17 ก.พ. 65 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่อง โควิด โอมิครอน โดยระบุว่า…
แอนติบอดี ที่สามารถจับโปรตีนหนามสไปค์ได้ดีมากๆ หลายตัวได้ถูกแยกออกมา และ ผลิตออกมาเป็นแอนติบอดี รักษาหลายตัวแล้ว เป็นเหมือนยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
ตอนช่วงก่อน โอมิครอน มีของหลายยี่ห้อใช้ได้มีประสิทธิภาพสูงพอๆ กัน
แต่โอมิครอนทำให้ แอนติบอดี รักษาหลายชนิดใช้งานไม่ได้เพราะตำแหน่งที่แอนติบอดีเข้าทำงานถูกกลายพันธุ์ไปใน โอมิครอน
ดร.อนันต์ ระบุด้วยว่า ปัจจุบันยังมี แอนติบอดี เพียงแค่ไม่กี่ชนิดที่ยังจับและยับยั้ง โอมิครอน ได้อยู่ แม้จะมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น เช่น ยาโซโตรวิแมบ ซึ่งได้ทดสอบว่าเป็นความหวังของการรักษาโอมิครอนได้ นับว่าเป็นข่าวดี
แต่ข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่คือ โอมิครอน สายพันธุ์ BA.2 ที่มีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจาก BA.1 ไปบางตำแหน่ง ดูเหมือนจะไปหยุดการทำงานของแอนติบอดีตัวนี้ได้
ผลการทดสอบที่เพิ่งเปิดเผยออกมาคือ ค่าที่ยาสามารถยับยั้งไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ 50% (IC50) จากที่ใช้จำนวน 2072 ng/ml ในสายพันธุ์ โอมิครอน BA.1
แต่ค่านั้นสูงเกินวัดได้เมื่อทดสอบกับ BA.2 ซึ่งอาจจะบอกว่า แอนติบอดี ตัวนี้อาจใช้ต้าน BA.2 ไม่ได้ รวมถึง Evushield ซึ่งเป็นอีกสูตรของแอนติบอดีด้วย อาจจำเป็นต้องหา แอนติบอดี ตัวใหม่เพิ่มเติมกับการรับมือกับ BA.2