
ระวังกันด้วยนะ ช่วงนี้ HIV กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ (7ก.ค.68) ในการประชุมวุฒิสภา โดยมี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วาระกระทู้ถามด้วยวาจา นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ตั้งกระทู้ถามถึงปัญหาและแนวโน้มของผู้ติดเชื้อ HIV ในไทย ที่ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางป้องกันและประชาสัมพันธ์อย่างไร โดยเน้นคุณภาพที่สามารถแก้ปัญหาได้ในอนาคต
กระทรวงสาธารณสุขเสียงบประมาณในแต่ละปี ทำโครงการรณรงค์การป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหน และเสียงบประมาณเท่าไหร่ในการแก้ไขดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี และต่อคนต้องใช้งบเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ และจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวี รายใหม่ในไทย รวมยอดผู้ติดเชื้อ และต่างด้าวที่ติดเชื้อเอชไอวีมีจำนวนเท่าไหร่ เพราะปัจุจบันเราต้องเสียเงินจำนวนมากให้กับต่างด้าวที่ติดเชื้อ

โดยนายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกระทู้ดังกล่าวตอนหนึ่งว่า ยอมรับว่ามีตัวเลขของผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้มีมาตรการในการกำหนดยุทธศาสตร์ตั้งแต่ปี 2560 – 2573 โดยกำหนดเป้าหมายลดติด-ลดตาย-ลดตีตรา ลดการติดเชื้อ HIV รายใหม่ ให้เหลือไม่เกิน 1,000 คนต่อปี และลดการเสียชีวิตเนื่องจากโรคเอดส์เหลือไม่เกินปีละ 4,000 คน ในการรับรักษาตัวอาจจะไม่ได้ติดเชื้อในปีนี้ แต่เป็นการติดในระยะสะสมและเข้ามารักษาตัวในปีนี้ ตัวเลขจึงเพิ่มขึ้น
จากการศึกษาตัวเลขโดยกรมควบคุมโรค พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปี จึงเล็งเห็นว่า ควรมีการแจกถุงยางอนามัยในสถานศึกษา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับสถาบันศึกษาและสถาบันอุดมศึกษาทุกโรงเรียน ต่อไปจะเดินหน้าแจกถุงยางอนามัย พร้อมให้ความรู้กับเด็กเยาวชนในการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องป้องกันการติดเชื้อ HIV
ทั้งนี้ ในอนาคตจะมีการตั้งจุดตรวจ HIV เพิ่มขึ้น เช่น MOU ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มจุดตรวจในโรงเรียนให้กับนักเรียน หรือร่วมกับบริษัทเอกชนต่างๆ เพื่อตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง
นายชัยชนะ กล่าวว่า ปี 2568 นี้ พบว่า 5 จังหวัดแรกที่มีการติดเชื้อ HIV มากที่สุด เป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา เป็นต้น
ในแต่ละปีกระทรวงใช้งบประมาณในการจัดการรณรงค์ส่งเสริมป้องกันการติดเชื้อ HIV ประมาณ 8,498 ล้านบาท เป็นเงินของประเทศไทย 7,710 ล้านบาท คิดเป็น 91 % และเงินที่ได้รับการสนับสนุนจาก 788 ล้านบาท คิดเป็นเงิน 9% ซึ่งประมาณ 6,300 กว่าล้านบาท ใช้เพื่อเป็นค่ายาและค่ารักษา และรายได้เพื่อการป้องกัน 1,000 กว่าล้านบาท การบริหารจัดการ 183 ล้านบาท
สำหรับจำนวนต่างชาติที่ติดเชื้อ และได้รับการรักษา HIV มีประมาณ 5,700 คน ซึ่งใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 12,500 บาทต่อปีต่อคน
นี่เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การบริหารงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในเรื่องโรคติดเชื้อ HIV อยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้ดูแลเฉพาะพี่น้องประชาชนชาวไทย แต่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทยก็ให้ความสำคัญเช่นกัน นายชัยชนะ กล่าว