้ยไม่รอช้า กดโทรศัพท์หาทันที แต่แล้วกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง ปลายสายไม่มีใครรับเลย…

ต้องขอเบอร์ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาแทน

ภารกิจเดินมาถึงตอนนี้ เริ่มไม่ง่ายแล้ว เมื่อเบอร์โทรที่ได้มาไม่มีคนรับสายเลย แต่อีเต้ยไม่ย่อท้อ ขับรถถามหาบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจากชาวบ้าน ภารกิจนี้มาไกลมาก จะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้

สุดท้ายความพยายามที่มี ก็ทำให้เจอกับบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจนได้… เราเดินลงรถ พร้อมยกมือสวัสดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หวังเจ้าบ้านอ้าแขนต้อนรับ

หลังจากอีเต้ยได้เจอกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งรู้จักเพจอีเต้ยอีจันพอดี เพราะติดตามอยู่ตลอด นั่นจึงเป็นเหมือนสวรรค์ เราได้ความไว้เนื้อเชื่อใจโดยไม่ต้องร่ายยาวกล่าวถึงที่ไปที่มา ผู้ช่วยฯ ก็เต็มใจช่วย

พอให้ข้อมูลปุ๊บ ผู้ช่วยก็เดินเข้าไปหยิบเล่มทะเบียนราษฎร์ออกมากาง หาชื่อคนที่เรามาตามหา “วัชรินทร์ บำรุงศรี” และข่าวดี คือพบว่า เขามีชื่อ และมีตัวตนอยู่ที่นี่จริงๆ เราจึงไม่รอช้า รบกวนให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำทางไปตามที่อยู่นั้นทันที

สิ่งที่แน่นอนเลย ตอนนี้คือเราได้เจอตัวเป็นๆ ของคนชื่อวัชรินทร์ ชัวร์ แต่ที่ต้องลุ้นคือ คำตอบ

เมื่อถึงปลายทาง กลับพบว่าบ้านของคนชื่อวัชรินทร์ ปิดเงียบ อีเต้ยไม่รู้จะทำยังไง เลยเดินไปหาคนข้างบ้าน และเจ้าบ้านหลังที่เรามุ่งหน้าไปหา คือ พี่นฤมล คนที่เราโทรหาไม่ติดนั่นเอง

เราเล่าถึงที่มาที่ไป ให้พี่นฤมลฟัง เธอก็เข้าใจ และให้ข้อมูลกับทีมงานว่า คนชื่อวัชรินทร์ ตอนนี้ไปอยู่กับเมียที่อำเภอชะอวด ซึ่งไกลจากจุดนี้มาก ติดชายแดนข้ามไปอีกจังหวัดเลย หากอีเต้ยจะเดินทางไปหา อาจขึ้นเครื่องกลับกรุงไม่ทัน

พี่นฤมล เธอบอก เหมือนจะรู้ว่าคนชื่อวัชรินทร์ เคยมีลูกอยู่ทางภาคเหนือด้วย

คำตอบแบบนี้ คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่า วัชรินทร์คนนี้ คือ พ่อของพี่เชวงจริงๆ และเรื่องการมีลูกของเขา อาจไม่ใช่ความลับ และเพื่อยืนยันว่า “วัชรินทร์ บำรุงศรี” คนนี้ เป็นคนเดียวกับที่เราตามหา อีเต้ยยกรูป พ่อของพี่เชวงให้พี่นฤมล ดูทันที ว่ามีแววจะใช่คนเดียวกันหรือไม่

ขณะเดียวกัน เราตัดสินใจต่อสายหาคนชื่อวัชรินทร์ จากเบอร์โทรที่ติดอยู่หน้าบ้าน อีเต้ยภาวนาให้ปลายสาย…กดรับ

เสียง “ฮัลโหล” ดังขึ้นจาก ปลายสาย หลังเรารอไม่นานนัก ความตื่นเต้นและตุ้มๆ ต่อมๆ กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าเราจะรู้สึกอะไรก็ตาม ต้องพยายามเก็บอาการให้อยู่ หลังสอบถามจนมั่นใจว่าเรากำลังคุยกับคนที่ตามหาอยู่จริงๆ “พ่อวัชรินทร์ บำรุงศรี” จึงยิงคำถามที่อยากรู้มากที่สุดทันที “พ่อครับ พ่อเคยมีลูกชายอยู่ทางเหนือไหมครับ…เชวง ระเรือง”

“ถูกต้องครับ” พ่อตอบได้อย่างเต็มปาก “ลูกพ่อชื่อ เชวง ระเรือง พ่อเคยค้นชื่อเขาจะทะเบียนราษฎร์ จนได้เบอร์โทรมาครั้งหนึ่งแล้ว เคยโทรไปหาตั้งหลายครั้ง แต่ปลายสายเขาบอกไม่ใช่ เชวง พ่อก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี” นั่นคือคำตอบที่เกินความคาดหมายมากครับ ไม่ต้องถามว่าพ่ออยู่เจอลูกชายไหม คำตอบก็ชัดเจนในประโยคที่พ่อพูดกับเราแล้ว

