หมอยง ชี้ โควิด โอไมครอน หลบซ่อนในหลายพื้นที่ มีโอกาสระบาดแทน เดลต้า?

หมอยง โพสต์เฟซบุ๊ก โควิด โอไมครอน หลบซ่อนในหลายพื้นที่ ชี้ มีโอกาสระบาดแทนสายพันธุ์ เดลต้า?

5 ธ.ค. 64 หมอยง หรือ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ โควิด สายพันธุ์ โอไมครอน โดยระบุว่า ตั้งแต่เริ่มพบ และวินิจฉัยสายพันธุ์ โอไมครอน ได้ในวันที่ 23 พ.ย. ในผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. องค์การอนามัยโลก ประกาศเป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังในวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งความจริง โควิด โอไมครอน ได้หลบซ่อนกระจายไปหลายท้องที่ เพราะไม่ได้มีการตรวจสายพันธุ์ในผู้ป่วยทุกราย

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ในปัจจุบันจะพบสายพันธุ์นี้มากกว่า 20 ประเทศ และเริ่มพบในผู้ที่ไม่เคยเดินทางไปแอฟริกาตอนใต้ (Local transmission) เช่น ในประเทศนอร์เวย์ ก็มีการระบาดภายในประเทศเกิดขึ้น อเมริกาเอง ที่มีการตรวจสายพันธุ์มาก ก็พบในประชากรที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ แสดงถึงการระบาดในท้องที่แล้ว

การตรวจสายพันธุ์ ไม่สามารถตรวจได้ทุกราย ทุกแห่ง เพราะมีขีดจำกัด ถ้าตรวจน้อยก็จะไม่พบ

โอไมครอน พบได้แม้กระทั่งในผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว การติดเชื้อซ้ำ จากรายงานมาจนถึงขณะนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการน้อย แต่ปริมาณไวรัสในลำคอมีปริมาณมาก เช่น ผู้ป่วยในฮ่องกง มีปริมาณไวรัสค่อนข้างสูง และได้รับวัคซีนมาก่อน และสามารถติดต่อไปยังห้องตรงข้ามได้

เหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดในประเทศไทย ในระยะแรกของสายพันธุ์เดลต้า ที่บุคคล 2 คน มากักตัวในโรงแรม อยู่ชั้นเดียวกัน และก็ไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันที่แน่ชัดได้ว่าโรคนี้ติดต่อผ่านทางอากาศที่ลอยไปมาแน่นอน การสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้บางครั้งเป็นการยากที่จะบอก อาจจะมีคนกลางสัมผัสเป็นสื่อข้ามไปมา

โอไมครอน แพร่กระจายได้ง่าย ระบาดได้ง่าย จึงพบได้อย่างรวดเร็ว และกระจายไปในหลายทวีป ซึ่งยังไม่มีหลักฐานว่า อาการที่เกิดจากสายพันธุ์นี้จะรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิมเดลต้า ถ้าการแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์นี้จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดลต้า ในเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

จากข้อมูลถึงปัจจุบัน รวมทั้งที่มีการระบาดนอกแอฟริกาตอนใต้ จะเห็นว่าผู้ป่วยครึ่งหนึ่งไม่มีอาการ และอีกประมาณครึ่งหนึ่งมีอาการน้อย ยังไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการมาก ถึงต้องนอนโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต การฉีดวัคซีนให้มีภูมิต้านทาน แล้วสายพันธุ์นี้ระบาด มีอาการน้อย โรคไม่รุนแรง ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต และจะเป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานให้สูงขึ้นและอยู่นานก็จะเป็นไปตามวิวัฒนาการของไวรัสในการปรับตัวให้ลดความรุนแรงของโรคลง เหมือนโคโรนาไวรัสที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจในเด็ก ที่พบอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเลย

คลิปอีจัน แนะนำ
ลุงพล ป้าแต๋น กังวลค่าใช้จ่ายหาทนายใหม่