อย่าประมาท โอไมครอน! หมอธีระ ชี้มีรายงานดื้อต่อภูมิคุ้มกัน

หมอธีระ โพสต์เฟซบุ๊กเตือน อย่าประมาท โอไมครอน หลังมีรายงานดื้อต่อภูมิคุ้มกัน

เมื่อวานนี้ UK Health Security Agency เพิ่งออกรายงานการประเมินความเสี่ยงของ โอไมครอน ฉบับใหม่ขึ้นมา โดยมีสาระสำคัญคือ

1.ความได้เปรียบของ โอไมครอน ในด้านการขยายตัวของการระบาดเมื่อเทียบกับ เดลต้า (Growth advantage) ข้อมูลของสหราชอาณาจักร พบว่า มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อติดเชื้อในครัวเรือนสูงขึ้นมาก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากทั้งเรื่องศักยภาพของสายพันธุ์ โอไมครอน ที่จะแพร่ได้ง่ายขึ้นมากขึ้น และการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน

2.ศักยภาพในการแพร่เชื้อของ โอไมครอน นั้น ได้รับการประเมินว่าอย่างน้อยต้องเทียบเท่ากับ เดลต้า (หรืออาจมากกว่า) โดยดูจากลักษณะของการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก และดูจากโครงสร้างพันธุกรรมที่เปลี่ยนแปลงในตำแหน่งต่างๆ ดังที่ทราบกัน

3.การดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ขณะนี้มีหลักฐานวิจัยมากขึ้นที่ตอกย้ำถึงศักยภาพของเชื้อสายพันธุ์ โอไมครอน ที่ดื้อต่อระดับภูมิคุ้มกันมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่ผ่านมา ทั้งนี้แม้จะยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลต่อการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตก็ตาม

ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจที่สหราชอาณาจักรยกระดับมาตรการต่างๆ ทั้งเรื่องให้ทำงานอยู่บ้าน บังคับใส่หน้ากากในสาธารณะ และการต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีน เพื่อหวังจะชะลอการระบาดให้ได้ มิฉะนั้นคาดว่า โอไมครอน จะระบาดเป็นหลักภายใน 2-4 สัปดาห์ข้างหน้า

สำหรับประเทศไทยขอเตือนดังๆ ว่า อย่าประมาท เพราะจากบทเรียนสองปีที่ผ่านมา เชื่อว่า โอไมครอน จะมาถึงเราแน่นอน เฉกเช่นเดียวกับทุกสายพันธุ์ที่ผ่านมา ยิ่งในปัจจุบันมีการเปิดประเทศมาตั้งแต่พฤศจิกายนที่ผ่านมา โอกาสที่จะหลุดเข้ามาแล้วย่อมมีสูง การจะระบาดปะทุขึ้นมาในที่ใดที่หนึ่งโดยไม่รู้ตัวย่อมมีได้เสมอ

หมอธีระ บอกอีกว่า หัวใจสำคัญที่ประชาชนไทยเราจะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตจาก โอไมครอน ได้นั่นคือ

1.ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า

2.เว้นระยะห่างจากทุกคนที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันนอกบ้าน เกินหนึ่งเมตร

3.จะพูดคุยติดต่อกับใคร เลือกติดต่อเฉพาะคนที่ป้องกันตัวดี หากเจอที่ไม่ป้องกันตัว ให้หลบห่างออกมา

4.เลี่ยงการตะลอนท่องเที่ยว

5.เลี่ยงการจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์

6.เลี่ยงสถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี

ทั้งนี้ ถ้ามองดูระดับมหภาค ปัจจัยเชิงระบบที่จะกำหนดชะตาการระบาดว่าจะหนักหรือไม่นั้น มี 2 เรื่องหลักคือ นโยบายและมาตรการของรัฐ หากยังเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง และเน้นเชิงเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จากชาวต่างประเทศดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ความเสี่ยงจะสูงมาก การตรวจคัดกรองโรคอย่างเข้มงวด และการกักตัวเป็นเพียงสองสิ่งที่จะชะลอการระบาดได้

สำหรับการระบาดในประเทศ ระบบบริการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐาน จะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายในการควบคุมการระบาด จำเป็นจะต้องทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐานได้อย่างรวดเร็วทั่วถึง และไม่มีค่าใช้จ่าย ศักยภาพของระบบในการตรวจจำนวนมากและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

คลิปอีจันแนะนำ
ผมรับไหว้ ไม่ได้ทำให้กฎหมายเปลี่ยน