คุยกันได้พอรู้ความ เราจึงนัดเจอพ่อที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเห็นหน้าค่าตา อีเต้ยขอบคุณผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ช่วยตามหาพ่อวัชรินทร์จนเจอ ไม่ได้ผู้ช่วยฯ คงแย่

จากนั้น เรารีบมุ่งหน้าไปเจอพ่อทันทีครับ

เมื่อขับรถถึงจุดนัดพบ เราก็เห็นพ่อยืนรออยู่แล้ว อีเต้ยยกมือไหว้ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ พ่อตอบคำถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แววตา ดูมีความสุข เห็นชัดเจนทะลุแมสก์

พ่อวัชรินทร์มากับแฟนใหม่ ที่พร้อมจะต้อนรับลูกชายอย่างพี่เชวง มาเป็นสมาชิกในครอบครัวอีกคน ยินดีที่พ่อจะได้พบเจอลูกชายที่พลัดพรากจากกันมานาน

พ่อวัชรินทร์ เล่าย้อนกลับไป 34 ปีที่แล้ว เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากตอนพ่อวัยรุ่น เป็นคนชอบเที่ยว ไปทุกที่ เที่ยวทุกภาค เมื่อแยกทางกับแม่ของพี่เชวง ก็ได้มีโอกาสเจอกันอีกครั้งที่กรุงเทพฯ ถึงได้รู้ว่าลูกชื่อเชวง ระเรือง เคยเห็นรูปถ่ายตอนเด็กๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย มันจึงกลายเป็นความพลัดพรากมาถึงทุกวันนี้

คุยกันยาวถึงเหตุผลต่างๆ นานา ความผิดพลาดที่มันเกิดขึ้น วันนี้การที่โชคชะตาให้อีเต้ยได้มาเจอพ่อวัชรินทร์ ไม่ได้แปลว่า อดีตจะถูกแก้ไข แต่มันหมายถึง แผลในอดีตกำลังจะถูกเยียวยา ชีวิตที่ขาดพ่อ กำลังจะเริ่มต้นใหม่ด้วยการได้กอดพ่ออีกครั้งในรอบ 34 ปี…

พี่เชวง กำลังจะได้พบเจอพ่อครับ

เรานัดวันทั้งคู่เรียบร้อย แล้วจึงพามาเจอกัน พร้อมวางแผนกับคุณพ่อ เพื่อเซอร์ไพรส์พี่เชวง แต่…แผนล่ม

เมื่ออีกไม่กี่ชั่วโมง ลูกกำลังจะเดินทางไปหาพ่อถึงบ้าน เราได้รับโทรศัพท์จากพ่อวัชรินทร์พร้อมแจ้งข่าวร้ายที่ว่า “พ่อติดโควิด”

พี่เชวง ตั้งใจเดินทางจากพิษณุโลก มา จ.นครศรีธรรมราช 1,200 กว่ากิโลเมตร กลับไม่ได้กอดพ่อได้อย่างที่หวังไว้

เมื่อเราบอกข่าวนี้กับพี่เชวง มันสัมผัสได้เลยว่าพี่เชวงมีอาการเศร้าใจนิดหน่อย แต่ก็พยายามไม่แสดงอาการ พร้อมทำใจได้ในไม่กี่วินาที “แค่โควิด ไม่ใช่ตายจาก” 

“ถือซะว่าวันนี้มาเจอ วันหลังค่อยมากอดนะพี่เวง” อีเต้ยพูดปลอดใจพี่เวง พลางเดินไปขึ้นรถ แล้วเดินทางมุ่งหน้าไปบ้านพ่อวัชรินทร์

34 ปีที่ผ่านมา พ่อ คือสิ่งที่ต้องการมาตลอด ตอนนี้เขาได้นั่งอยู่ตรงหน้าพี่เชวงแล้วนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กอด แค่เพียงได้กราบก็ถือว่าโชคดีแล้ว

คุยกันพอหอมปากหอมคอ พี่เชวงก็ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจในระดับหนึ่งแล้ว ทีมงานจึงรวบรัดตัดตอน กระชับเวลาให้มากที่สุด ด้วยสถานการณ์ พ่อก็ควรได้รับการรักษา หรือกักตัว คนไม่ป่วยก็ต้องแยกกันอยู่ก่อน

ครั้งนี้ ได้เจอหน้าก็ดีที่สุดแล้ว ยินดีกับพี่เชวงด้วยนะครับ เดี๋ยวไว้โควิดพ่อหาย ก็ได้กอดกันนะ

คลิปแนะนำอีจัน
พี่แอนตามหาพ่อ พลัดพราก 29 ปี EP.5 (ตอนจบ)